เกาะเสม็ดสะอื้น
เกาะเสม็ดมีธรรมชาติสวยงาม หาดทรายขาวสะอาด น้ำทะเลใสเหมือนกระจก และเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของภาคตะวันออก
เกาะเสม็ดมีธรรมชาติสวยงาม หาดทรายขาวสะอาด น้ำทะเลใสเหมือนกระจก และเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของภาคตะวันออก
แต่ชั่วเวลาเพียงข้ามคืน ธุรกิจท่องเที่ยวของเกาะเสม็ดก็ต้องประสบความเสียหายนับร้อยนับพันล้านบาท
เหตุผลเป็นเรื่องที่ทุกคนทราบกันดีแล้ว เพราะเป็นข่าวดังติดต่อกันมากว่าสัปดาห์ นั่นก็คืออุบัติเหตุน้ำมันรั่วลงทะเลและคราบน้ำมันส่วนหนึ่งได้ลอยมาขึ้นบกที่อ่าวพร้าวของเกาะเสม็ด
ก่อนอื่นผมต้องขอแสดงความชื่นชมคนที่มีจิตอาสานับพันคนที่ร่วมมือร่วมใจกันในการต่อสู้ขจัดคราบน้ำมัน เพื่อปกปักรักษาสิ่งแวดล้อมและเพื่อฟื้นฟูธรรมชาติให้กลับสู่สภาพเดิมในเร็ววัน
คนเหล่านี้มีทั้งผู้บริหารและพนักงานในกลุ่ม ปตท. ทหารและประชาชนทั่วไป ตลอดจนชาวบ้านในละแวกนั้น
นอกจากคนเหล่านี้จะยอมเสียสละความสุขส่วนตัวโดยไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อยแล้วยังต้องเผชิญกับกลิ่นเหม็นของน้ำมันที่ทำให้หลายคนต้องล้มป่วย ตลอดจนยอมรับความเสี่ยงจากการสัมผัสและสูดดมสารที่อาจเป็นพิษเข้าไปในร่างกาย
แต่อีกด้านหนึ่ง เราก็คงต้องเผชิญหน้ากับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งผมอยากให้ข้อสังเกตในหลายประเด็น ดังนี้
หนึ่ง แม้จะเป็นอุบัติเหตุน้ำมันรั่วครั้งใหญ่ที่สุดของไทย แต่ถ้าเอาไปเปรียบเทียบกับอุบัติเหตุครั้งร้ายแรงในต่างประเทศ เช่น อุบัติเหตุแท่นขุดเจาะน้ำมันในอ่าวเม็กซิโกระเบิดเมื่อ 3 ปีก่อน ครั้งนั้นประมาณว่ามีน้ำมันรั่ว 45 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าครั้งนี้ของเรากว่า 1 หมื่นเท่า
เรือบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่ในยุคนี้ มักจะมีระวางบรรทุกเกินแสนตัน ทุกครั้งที่เกิดอุบัติเหตุหรืออับปาง ถึงน้ำมันจะรั่วออกมาเพียงบางส่วน แต่ก็อาจจะมากกว่าอุบัติเหตุครั้งนี้ของเรานับร้อยเท่า
สอง โดยทั่วไปหากคราบน้ำมันลอยอยู่ในทะเลโดยไม่ขึ้นฝั่ง ความเสียหายจะมีน้อยกว่า เพราะชายฝั่งเป็นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตเป็นจำนวนมาก ทั้งสัตว์น้ำ สัตว์ปีก และพืชพันธุ์ต่างๆ นอกจากนี้ เช่นในกรณีของเกาะเสม็ดและอ่าวพร้าว ยังมีโขดหินและหาดทรายที่สวยงาม เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ และเป็นที่ทำกินของคนในพื้นที่
คราบน้ำมันที่ลอยอยู่กลางทะเล หากไม่ถูกกำจัดด้วยฝีมือมนุษย์ โดยการฉีดสารเคมีลงไปช่วยย่อยสลายหรือดูดซับกลับขึ้นมาบนเรือในที่สุดก็จะถูกย่อยสลายไปเองโดยจุลินทรีย์ที่มีอยู่ในธรรมชาติ ตลอดจนกระบวนการทางธรรมชาติอื่นๆ
คราบน้ำมันที่ลอยมาใกล้ชายฝั่ง เช่นในกรณีของอ่าวพร้าวที่มีหน้ากว้างเพียงไม่กี่ร้อยเมตร หากรู้ตัวล่วงหน้าและมีเครื่องไม้เครื่องมือพร้อมก็อาจจะพยายามสกัดไว้ไม่ให้ขึ้นฝั่ง เช่น โดยการโรยทุ่นกันไว้ แล้วระดมกองเรือ รวมทั้งเรือประมงของชาวบ้าน ออกไปช่วยกำจัด
แน่นอนว่า หากตรงกับช่วงเวลาที่คลื่นลมแรง ผลที่ได้ก็จะมีน้อยลง
สาม มีคนตั้งคำถามกันมากว่า บริษัท พีทีทีจีซี และกลุ่ม ปตท. โดยรวม ตลอดจนหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง มีความพร้อมในการรับมือกับวิกฤตการณ์ต่างๆ เหล่านี้แค่ไหน
