เปิดตัวเต็งผู้นำศาลรัฐธรรมคนใหม่
ตัวเต็งที่มีการคาดการณ์ว่าจะขึ้นมานำทิศทางของศาลรัฐธรรมนูญในเวลานี้มีด้วยกัน 2 คน
โดย...ทีมข่าวการเมือง
ทันทีที่ นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ประกาศยืนยันเจตนารมณ์ลาออกจากตำแหน่งประธานศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมทั้งออกจากการเป็นตุลาการฯ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.นี้เป็นต้นไป ส่งผลให้เริ่มกระบวนการสรรหาบุคคลที่มีความเหมาะสมเข้ามาเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคนใหม่ทันที
ทั้งนี้ขั้นตอนเริ่มต้นจาก สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาประกาศรับสมัครบุคคลที่สนใจเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จากนั้นจะนำรายชื่อผู้สมัครส่งไปให้คณะกรรมการสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่ประกอบด้วยบุคคลสำคัญอย่างประธานศาลฎีกา ,ประธานศาลปกครองสูงสุด ,ประธานสภา ,ผู้นำฝ่ายค้าน และตัวแทนประธานองค์กรอิสระ ทำการคัดเลือกภายใต้กรอบเวลาคัดเลือกให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน ก่อนเสนอชื่อนำขึ้นโปรดเกล้าฯต่อไป
เมื่อได้ตุลาการฯคนใหม่ เป็นอันครบองค์ประชุมทั้ง 9 คนแล้ว ที่ประชุมตุลาการฯจะพิจารณาตัวบุคคลที่เหมาะสมขึ้นมาเป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ที่จะยืนหยัดผดุงความยุติธรรมรักษาไว้ซึ่ง รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ตัวเต็งที่มีการคาดการณ์ว่าจะขึ้นมานำทิศทางของศาลรัฐธรรมนูญในเวลานี้มีด้วยกัน 2 คนคือ นายจรูญ อินทจาร และ นายนุรักษ์ มาประณีต โดยการคัดเลือกจะเรียงลำดับจากความอาวุโสจากสายผู้ทรงคุณวุฒิสาขานิติศาสตร์ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญทางด้านนิติศาสตร์ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 210 ( 3)
จรูญ
เริ่มด้วย นายจรูญ ตุลาการผู้อาวุโสสูงสุด อุปนิสัยอารมณ์ดี ยิ้มแย้ม ดูดวงเป็น พูดน้อยแต่ต่อยหนัก เกิดวันที่ 29 พ.ค. 2497 จบการศึกษา นิติศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ,เนติบัณฑิตไทย สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา และ ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต (รัฐศาสตร์) มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ตุลาการฯคนนี้ เคยดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ภาค 1 ,รองประธานศาลอุทธรณ์ภาค 1 ,ผู้พิพากษาศาลฎีกา ,ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลจังหวัดสมุทรปราการ แผนกคดีเยาวชนและครอบครัว ,ตุลาการศาลปกครองสูงสุด กระทั่งปัจจุบันเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 28 พ.ค. 2551
ทว่าชื่อของนายจรูญ ปรากฏขึ้นให้จากการเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ อดีตเลขานุการศาลรัฐธรรมนูญ ผู้เขย่าศรัทธาตุลาการฯ และ นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทและความผิดว่าด้วย พ.ร.บ.เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ร่วมกันกับกลุ่มบุคคลดังกล่าว กรณีจัดทำคลิปวิดีโอที่เป็นข้อมูลปลอมเผยแพร่โจมตีศาลรัฐธรรมนูญให้เสียหายขาดความน่าเชื่อถือ โดยคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอาญา
ตัวเต็งคนถัดมา นายนุรักษ์ มาประณีต เกิดเมื่อวันที่ 24เม.ย.2492 จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร เคยรับราชการโดยเป็น อัยการผู้ช่วย, ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดไชยา, ศาลจังหวัดภูเก็ต, รองอธิบดีผู้พิพากษาภาค 6, ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ภาค 8, ประธานแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลอุทธรณ์ภาค
แต่บทบาทหลังการรัฐประหารของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) เมื่อวันที่ 19 ก.ย.2549 ชื่อของเขาถูกเสนอให้เป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ 2550 และได้รับแต่งตั้งให้เป็นตุลาการรัฐธรรมนูญคณะที่ทำการตัดสินคดียุบพรรคการเมือง จากการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เม.ย. 2549 ซึ่งคำพิพากษาส่วนบุคคลของนายนุรักษ์ ตัดสินให้ยุบพรรคไทยรักไทยและตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคเป็นเวลา 5 ปี และให้ยกคำร้องพรรคประชาธิปัตย์
ต่อมายังได้รับแต่งตั้งให้เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ในคดียุบพรรคประชาธิปัตย์อีกครั้ง ซึ่งคำพิพากษาส่วนบุคคลของเขา ให้ยกคำร้องพรรคประชาธิปัตย์เช่นเดิม
สำหรับตุลาการฯที่อยู่ในองค์คณะและมีความประสบการณ์ความรู้ความสามารถไม่แพ้บุคคลอื่น คือ นายเฉลิมพล เอกอุรุ เกิดวันที่ 19 ส.ค. 2488 มีประวัติการศึกษาจบจาก นิติศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ , Master of Arts (M.A.) International Law and Relations, Columbia University, New York ประเทศสหรัฐอเมริกา ,Diploma in International Relations, Institute of Social Studies, The Hague ประเทศเนเธอร์แลนด์ และได้ประกาศนียบัตรชั้นสูงทางรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
นุรักษ์
เคยดำรงตำแหน่ง รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ,เอกอัครราชฑูต ณ กรุงบูดาเปสต์ สาธารณรัฐฮังการี ต่อจากนั้นเป็น เอกอัครราชฑูต ณ กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
ขณะที่ตุลาการฯคนถัดมา นายสุพจน์ ไข่มุกด์ เกิดวันที่ 1 ก.ย.2488 มีประวัติการศึกษาจบจาก รัฐศาสตรบัณฑิต สาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและการฑูต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ,ประกาศนียบัตรชั้นสูง สาขาการฑูต, Institut International d'Administration Publique (IIAP) ประเทศฝรั่งเศส และปริญญาเอกด้านรัฐศาสตร์และกฎหมายระหว่างประเทศ Universite des Sciences Sociales de Toulouse ประเทศฝรั่งเศส
ด้านการทำงานที่ผ่านมา เคยดำรงตำแหน่งเอกอัครราชฑูต ณ กรุงวอร์ซอ สาธารณรัฐโปแลนด์ เมื่อวันที่18 ต.ค. 2546 และเอกอัครราชฑูต ณ กรุงเตหะราน สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน เมื่อวันที่ 16 ก.พ.2543
ดังนั้นเป็นที่ประจักษ์ชัดว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชุดปัจจุบันล้วนผ่านประสบการณ์ทำงานมาอย่างโชกโชน ท่ามกลางภาวะกดดันการทำงานจากกลุ่มคนที่เคลื่อนไหวทางการเมือง