แถลงการณ์ป้อง 'พีเพิลแชนแนล' ร้อนฉ่า 'เอเอสทีวี-ที่ปรึกษา' ลาออกสมาคมนักข่าวฯ
นายเกียรติก้อง ทองเรือง ตัวแทนจากเครือเอเอสทีวีผู้จัดการ ได้แถลงลาออกจากตำแหน่งกรรมการสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย โดยให้เหตุผลว่า รับไม่ได้กับการออกแถลงการณ์ของสมาคมนักข่าวฯ ฉบับวันที่ 8 เม.ย. กรณีแย้งคำสั่งของรัฐบาลสั่งปิดสถานีพีเพิลแชนแนล หรือพีทีวี และสั่งปิดเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง ข้ออ้างที่ว่าการปิดสถานีดังกล่าวเป็นการกระทำการที่ขัดรัฐธรรมนูญ เป็นการปิดกั้นสิทธิการรับรู้ข่าวสารของประชาชน และเป็นการกระทำในลักษณะสองมาตรฐาน เนื่องจากไม่สั่งปิดทีวีดาวเทียมที่ออกอากาศในลักษณะเดียวกัน (เอเอสทีวี) นั้นเป็นการให้เหตุผลที่ไร้เดียงสา
“
ผมเหมือนถูกตบหน้า รู้สึกโกรธและอับอาย หลังจากที่ได้เห็นแถลงการณ์ดังกล่าวที่อ้างว่าออกมาจากสมาคมนักข่าวฯ ที่สังคมเชื่อว่าใกล้ชิดกับข้อมูล ซึ่งน่าจะรับรู้และเข้าใจดีว่าเบื้องหน้าเบื้องหลังของเหตุการณ์วิกฤตในบ้านเมืองในขณะนี้มาจากอะไร และมีเป้าหมายอย่างไร การออกแถลงการณ์คัดค้านการปิดพีทีวีและเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง โดยอ้างว่ารัฐบาลกำลังจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชนและการทำหน้าที่ของสื่อนั้นถือเป็นเรื่องที่ขัน และน่าเศร้าใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ยังมีคนในสมาคมนักข่าวฯ ยังเข้าใจว่าสถานีพีทีวีนั้นยังเป็นสื่อ” นายเกียรติก้อง ระบุนายเกียรติก้อง กล่าวด้วยว่า คนในสมาคมนักข่าวฯ ยังไม่เข้าใจอีกหรือว่าพีทีวีมีลักษณะการทำงานเป็นอย่างไร เพราะตลอดเวลาที่ออกอากาศมีแต่การใช้ข้อมูลที่บิดเบือน ปลุกระดมให้เกิดความเกลียดชัง มีการถ่ายทอดการปลุกระดมจากเวทีของคนเสื้อแดงด้วยถ้อยคำที่สุดจะหยาบคาย หลายครั้งมีคำพูดที่จงใจหมิ่นสถาบันอย่างชัดแจ้ง ซึ่งพฤติกรรมทำนองเดียวกันนี้ยังเกิดขึ้นกับเว็บไซต์ของคนเสื้อแดงที่มีเจตนาในลักษณะเดียวกัน แต่สมาคมนักข่าวฯ กลับทำเหมือนหูหนวกตาบอด เพราะถ้าสมาคมยอมรับพีทีวีและเว็บที่ปลุกระดมแล้ว นั่นก็หมายความว่าต้องยอมรับสื่อเสื้อแดงอื่นๆ เช่น วอยซ์ออฟทักษิณ เรดนิวส์ ที่มีเจตนาจาบจ้วงสถาบันใช่หรือไม่
“
การออกแถลงการณ์แบบนี้แสดงให้เห็นว่า นอกจากแสดงให้เห็นว่าไม่เข้าใจสถานการณ์แล้ว ยังอาจจะถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือในการขยายผลของกลุ่มผู้ชุมนุมเพื่อสร้างความวุ่นวายสับสนในสังคมต่อไป” ตัวแทนจากเอเอสทีวีผู้จัดการ ระบุอดีตกรรมการสมาคมนักข่าวฯ กล่าวอีกว่า ในกรณีของเอเอสทีวี แม้จะถูกวิจารณ์ในการทำหน้าที่จากหลายฝ่าย แต่ก็ยืนยันอย่างเปิดเผยว่าได้ทำหน้าที่โดยยึดความถูกต้องเป็นธรรมเป็นหลักสำคัญ ชี้ถูกชี้ผิดให้สังคมได้เห็น และได้ยืนหยัดต่อสู้อย่างเข้มแข็งด้วยความเจ็บปวดตลอดมา
“
