posttoday

การปรับตัว เพื่ออยู่รอด

26 พฤษภาคม 2556

“ธรรมชาติไม่เคยและไม่สามารถก้าวกระโดด แต่จำต้องก้าวไปข้างหน้าด้วยย่างก้าวที่สั้นและช้าอย่างที่สุด”

“ธรรมชาติไม่เคยและไม่สามารถก้าวกระโดด แต่จำต้องก้าวไปข้างหน้าด้วยย่างก้าวที่สั้นและช้าอย่างที่สุด”

...นั่นคือคำกล่าวของชาร์ลส์ ดาร์วิน นักธรรมชาติวิทยา ชาวอังกฤษ ผู้เคยนำเสนอทฤษฎีสำคัญ ที่ระบุว่า สิ่งมีชีวิตใดๆ จะรอดอยู่ได้นั้น จำเป็นต้องเผชิญหน้ากับ “วิวัฒนาการโดยการคัดเลือกตามธรรมชาติ”

แนวคิดนี้ของดาร์วิน อธิบายว่า กลไกสำคัญที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในประชากรของสิ่งมีชีวิตในแต่ละสปีชีส์นั้นแม้จะอาศัยหลายปัจจัย แต่สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือ การแข่งขันระหว่างกันเพื่อความอยู่รอด ต้องแก่งแย่งทรัพยากรที่มีอยู่จำกัดในสภาพแวดล้อมหนึ่งๆ เพื่อดำรงชีวิต เช่น อาหาร ที่อยู่ ฯลฯ

นักธรรมชาติวิทยาผู้นี้มองว่า ปลายทางของการคัดเลือกตามธรรมชาติ มีจุดหมายชัดเจนอยู่ที่การคัดเลือกผู้ที่เหมาะสมในสภาวะแวดล้อมนั้นๆ มาสร้างโอกาสในการส่งทอดลักษณะไปยังรุ่นลูก ส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงลักษณะในประชากรเกิดขึ้นช้าๆ จนวิวัฒนาการเกิดเป็นสปีชีส์ใหม่

อย่างไรก็ตาม สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา อากาศหลายแห่งมีอุณหภูมิสูงขึ้น โดยเมื่อประกอบกับเทคโนโลยีด้านการเดินทางที่ก้าวล้ำจนสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น แนวคิดของดาร์วินก็เหมือนจะถูกร่นระยะเวลาลง...อากาศร้อนกลายเป็นปัจจัยเร่งวงจรวิวัฒนาการให้สั้นลง

เมื่อเร็วๆ นี้ ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) ได้นำเสนองานวิจัยที่สอดคล้องกับกรณีดังกล่าว โดยได้ค้นพบเชื้อราสายพันธุ์ “ไคทริด” (Chytrid) ที่เป็นสาเหตุของ โรค Chytridiomycosis โรคอุบัติใหม่ที่เคยระบาดในกลุ่มสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกทั่วโลกชนิดกวาดล้างให้สูญพันธุ์ไปกว่า 120 ชนิดพันธุ์ ในช่วงระยะ 10 ปีที่ผ่านมา

ดร.ศันสรียา วังกุลางกูร อาจารย์ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ ม.อ. เล่าว่า หน่วยเฝ้าระวังโรคอุบัติใหม่ในสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก ส่วนอนุรักษ์ วิจัย และการศึกษา องค์การสวนสัตว์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เคยแสดงความกังวลเรื่องเชื้อราชนิดนี้ เนื่องจากทราบดีว่าประเทศไทยมีการนำเข้าสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกจากต่างประเทศเป็นจำนวนมาก ทั้งเพื่อเป็นสัตว์เลี้ยงและการเลี้ยงในเชิงพาณิชย์ หากมีการรับสัตว์สะเทินเข้าใหม่ที่ติดเชื้อราชนิดนี้เข้ามา จะทำให้ติดต่อถึงสัตว์สะเทินที่เลี้ยงอยู่ก่อนแล้ว และจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์มีการหลุดรอดหรือจงใจปล่อยสัตว์สะเทินภายในกรงเลี้ยงออกสู่ธรรมชาติ อาจทำให้เกิดการติดต่อของโรคไปยังสัตว์สะเทินที่อยู่ภายในธรรมชาติได้

อาจารย์ศันสรียา เล่าอีกว่า นักชีววิทยาทั่วโลกกำลังให้ความสนใจกับการระบาดของเชื้อราชนิดนี้ ซึ่งเป็นสายพันธุ์เก่าแก่ชนิดหนึ่ง โดยพบว่าทั่วโลกมีเชื้อราไคทริดประมาณ 1,000 สายพันธุ์ทั้งในน้ำและในพื้นที่ชื้น โดยเชื้อราไคทริด ชนิด Batrachochytrium Dendrobatidis หรือเรียกสั้นๆ ว่า BD สามารถเติบโตได้ดีบนผิวหนังกบ ทำให้เกิดการติดเชื้อในกบมากกว่า 6,000 ชนิดทั่วโลก และทำให้มีจำนวนลดลงอย่างรวดเร็วรุนแรงถึงสูญพันธุ์ โดยการระบาดอาจกินเวลาเพียง 23 สัปดาห์เท่านั้น เนื่องจากสปอร์ของเชื้อราสามารถติดไปกับดินใต้พื้นรองเท้าหรือบนเสื้อผ้า อุปกรณ์ของนักท่องเที่ยว จึงมีการแพร่กระจายของเชื้อราชนิดนี้ไปทั่วโลกได้อย่างรวดเร็ว

“ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาจากทั่วโลก และกระจายไปตามสถานที่ท่องเที่ยวทุกแห่ง จึงมีความเสี่ยงที่จะเกิดการระบาดของเชื้อราชนิดนี้ เราจึงได้สำรวจเพื่อป้องกันการระบาดของเชื้อราดังกล่าวในแหล่งท่องเที่ยวภาคใต้ โดยมุ่งสำรวจที่อุทยานแห่งชาติตะรุเตา ที่สตูล แต่ก็ยังไม่พบการติดเชื้อหรืออาการที่ส่อให้เห็น แต่ยังคงต้องเฝ้าติดตามต่อไป” นักวิชาการ ม.อ.กล่าว

มาตรการเฝ้าระวังดังกล่าว เกิดขึ้นหลังจากทีมนักวิชาการของ ม.อ. ร่วมกับ ดร.จูดิต โวโรส์ จากพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา ฮังการี ตรวจพบเชื้อราไคทริดบนผิวหนังคางคกแคระ บนเขาคอหงส์ พื้นที่ติดกับ ม.อ.วิทยาเขตหาดใหญ่ โดยการค้นพบครั้งนี้ถือเป็นการพบครั้งแรกในธรรมชาติของไทย

การค้นพบดังกล่าวนำไปสู่การถกเถียงในหลายประเด็น โดยเฉพาะเรื่องการเจริญเติบโตของเชื้อราที่จะยิ่งรวดเร็วขึ้นในสภาพอากาศที่ร้อนขึ้น

“อากาศยิ่งร้อนขึ้น ก็ยิ่งบ่มเพาะเชื้อราได้ดีขึ้น ซึ่งเป็นไปได้ว่าคางคกในงานวิจัยนี้มีภูมิต้านทานที่ร่างกายสร้างขึ้นจากแบคทีเรียบางตัวฉาบไว้บนผิวหนัง โดยแบคทีเรียจะหลั่งสารต้านเชื้อราออกมารับมือ จึงไม่มีการติดเชื้อเป็นโรค แต่ในอนาคตก็เป็นไปได้เช่นกันว่า เชื้อราที่เพิ่มขึ้นและพัฒนาตัวเองก็อาจจะเอาชนะแบคทีเรียได้ ซึ่งเรายังไม่มีข้อสรุปเรื่องนี้” อาจารย์ศันสรียา กล่าว

เมื่ออุณหภูมิโลกเปลี่ยน สิ่งมีชีวิตทั้งหลายหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องปรับตัวตามสภาวะแวดล้อมไปด้วย แน่นอนที่สุด ย่อมมีทั้งสายพันธุ์ที่ได้เปรียบและเสียเปรียบจากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว

ดร.จิรพล สินธุนาวา นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่า ข้อน่ากังวลที่สุดที่จะมากับอากาศร้อน คือ ภาวะเชื้อโรคต่างๆ ที่จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อคน และสามารถเห็นได้ชัดเจนจากวงจรชีวิตยุงลาย ซึ่งเดิมจะต้องฟักไข่ประมาณ 9-10 วัน แต่ด้วยอุณหภูมิที่เปลี่ยนไป ความร้อนมากขึ้น ก็ทำให้ระยะฟักตัวสั้นลงเหลือเพียงแค่ 7 วันเท่านั้น นอกจากนี้ยังรวมถึงโรคเกี่ยวกับทางเดินอาหาร ที่อากาศร้อนจะยิ่งเพาะเชื้อโรคต่างๆ ได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น

แม้โลกจะเปลี่ยนไป แต่เงื่อนไขของวิวัฒนาการที่กำหนดให้สิ่งมีชีวิตต้องแข่งขันระหว่างกันเพื่อความอยู่รอด ต้องแย่งชิงทรัพยากรที่มีอยู่จำกัดยังคงไม่เปลี่ยนแปลง และสำหรับคู่แข่งขันระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ... ไม่ว่ามนุษย์จะมองเรื่องนี้ด้วยสายตาเช่นไร แต่สายตาของธรรมชาติที่มองเรากลับมา ย่อมเห็นชัดแล้วว่า เราไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่ได้เปรียบจากความเปลี่ยนแปลงนี้

ข่าวล่าสุด

ผู้ว่า ธปท. ห่วงบาทแข็งเร็ว สั่งตรวจเข้มทำธุรกรรมซื้อขายดอลลาร์