posttoday

ศาลสั่งรอลงอาญา3ปีคดีนศ.กระทืบรปภ.

31 กรกฎาคม 2556

ศาลอาญาพิพากษารอลงอาญา 3ปีคดี2นักศึกษาม.รามคำแหงรุมทำร้ายรปภ.ในมหาวิทยาลัยอาการสาหัส

ศาลอาญาพิพากษารอลงอาญา 3ปีคดี2นักศึกษาม.รามคำแหงรุมทำร้ายรปภ.ในมหาวิทยาลัยอาการสาหัส

ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีทำร้ายผู้อื่น ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ฟ้อง นายปัญจพล เตือนภักดี อายุ 23 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะบริหารธุรกิจ โครงการภาคพิเศษ ม.รามคำแหง และนายภาสัน รอดเกิด อายุ 24 ปี นักศึกษาปริญญาโท คณะบริหารธุรกิจ  ม.รามคำแหง  ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1 -  2 ในความผิดฐานร่วมกันทำร้าย นาย ทวิชาติ สร้อยมาศ อายุ 52 ปี พนักงานรักษาความปลอดภัย ม.รามคำแหง จนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส  ด้วยการใช้ไม้ทุบตี เพราะไม่พอใจที่ถูกห้ามไม่ให้นำรถยนต์เข้ามาจอดบริเวณด้านข้างอาคาร ซึ่งเป็นพื้นที่ห้ามจอดในมหาวิทยาลัย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 17มี.ค.2556 โดยมีการนำเหตุการณ์ดังกล่าวนี้เรื่องนี้ไปเผยแพร่ในสังคมออนไลน์ด้วย
     
เมื่อถึงเวลาจำเลยแถลงต่อศาลว่า หลังเกิดเหตุก็ได้พบกับผู้เสียหายหลายครั้ง รวมทั้งนัดรับประทานอาหารกับผู้เสียหายด้วย และทราบว่า ผู้เสียหายมีอาการดีขึ้น จนเดินได้แล้ว นอกจากนี้ ก็ได้มีการชดใช้ค่าเสียหาย เป็นจำนวนเงิน 2.2 แสนบาท แก่ผู้เสียหาย รวมทั้งค่าเสียเวลาและค่าอื่นๆ ซึ่งได้ลงบันทึกไว้ในรายการสืบเสาะของเจ้าพนักงานคุมประพฤติ

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าจำเลยทั้งสองกระทำผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 397 (8) และมาตรา 391 ประกอบมาตรา 83 ซึ่งเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำคุกคนละ 2 ปี ในความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่อันตรายสาหัส  และให้จำคุกคนละ 1 เดือน  ปรับคนละ 1,000 บาท ในความผิฐานฐานร่วมกันทำร้ายผู้อื่น โดยไม่เป็นอันตรายแก่ร่างกาย  จำเลยรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยไว้คนละ 1 ปี 15 วัน ปรับคนละ 500 บาท

ทั้งนี้แม้การกระทำของจำเลยจะเป็นการอุกอาจและไม่เคารพต่อกฎหมายบ้านเมือง แต่เป็นการทำร้ายเพราะเกิดจากการพูดจากระทบกระทั่งกันทั้งสองฝ่าย ทำให้จำเลยซึ่งอายุยังน้อย ไม่สามารถระงับโทสะได้

ทั้งผู้เสียหายเองเบิกความยอมรับว่า ขณะเกิดเหตุได้พกอาวุธขวานไว้เพื่อป้องกันตัว และได้ฟันไปที่จำเลยทั้งสอง แต่ไม่โดน  การกระทำผิดของจำเลยไม่ได้เกิดจากพฤติกรรมชั่วร้าย และจำเลยทั้งสองประกอบอาชีพสุจริต มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ไม่เคยมีประวัติการต้องโทษมาก่อน และได้ชดใช้เงินจนเป็นที่พอใจแก่ผู้เสียหาย  ซึ่งผู้เสียหายได้ขอให้รอลงอาญาจำเลยทั้งสอง เพราะได้บรรเทาผลร้ายโดยได้ชดใช้เงินจนเป็นที่พอใจแล้ว โทษจำคุกจึงให้รอลงอาญาไว้เป็นเวลา 3 ปี และให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติเป็นเวลา 2 ปี และบำเพ็ญสาธารณะประโยชน์คนละ 48 ชั่วโมง

ข่าวล่าสุด

คลัง ยันยุบสภาฯไม่สะดุดเศรษฐกิจ ชี้กระทบปี 69 วงจำกัด คาด GDP โต 2%