ที่ผ่านมาเราเอเอสทีวีผู้จัดการถูกรังแก ถูกกระทำจากอำนาจป่าเถื่อนจากรัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร จนมาถึง สมชาย วงศ์สวัสดิ์ มีความพยายามสั่งปิดหลายครั้งมีการฟ้องศาลปกครอง แต่เราก็ยืนหยัดต่อสู้ตามกระบวนการทางกฎหมายจนได้ชัยชนะ และได้รับการคุ้มครองจากการทำหน้าที่สื่อที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ที่น่าเจ็บปวดก็คือ เราไม่เคยได้รับกำลังใจและการปกป้องจากสมาคมนักข่าวฯ เลย มิหนำซ้ำหลายครั้งที่มองเราว่าไม่ใช่สื่อ”นายเกียรติก้อง ย้ำว่า การออกแถลงการณ์ครั้งนี้ไม่มีการเรียกประชุมคณะกรรมการสมาคมนักข่าวฯ หรือแจ้งให้ทราบ ทั้งที่เป็นเรื่องละเอียดอ่อนและในสถานการณ์ที่ไม่ปกติจะต้องมีการระดมความเห็น มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างกว้างขวาง ด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงขอถอนตัวจากการเป็นกรรมการตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
น.ส.วิมลพรรณ ปีตธวัชชัย ที่ปรึกษาสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า การออกแถลงการณ์ของสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เป็นการนำสมาคมวิชาชีพสื่อไปรับรองสื่อ ซึ่งเห็นได้ว่าตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นเครื่องมือทางการเมืองของคนบางกลุ่ม ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาการทำหน้าที่สื่อพีเพิลแชนแนลนี้ไม่ได้ทำหน้าที่เพื่อประโยชน์ของสาธารณะโดยส่วนรวม ในความหมายของสื่อมวลชนที่แท้จริง สมาคมนักข่าวฯ เป็นสมาคมสื่อที่ได้รับการยอมรับนับถือของสังคมว่ามีอุดมการณ์ในการทำหน้าที่สื่อเพื่อผลประโยชน์ของส่วนรวมเป็นที่ตั้ง โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาไม่ยอมตกเป็นเครื่องมือของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง การที่สมาคมนำเอาองค์กรวิชาชีพของตนเองไปรับรองสื่อ ซึ่งเป็นเครื่องมือคนบางกลุ่มที่มีเจตนายุยงส่งเสริมให้ประชาชนเกิดความเกลียดชัง แต่งเรื่องเท็จให้ประชาชนจุดไฟใส่แผ่นดิน มีเจตนาทำลายความมั่นคงของชาติทุกวิถีทางนั้น เป็นเรื่องที่ไม่พึงกระทำ
ดังจะเห็นได้ว่าผลของแถลงการณ์ดังกล่าวถูกกลุ่มคนเสื้อแดงนำไปอ้างกับเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลในการขอเปิดสถานี ด้วยเหตุผลเป็นการคุกคามสื่อ จนสามารถเปิดได้สำเร็จ
“
ข้อสงสัยที่รับไม่ได้ที่สุด คือข้อสงสัยของผู้คนในสังคมที่เข้าใจว่าเรื่องนี้มีนอกมีใน มีการรับผลประโยชน์จากใคร เพื่อมาทำลายองค์กรวิชาชีพของตัวเองหรือไม่ แม้จะยืนยันได้ว่าไม่มีกรรมการของสมาคมคนใดมีผลประโยชน์ในเรื่องนี้ แต่ข้อสงสัยของผู้คนในสังคมก็เป็นสิ่งที่ทำให้เราเจ็บปวดมาก”นอกจากนี้ หากกลุ่มคนเสื้อแดงไปยื่นฟ้องศาลในเรื่องนี้ ว่ารัฐบาลทำผิดรัฐธรรมนูญ สมาคมนักข่าวฯ ต้องส่งกรรมการไปเป็นพยาน แล้วจะปฏิเสธได้หรือไม่ว่าแถลงการณ์ที่ออกมานั้นไม่ได้เป็นการรับรองการเป็นสื่อที่เป็นเครื่องมือทางการเมือง
ในฐานะที่ปรึกษาของสมาคมนักข่าวฯ ซึ่งมิได้รับรู้และไม่ได้เห็นด้วยกับแถลงการณ์ที่ออกมา มีความรู้สึกว่าจะต้องแสดงความรับผิดชอบ จึงตัดสินใจลาออกทั้งจากที่ปรึกษาสมาคมฯ และกรรมการบริหารสถาบันอิศรา


