มาตรการนำเข้า-ส่งออกของพม่าอีกสักครั้ง
ชายแดนไทยกับพม่านั้นยาวถึง 2,387 กิโลเมตร เรียกว่าเหนือจรดใต้เลยทีเดียว ตั้งแต่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ลงมาถึง จ.กาญจนบุรี ราชบุรี ชุมพร และไปสิ้นสุดเอาระนอง ซึ่งอยู่ทางใต้ของประเทศไทย จึงเรียกว่าเป็นประเทศที่มีการค้าชายแดนกับไทยค่อนข้างมาก แม้ในช่วงที่มีการปิดประเทศ และมีจุดผ่านแดนที่สำคัญอยู่เพียง 4 แห่ง ดังได้กล่าวไว้ในฉบับที่แล้ว แต่การค้าชายแดนก็มีถึง 80% ของการค้าปกติ
ชายแดนไทยกับพม่านั้นยาวถึง 2,387 กิโลเมตร เรียกว่าเหนือจรดใต้เลยทีเดียว ตั้งแต่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ลงมาถึง จ.กาญจนบุรี ราชบุรี ชุมพร และไปสิ้นสุดเอาระนอง ซึ่งอยู่ทางใต้ของประเทศไทย จึงเรียกว่าเป็นประเทศที่มีการค้าชายแดนกับไทยค่อนข้างมาก แม้ในช่วงที่มีการปิดประเทศ และมีจุดผ่านแดนที่สำคัญอยู่เพียง 4 แห่ง ดังได้กล่าวไว้ในฉบับที่แล้ว แต่การค้าชายแดนก็มีถึง 80% ของการค้าปกติ
ที่จริงถ้าจะดูการค้าประเทศอื่นๆ ที่เขามีชายแดนติดกัน และโดยเฉพาะเป็นประเทศเล็กๆ เช่น ประเทศต่างๆ ในยุโรป การค้าขายข้ามชายแดนโดยทางรถยนต์หรือรถไฟ ถือเป็นการค้าปกติ เนื่องจากการมีเขตแดนติดต่อกันจึงไม่มีความจำเป็นต้องใช้การขนส่งประเภทอื่นๆ พูดง่ายๆ ก็คือ มีการค้าผ่านชายแดน 100% ซึ่งคาดว่าสำหรับพม่าหรือแม้แต่มาเลเซีย เมื่ออาเซียนมีการตั้งเป็น AEC แล้ว การค้าชายแดนน่าจะขยายตัวขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะพม่าที่ในอนาคตการค้าชายแดนอาจเข้ามาแทนการค้าปกติได้ ซึ่งการค้าจะขยายตัวได้รวดเร็ว เพราะมีการประหยัดต้นทุนค่าขนส่ง รวมถึงความรวดเร็วในการขนส่งด้วย ช่องทาง AEC จึงเป็นช่องทางที่สำคัญที่ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก (SME) จะมีโอกาสเข้าไปช่วงชิงผลประโยชน์ด้วย
ผู้เขียนได้ให้ข้อมูลในส่วนที่เกี่ยวกับสินค้านำเข้าส่งออกของไทยไปพม่า มูลค่าการค้า และจุดผ่านแดนที่สำคัญ ตลอดจนมาตรการที่พม่าใช้ในการจำกัดการนำเข้าไว้ในฉบับที่ผ่านมาแล้ว โดยพม่ามีการแบ่งสินค้านำเข้าออกเป็นสินค้าจำเป็นและสินค้าฟุ่มเฟือย ให้มีการนำเข้าสินค้าจำเป็นได้ถึง 80% ของการนำเข้าทั้งหมด อีกประมาณ 20% จึงให้นำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือย และที่สำคัญคือจะต้องมีการนำเข้าสินค้าจำเป็นให้ครบก่อน จึงจะได้รับอนุญาตให้นำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยได้
สำหรับสินค้าจำเป็นนั้น ผู้เขียนได้เขียนไปแล้วในฉบับวันพุธที่เพิ่งผ่านมานี่เอง แต่ยังไม่ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าฟุ่มเฟือย ก็ขอระบุไว้ในที่นี้เลยว่าสินค้าฟุ่มเฟือยของพม่าคือ อาหารและเครื่องดื่ม สิ่งทอ ของใช้ส่วนบุคคล ของใช้ในครัวเรือน เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานพาหนะ และสินค้าเบ็ดเตล็ด
