posttoday

จัดฉลอง 200 ปี สมเด็จพระสังฆราช เปรียญ 18 ประโยค ของไทย

28 กรกฎาคม 2556

สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร สมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ 9

โดย...สมาน สุดโต

สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร สมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ 9 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ได้รับสมญานามว่าเป็นสมเด็จพระสังฆราช เปรียญ 18 ประโยค เพราะสอบเปรียญ 9 ได้ 2 ครั้ง

นอกจากนั้น ยังทรงเป็นต้นแบบที่ถวายพระธรรมเทศนามงคลวิเสสกถา หน้าพระที่นั่ง ทรงเป็นผู้บัญญัติศัพท์ โทรเลขและไปรษณีย์ ทรงเป็นสมเด็จพระสังฆราชที่มีพระนามว่า สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ พระองค์แรก ทรงเป็นพระสาสนโสภณ พระองค์แรก และทรงเป็นนักประพันธ์ นักเทศนาที่ได้รับความนิยมอย่างสูง

เปรียญ 18 ประโยค

ความเป็นมาที่สอบเปรียญ 9 ประโยคได้ 2 ครั้ง มีว่าครั้งแรกสอบได้เมื่อเป็นสามเณร มีอายุเพียง 18 ปี ขณะที่ประจำอยู่วัดราชาธิวาส เป็นศิษย์พระวชิรญาณเถระ (สมเด็จพระจอมเกล้าฯ) นับเป็นสามเณรรูปแรกและรูปเดียวในสมัยรัตนโกสินทร์ที่เข้าสอบด้วยวิธีปากเปล่าแล้วได้ 9 ประโยค

เข้าสอบเปรียญครั้งที่ 2 เมื่ออุปสมบทเป็นพระหนที่ 2 ก็สอบได้ 9 ประโยคอีกครั้ง กลายเป็นผู้สอบได้ 9 ประโยค 2 ครั้ง 2 หน

ที่ต้องสอบหนที่ 2 เพราะอุปสมบทหนแรกที่วัดราชาธิวาส ย้ายมาอยู่วัดบวรนิเวศวิหารกับพระวชิรญาณเถระ (สมเด็จพระจอมเกล้าฯ รัชกาลที่ 4) ได้เป็นเจ้าคุณพระอมรโมลี ขณะบวชได้ 6 พรรษาแล้วจึงลาสิกขาไปใช้ชีวิตฆราวาสระยะหนึ่ง เมื่อพระวชิรญาณเถระลาสิกขาขึ้นครองราชย์เป็นรัชกาลที่ 4 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กลับเข้ามาอุปสมบทใหม่ที่วัดบวรนิเวศวิหาร จึงเข้าสอบปริยัติได้ 9 ประโยค เป็นหนที่ 2

ดังนั้น เมื่อได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ 9 จึงได้รับสมญานามว่าสมเด็จพระสังฆราช เปรียญ 18 ประโยค

พระประวัติเบื้องต้น

สมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ 9 มีพระนามเดิมว่า สา เป็นชาว ต.บางไผ่ จ.นนทบุรี ประสูติเมื่อวันพฤหัสบดี แรม 8 ค่ำ เดือน 9 ปีระกา เบญจศก จ.ศ. 1175 ตรงกับวันที่ 21 ส.ค. 2356 บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดใหม่บางขุนเทียน แล้วย้ายไปอยู่ที่วัดสังเวชวิศยาราม บางลำพู เรียนปริยัติธรรมที่วังหน้าอายุ 14 ปี สอบได้ 2 ประโยค เรียกว่าเปรียญวังหน้า เมื่อมาอยู่วัดราชาธิวาส สอบได้เปรียญ 9 ประโยค ในขณะที่อายุ 18 ปี ตามที่กล่าวแล้ว

ทรงอุปสมบท

เมื่อ พ.ศ. 2376 อุปสมบทหนแรกที่วัดราชาธิวาส ได้ฉายาว่า ปุสฺโส

ย้ายมาอยู่วัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อ พ.ศ. 2379 ปีที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 เสด็จมาครองวัดบวรนิเวศวิหาร จากนั้นได้รับการแต่งตั้งเป็นพระราชาคณะที่ พระอมรโมลี เมื่ออายุ 26 ปี แต่เป็นพระราชาคณะไม่นาน ได้ลาสิกขาออกไปครองชีวิตฆราวาส

จนกระทั่งเดือน 10 ปีกุน พ.ศ. 2394 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อุปสมบทเป็นหนที่ 2 ณ วัดบวรนิเวศวิหาร โดยมีสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ ขณะทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นกรมหมื่นบวรรังษีสุริยพันธุ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ และพระศรีวิสุทธิวงศ์ (ฟัก โสภิโต) ภายหลังลาสิกขาได้เป็นที่พระยาศรีสุนทรโวหาร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้ฉายา ปุสฺสเทโว ต่อมาได้เข้าแปลพระปริยัติธรรมได้ 9 ประโยค ด้วยเหตุนี้จึงได้สมญานามว่า “สังฆราช 18 ประโยค”

ก่อนจะได้รับการสถาปนาถึงขั้นสูงสุดนั้น หลังจากอุปสมบทหน 2 ผ่านมาได้ 7 ปี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็น พระสาสนโสภณ ในปี พ.ศ. 2401 เป็นพระราชทินนามที่พระราชทานเฉพาะเพื่อให้สอดคล้องกับชื่อ สา คนทั่วไปเรียกกันโดยย่อว่า “เจ้าคุณสา”

