posttoday

90 นาทีทอง กลไกสมองพัฒนาความจำ

19 มีนาคม 2556

เพียง 90 นาทีแรกของการเรียนรู้เท่านั้น ที่กลไกสมองของเด็กเปิดรับกระบวนการจดจำ

โดย...ธนวัฒน์ เพ็ชรล่อเหลียน

เพียง 90 นาทีแรกของการเรียนรู้เท่านั้น ที่กลไกสมองของเด็กเปิดรับกระบวนการจดจำ จากนั้นความสนใจของเด็กจะเริ่มลดลงเรื่อยๆ ในทุกๆ 10 นาที

นี่คือความจริง อ้างอิงด้วยหลักวิทยาศาสตร์

ผลการศึกษาของ โรนัลด์ เจ. บอนน์ สเท็ทเตอร์ ศาตราจารย์มหาวิทยาลัยเนบราสกรา สหรัฐ อธิบายชัด กระบวนการจดจำเกี่ยวโยงกับการพัฒนาสมองอย่างสบช่อง

โรนัลด์ อธิบายว่า มนุษย์สามารถกระตุ้นการเรียนรู้ของสมองได้ เพราะในเซลล์สมองมีใยประสาทนำเข้าที่เรียกว่า เดนไดรต์ (Dendrite) ที่เป็นตัวเชื่อมต่อระหว่างสมองกับประสาทการเรียนรู้ หากเซลล์ประสาทนำเข้าดังกล่าวได้รับการพัฒนา การเรียนรู้ของเด็กก็จะได้รับการพัฒนา

“ครูที่สอนเด็กต้องกระตุ้นเสริมสร้างสารโปรตีนมาร์คเกอร์ ซึ่งเป็นตัวช่วยเรื่องกระบวนการจดจำ โดยสารโปรตีนนี้จะอยู่เพียง 90 นาที ระหว่างกระบวนการเรียนรู้ของสมอง ครูจึงต้องออกแบบการสอนให้สอดรับ” ศาสตราจารย์รายนี้ระบุ

สำหรับสูตรการเรียนการสอนที่ โรนัลด์ เสนอเรียกว่า “กฎ 309010”

กล่าวคือ ระยะเวลา 30 วินาทีแรก ที่เด็กได้ยินอะไรบางอย่าง ครูต้องกระตุ้นให้เด็กกระตือรือร้นในการจดบันทึกความรู้ใหม่โดยทันที

ระยะเวลา 90 นาทีแรก ระหว่างที่เด็กกำลังเรียนรู้ ครูควรมีการกระตุ้นให้เด็กอยากเรียนรู้ก่อนที่สารโปรตีนมาร์คเกอร์จะหายไป

ระยะเวลา 10 ชั่วโมง หลังจากที่เด็กมีการเรียนรู้แล้ว ต้องกระตุ้นให้เด็กมีการทบทวนบทเรียน ซึ่งจะทำให้กระบวนการจดจำของเด็กจะมีประสิทธิภาพที่สูงขึ้น

ขณะเดียวกันครูควรใช้หลักการ “กฎ 10 นาที” ควบคู่ไปด้วย

นั่นเพราะจากการศึกษาพบว่าความสนใจของผู้ฟังจะลดลงเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 10 นาที ดังนั้นในช่วง 90 นาทีแรก ในขณะที่ยังมีสารโปรตีนมาร์คเกอร์อยู่ ควรมีการจัดกิจกรรมที่สามารถดึงอารมณ์ร่วมของเด็กในทุกๆ 10 นาที เช่น การเล่าเรื่องที่เกี่ยวข้องกับบทเรียน ดูวิดีโอคลิปที่เกี่ยวข้อง หรือสร้างกิจกรรมที่เกี่ยวข้องมาดึงความสนใจของเด็กในระหว่างคาบเรียน

นอกจากนี้ ยังพบว่าการสอนเด็กควรผสมผสานทั้งรูปแบบการฟังและการดู เพราะจะทำให้กระบวนการจดจำมีประสิทธิภาพสูงสุด จากการศึกษาพบว่า หากคนคนหนึ่งได้รับข้อมูลหนึ่งด้วยการฟังเพียงอย่างเดียว เมื่อผ่านไป 3 วันจะสามารถจดจำได้เพียง 10% เท่านั้น แต่หากรับรู้ด้วยการดูเพียงอย่างเดียวจะจดจำได้ 35% หากได้ทั้งการฟังและการดูความสามารถในการจดจำจะเพิ่มสูงขึ้นถึง 65%

เขาแนะนำอีกว่า การศึกษากระบวนการเรียนรู้ของสมองมีส่วนช่วยในการออกแบบการเรียนการสอนของครูได้มาก ที่สำคัญครูต้องเข้าใจเรื่องปัจจัยภายนอกที่จะมาเสริมการทำงานของสมองให้ดียิ่งขึ้น เช่น การจัดสภาพแวดล้อมในการเรียนรู้ ความต้องการด้านโภชนาการ การสร้างแรงจูงใจ ความต้องการนอนหลับ และปฏิพัทธ์ทางสังคม

สำหรับการจัดสภาพแวดล้อมในการเรียนรู้นั้น ต้องเข้าใจว่าสมองคนเรามีปฏิกิริยาโต้ตอบกับธรรมชาติ สี และอุณหภูมิ ดังนั้นการเปิดโอกาสให้เด็กได้เรียนรู้จากธรรมชาติจึงเป็นสิ่งสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการเรียนจากในห้องเรียน

นอกจากนี้ การขยายความสามารถในการเรียนรู้ให้ยาวขึ้นมีความเกี่ยวเนื่องกับความต้องการด้านโภชนาการ เช่น เด็กควรได้รับโปรตีนประมาณ 4 กรัม ในทุกเช้า เพื่อไปเสริมสร้างสารที่ช่วยกระตุ้นการเรียนรู้ในสมอง เด็กควรได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอที่ประมาณ 89 ชั่วโมงต่อวัน และควรมีโอกาสได้ออกกำลังกายอย่างเพียงพอ ซึ่งพฤติกรรมที่กล่าวไปเหล่านี้ล้วนมีการศึกษาวิจัยว่า มีส่วนช่วยในการกระตุ้นและเสริมสร้างกระบวนการเรียนรู้และจดจำ

“สิ่งที่สำคัญมาก คือ การสร้างความหวังให้เด็ก โดยที่ครูต้องชี้ให้เด็กนักเรียนเห็นว่าอนาคตข้างหน้านั้นเต็มไปด้วยความหวังและความเป็นไปได้ เพราะหากเด็กไม่เชื่อในอนาคต เขาก็จะไม่รอและไม่มีความกระตือรือร้นในการเรียน ในทางกลับกัน ครูเองก็ต้องมีความกระตือรือร้นในการเรียนรู้สิ่งใหม่เช่นเดียวกับเด็ก เปิดรับความเปลี่ยนแปลง อ่านและฟังความรู้ใหม่ๆ อย่าพึงพอใจง่ายต่อความรู้ที่มีและต้องรู้จักลงทุนกับอนาคต หรือพูดได้ว่าครูเองก็ต้องเป็นเสมือนนักเรียนคนหนึ่ง” โรนัลด์ รวบยอดความคิดในท้ายที่สุด

ข่าวล่าสุด

ขนส่ง เตือน! รถติดถุงลมนิรภัยทาคาตะ เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต เช็ก-เปลี่ยนฟรี