พระอรหันต์
ท่านผู้อ่านที่เคารพ สมัยนี้พุทธศาสนิกชนส่วนใหญ่ที่ศรัทธาในพระพุทธศาสนา ปรารถนาที่จะทำบุญกับพระอรหันต์ ด้วยว่าท่านเป็นพระอริยบุคคลชั้นสูงสุด
โดย...คุณสลิล
ท่านผู้อ่านที่เคารพ สมัยนี้พุทธศาสนิกชนส่วนใหญ่ที่ศรัทธาในพระพุทธศาสนา ปรารถนาที่จะทำบุญกับพระอรหันต์ ด้วยว่าท่านเป็นพระอริยบุคคลชั้นสูงสุด เป็นเนื้อนาบุญยอดเยี่ยม จึงไม่แปลกที่มีผู้พยายามแอบอ้างว่าตนบรรลุ อรหัตมัค อรหัตผล หรือยกครูบาอาจารย์ของตนให้เป็นพระอรหันต์ โดยอวดอ้างคุณวิเศษต่างๆ แล้วก็มีผู้ที่ได้ยินได้ฟังกิตติศัพท์แล้วเกิดศรัทธามาทำบุญกันเป็นจำนวนมาก
วันนี้ MQ ขอนำเอาคุณลักษณะของพระอรหันต์ ซึ่งแสดงไว้ใน “สังคีติสูตร” ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้นำไปใช้พิจารณากัน ไม่ใช่เพียงเชื่อคำคนอื่น พระอรหันต์บางองค์อาจไม่ได้อภิญญาจิต เนื่องท่านมิได้มีอุปนิสัยในการทำฌานมาก่อน แต่ก็ปฏิบัติจนบรรลุเป็นพระอรหันต์ได้ เรียกว่า “พระขีณาสพสุกขวิปัสสก”
หากแต่หลายท่านที่ไปพบ ผู้ที่ทายใจตนได้ถูกต้อง รู้อดีตของเรา หรือสิ่งที่เราคิด ก็ไปคิดว่าท่านผู้นั้นต้องบรรลุเป็นพระอริยบุคคลแล้วแน่นอน ขออย่าเพิ่งตัดสินใจ
ดังนั้น หลักสำคัญของพระอรหันต์นั้น ไม่ใช่อิทธิฤทธิ์หรือการทำนายทายทัก แต่เป็นการหมดกิเลส ละขาดจากกิเลสโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าท่านจะได้ฌานหรือไม่ ในสังคีติสูตร หมวด 5 แสดงเรื่องของอภัพพฐาน 5 ไว้ ซึ่งหมายถึงไม่ใช่ฐานะแห่งพระอรหันต์ (“พระอรหันต์” เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “พระขีณาสพ”) ดังนี้
อภัพพฐาน 5
lภิกษุขีณาสพไม่สามารถที่จะแกล้งปลงสัตว์จากชีวิต
lภิกษุขีณาสพไม่สามารถที่จะลักทรัพย์อันเป็นส่วนแห่งความเป็นขโมย
lภิกษุขีณาสพไม่สามารถที่จะเสพเมถุนธรรม
lภิกษุขีณาสพไม่สามารถพูดเท็จทั้งที่รู้อยู่
lภิกษุขีณาสพไม่สามารถที่จะกระทำการสั่งสม บริโภคกามเหมือนเมื่อครั้งยังเป็นคฤหัสถ์อยู่
5 ข้อนี้ไม่ใช่สิ่งที่พระอรหันต์จะกระทำได้ เป็นไปตามพระไตรปิฎก ดังนั้นเราสามารถนำเอาหลักเหล่านี้มาใช้สังเกตกลั่นกรอง ก่อนจะเชื่อ อย่าให้ความศรัทธานำพาไปอย่างเดียว ต้องใช้ปัญญาด้วย
การที่พระภิกษุผู้ที่ยังสั่งสม บริโภคกามเหมือนครั้งยังเป็นคฤหัสถ์ ยังมีความอยากได้ อยากสั่งสม ชอบวัตถุกาม เช่น ของต่างๆ อยากได้มาสั่งสม มาใช้เสมือนกับคฤหัสถ์นั้นเป็นอภัพพฐาน นั่นก็แสดงชัดแล้วว่าไม่ใช่ลักษณะของพระอรหันต์เพราะยังมีโลภะซึ่งเป็นกิเลสนั่นเอง
การล่วงศีล 5 นั่นก็เป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้เช่นกัน เพราะการล่วงศีล 5 นั้นเป็นไปเพราะกิเลส
นอกจากนั้นพระอรหันต์จะไม่โกรธ ไม่เศร้าโศกเสียใจ กลุ้มใจ หรือเครียด เพราะท่านหมดโทสะแล้ว
พระอรหันต์จะไม่หัวเราะร่วนเหมือนพวกเราปุถุชน เพราะการหัวเราะนั้น เกิดจากโลภะเป็นมูล คือเป็นเหตุ ท่านจะเพียงแค่แย้มยิ้มเท่านั้น
พระอรหันต์ท่านจะไม่หวั่นไหวในโลกธรรม คือ การได้ลาภ เสื่อมลาภ ได้ยศ เสื่อมยศ สรรเสริญ นินทา สุข ทุกข์ และเป็นผู้ไม่มีอคติ ไม่ลำเอียง เพราะรัก เพราะโกรธ เพราะหลง เพราะกลัว ด้วยท่านหมดกิเลสแล้ว หากท่านยังพอใจ ติดใจในลาภสักการะ ยังลำเอียงด้วยความชอบคนโน้น ไม่ชอบคนนี้ รวมทั้งยังพูดเพ้อเจ้อด้วย อย่างนี้ไม่ใช่พระอรหันต์
ผู้ที่ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์แล้วจะต้องบวช หากไม่บวชก็จะปรินิพพาน เพราะเพศฆราวาสไม่สามารถทรงคุณธรรมอันสูงสุดนี้ไว้ได้
เหล่านี้เป็นสิ่งที่เราสามารถใช้พิจารณา ด้วยเป็นลักษณะของพระอรหันต์ตามหลักธรรม มิใช่ด้วยคำบอกเล่าถึงอิทธิฤทธิ์ต่างๆ หรือคำโฆษณา หรือด้วยรูปลักษณะที่ดูสำรวม หรือด้วยเพราะท่านรู้ใจเราหรือรู้อดีต อนาคต...