ผมคิดว่ามีคำตอบที่ชัดเจนอยู่แล้วจากเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้น นั่นก็คือไม่ใคร่จะพร้อม แต่เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจ เพราะแต่ละคนต่างไม่มีประสบการณ์มาก่อน
อุบัติเหตุน้ำมันรั่วในทะเลเกิดขึ้นได้ไม่เฉพาะกับพีทีทีจีซี หรือกลุ่ม ปตท.เท่านั้น ตัวอย่างเช่น เรามีบ่อน้ำมันกระจัดกระจายอยู่ทั่วอ่าวไทยและมีการขุดเจาะน้ำมันแล้วเป็นพันๆ หลุม นอกจากนี้ ยังมีเรือเดินทะเล รวมทั้งเรือบรรทุกน้ำมันเข้าออกน่านน้ำของเราอยู่ตลอดเวลา ซึ่งแต่ละลำต่างมีถังบรรจุน้ำมันเชื้อเพลิงมากกว่า 5 หมื่นลิตร เกือบจะทั้งสิ้น
การเตรียมพร้อมรับมือกับอุบัติเหตุน้ำมันรั่วลงทะเลจึงน่าจะมีการรวมศูนย์ โดยมีเครื่องไม้เครื่องมือครบและพร้อมใช้งาน รวมทั้งมีทุ่นสำหรับกักคราบน้ำมันที่มีความยาวรวมกันหลายสิบกิโลเมตร ตลอดจนมีผู้เชี่ยวชาญที่จะระดมมาช่วยกันได้เมื่อได้รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุ ไม่ว่าจะเกิดกับใครหรือบริษัทไหนก็ตาม
หากยังนึกภาพไม่ออก ก็ให้นึกถึงสถานีรถดับเพลิง ซึ่งมีหลักการคล้ายกัน
สี่ เกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ทำให้ทราบว่ามีหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องมากมาย ระดับกระทรวงอย่างน้อยก็ 3 กระทรวง รองลงไปก็มี กรม กอง รัฐวิสาหกิจในสังกัด และอื่นๆ
ความรับผิดชอบก็กระจัดกระจายออกไป จนเกือบจะกล่าวได้ว่า ไม่มีใครต้องรับผิดชอบอย่างจริงจัง
ผลที่ตามมาคือข่าวสารและการเปิดเผยข้อมูลของทางการขาดความชัดเจน และทำให้สังคมคลางแคลงว่ามีการอำพรางความจริงหรือไม่ เช่น ปริมาณน้ำมันรั่วมีเพียง 5 หมื่นลิตร จริงหรือไม่ หรือที่รัฐมนตรีบางคนออกมายืนยันว่าไม่มีสารพิษที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย หรือไม่มีสารปนเปื้อนในอาหารทะเล เชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน
ห้า ความเสียหายที่คิดได้เป็นตัวเงินครั้งนี้ อยู่ในระดับไม่กี่พันล้านบาท ซึ่งเมื่อหักส่วนที่จะเคลมได้จากบริษัทประกัน ภาระที่จะเกิดกับกลุ่ม ปตท. ก็จะยิ่งเหลือน้อยลง
สำหรับกลุ่ม ปตท. เงินจำนวนนี้เป็นจำนวนน้อยนิด เมื่อเปรียบกับกำไรนับแสนล้านบาทในแต่ละปี
หากเป็นอุบัติเหตุที่เกิดในธุรกิจอื่นที่มีกระแสเงินและผลกำไรน้อยกว่า ก็อาจมีปัญหาตามมามากมายว่าใครจะเป็นผู้แบกรับภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ และชาวบ้านจะได้รับการชดเชยและการเยียวยาอย่างเพียงพอหรือไม่
ผู้บริหารและพนักงานในกลุ่ม ปตท. อาจจะเหนื่อยทั้งกายและใจกับการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในช่วงนี้ แต่คงไม่มีใครต้องควักกระเป๋าเองเพื่อแบกรับภาระทางการเงินที่เกิดขึ้น
ข้อสุดท้าย ใครที่บอกว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นบทเรียนราคาแพงสำหรับประเทศไทย ผมกลับเชื่อว่าไม่เป็นความจริง
อุบัติเหตุครั้งนี้ไม่ทำให้บุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เกิดความสูญเสียมากพอที่จะเก็บความเจ็บช้ำไว้เป็นบทเรียน เพื่อป้องกันไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยในอนาคต
เป็นห่วงแต่ว่า อุบัติเหตุครั้งต่อไปจะใหญ่กว่านี้และเสียหายมากกว่านี้หลายเท่า