แต่ที่สำคัญคือ นโยบายรัฐบาลพม่าไม่แน่นอน อาจมีการอนุญาตให้นำเข้าเป็นช่วงๆ โดยช่วงที่ไม่อนุญาตก็ไม่ประกาศห้ามนำเข้าอย่างเป็นทางการ และบางครั้งก็จะอนุญาตให้เฉพาะบางบริษัทเท่านั้น เป็นผู้นำเข้าได้ สินค้าหลายรายการที่พม่าผลิตเองได้ก็จะห้ามนำเข้า เพื่อคุ้มครองการผลิตภายในประเทศ
นอกจากนี้ พม่ายังมีการควบคุมในเรื่องของเงินตราต่างประเทศอีกชั้นหนึ่งด้วย โดยกำหนดให้ผู้นำเข้าต้องใช้เงินรายได้จากการส่งออกมานำเข้าสินค้า ทำให้ผู้นำเข้าต้องไปหาซื้อเงินตราต่างประเทศ หรือโอนเงินตราต่างประเทศมาจากผู้ส่งออกอีกทีหนึ่ง และยังมีมาตรการเกี่ยวกับการนำเข้าส่งออกอื่นๆ อีก เช่น
1.มาตรการกำหนดมูลค่าสูงสุดที่อนุญาตให้นำเข้าครั้งละไม่เกิน 1 แสนเหรียญสหรัฐ
2.ผู้ที่จะทำธุรกิจนำเข้าส่งออกสินค้า จะต้องยื่นขอจดทะเบียนเป็นผู้นำเข้าส่งออก ที่สำนักงานทะเบียนนำเข้าส่งออก กรมการค้า กระทรวงพาณิชย์พม่า
3.จำกัดวงเงินเปิด L/C ของผู้นำเข้าไม่เกิน 5 หมื่นเหรียญสหรัฐต่อเดือน
4.ผู้นำเข้าจะต้องเปิดบัญชีเงินฝากสกุลต่างประเทศที่ Myanmar Investment and Commercial Bank (MICB) หรือ Myanmar Foreign Trade Bank (MFTB) เพื่อยื่นขอใบอนุญาตนำเข้าสินค้าจากกระทรวงพาณิชย์
5.กฎระเบียบการค้าของพม่าไม่มีความแน่นอน เปลี่ยนแปลงบ่อย เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นไม่สามารถตัดสินใจเองได้ ต้องสอบถามจากส่วนกลาง ทำให้เกิดความล่าช้า
6.ระบบการเงินไม่มีเสถียรภาพ ขาดแคลนเงินตราสกุลหลัก
7.ความตกลงการค้าชายแดนไทยพม่า ที่ได้ลงนามเมื่อวันที่ 17 มี.ค. 2539 ณ กรุงย่างกุ้ง ยังไม่มีผลบังคับใช้ ส่งผลให้ความตกลงด้านการธนาคารไม่มีผลในทางปฏิบัติ ทำให้การค้าชายแดนยังไม่ผ่านระบบธนาคาร
8.ความไม่สะดวกในการออกใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า (Certificate of Origin : C/O) และเอกสารทางราชการประกอบการนำเข้าส่งออกต่างๆ จะออกได้เฉพาะที่กรุงเนย์ปิดอว์เท่านั้น อย่างไรก็ตามทางส่วนกลางของพม่าได้มอบอำนาจให้เจ้าหน้าที่ ณ จุดผ่านแดนถาวร คือท่าขี้เหล็ก เมียวดี และเกาะสองแล้ว แต่ในทางปฏิบัติ เจ้าหน้าที่ตามจุดผ่านแดนถาวรยังไม่มีความรู้ความเข้าใจในระเบียบปฏิบัติ
9.การเรียกเก็บเบี้ยบ้ายรายทางเป็นจำนวนมากจากเจ้าหน้าที่พม่าหรือชนกลุ่มน้อย เป็นการเรียกเก็บจากรถบรรทุกสินค้าจากชายแดนเข้าไปยังกรุงย่างกุ้ง ทำให้สินค้ามีต้นทุนสูง
10.ธนาคารพาณิชย์ในพม่าผูกขาดโดยรัฐบาลและสถานะของธนาคารพม่ายังไม่เป็นที่ยอมรับของนานาชาติ รวมทั้งระบบการเงินไม่มีเสถียรภาพ และอัตราแลกเปลี่ยนของเงินจ๊าด (Kyat) ของรัฐบาลยังคงแตกต่างจากอัตราในตลาดมืดมาก