แม้จะเป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ แต่ได้รับพระราชทานนิตยภัตเสมอพระราชาคณะชั้นเทพ

เจ้าอาวาสวัดราชประดิษฐ์ฯ

เมื่อรัชกาลที่ 4 ทรงสร้างวัดราชประดิษฐ์ฯ เสร็จใน พ.ศ. 2408 จึงนิมนต์พระสาสนโสภณ (สา ปุสฺสเทโว) จากวัดบวรนิเวศวิหาร มาเป็นเจ้าอาวาสรูปแรกโดยมีพระภิกษุจากวัดบวรนิเวศวิหารติดตามมาอีก 20 รูป

ในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อมีการสังคายนาพระไตรปิฎก และปริวรรตอักษรขอมเป็นอักษรไทย และพิมพ์ด้วยอักษรไทยเป็นครั้งแรกในโลกนั้น สมเด็จพระสังฆราช (สา) เมื่อครั้งเป็นสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ได้ร่วมกับพระมหาเถระและราชบัณฑิต จัดการในเรื่องนี้ด้วย

พระไตรปิฎกที่จัดพิมพ์ในครั้งนั้นมีจำนวน 1,000 จบ จบละ 39 เล่ม

ต้นแบบเทศนามงคลวิเสสกถา

นอกจากมีความสามารถด้านต่างๆ ตามที่กล่าวแล้ว หนังสือประวัติสมเด็จพระสังฆราช 19 พระองค์ ได้กล่าวว่า เป็นต้นแบบในการถวายพระธรรมเทศนามงคลวิเสสกถา พรรณนาพระราชจรรยาของพระเจ้าแผ่นดิน มาแต่ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.4) ตั้งแต่ดำรงสมณศักดิ์ที่พระสาสนโสภณ สำหรับเทศนาพิเศษนี้ ถวายเฉพาะในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา และโดยสมเด็จพระสังฆราชเท่านั้น ถือเป็นราชประเพณีสืบมาถึงปัจจุบัน

ทรงบัญญัติศัพท์

ผลงานด้านบัญญัติศัพท์ ได้แก่ คำว่า โทรเลข ที่บัญญัติจากคำว่า เตเลกราฟ หรือที่ไทยเรียกตอนแรกว่า ตะแล็บแก็ป และไปรษณีย์ บัญญัติจากคำว่า โพสต์ (สาสน์สมเด็จ เล่มที่ 24 หน้า 15)

ส่วนคำว่า “สพฺเพสํ สงฺฆภูตานํ สามคฺคี วุฑฺฒิสาธิกา” “ความพร้อมเพรียงของชนผู้เป็นหมู่ ยังความเจริญให้สำเร็จ” ที่ใต้ ตราอาร์ม พระราชลัญจกรประจำแผ่นดินในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ที่ทรงใช้ประทับกำกับเอกสารสำคัญในราชการแผ่นดิน และภาษาบาลีประจำศาลาว่าการกลาโหม คือ “วิเชตฺวา พลตา ภูปํ รฏฺเฐ สาเธตุ วุฑฺฒิโย” มีความหมายว่า “ขอให้พระมหากษัตริย์เจ้า พร้อมด้วยปวงทหาร จงมีชัยชนะ ยังความเจริญสำเร็จในแผ่นดินเทอญ” ปรากฏอยู่ที่หน้าจั่วศาลาว่าการกลาโหม หรือกระทรวงกลาโหมในปัจจุบัน ก็เป็นพระนิพนธ์สมเด็จพระสังฆราชพระองค์นั้นเช่นกัน

พระราชนิพนธ์อื่นๆ ที่ได้รับการยกย่อง ได้แก่ พระปฐมสมโพธิกถา อนุบุพพิกถา และจตุราริยสัจจกถา เป็นต้น

นพ.เกิด ธนชาต เขียนในคำนำว่า อนุบุพพิกถาเป็นเป็นวรรณกรรมชิ้นสำคัญทางพุทธศาสนาชิ้นหนึ่ง ที่มีสำนวนไพเราะ กะทัดรัด น่าอ่าน น่าศึกษา นำมาประพฤติปฏิบัติเพื่อเจริญรอยตามพระยุคลบาทพุทธองค์สืบไป

สำหรับจตุราริยสัจจกถานั้น ถือว่าเป็นพระนิพนธ์อย่างวิเศษ

สมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ 9

เมื่อ พ.ศ. 2435 สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ สิ้นพระชนม์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (สา ปุสฺสเทวมหาเถร) เป็น สมเด็จพระสังฆราช เมื่อวันที่ 29 พ.ย. 2436 เป็นสมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ 9 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ แต่เป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์แรกที่ทรงมีพระนามว่า สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ

สมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทวมหาเถร) สิ้นพระชนม์ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 11 ม.ค. 2442 สิริพระชันษาได้ 87 ปี ทรงดำรงตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชเป็นเวลา 5 ปี 1 เดือน 13 วัน

คณะสงฆ์วัดราชประดิษฐ์ฯ จัดงานฉลอง 200 ปี วันประสูติสมเด็จพระสังฆราช (สา) สมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ 9 ในวันที่ 21 ส.ค. 2556 อย่างยิ่งใหญ่

ข่าวล่าสุด

วปอ.68 มอบตาข่ายป้องกันโดรน ทิ้งระเบิด และสิ่งของ ช่วยทหารชายแดนภาค 2