อภินิหารพระพรหมเอราวัณ 42ปีข่วยโรงพยาบาลนับพันล้านบาท
เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2556 ศาสตราจารย์พิเศษ ไพจิตร โรจนวานิช ประธานกรรมการ มูลนิธิทุนท่านท้าวมหาพรหม โรงแรมเอราวัณ
เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2556 ศาสตราจารย์พิเศษ ไพจิตร โรจนวานิช ประธานกรรมการ มูลนิธิทุนท่านท้าวมหาพรหม โรงแรมเอราวัณ
ทำพิธีมอบเงินกับเครื่องมือแพทย์ให้หน่วยงาน และโรงพยาบาลในจังหวัดต่างๆ รวม 8 แห่ง มูลค่าทั้งสิ้น 31,289,000 บาท (สามสิบเอ็ดล้านสองแสนแปดหมื่นเก้าพันบาทถ้วน)
แต่ถ้าย้อนดูอดีตตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2512 ทุนจากท่านท้าวมหาพรหมที่บริจาคเพื่อการแพทย์และสาธารณกุศลต่างๆ ที่เคยทำในนามของ “ทุนพรหมวิหารโรงแรมเอราวัณ” จนกระทั่งเปลี่ยนมาเป็น “มูลนิธิทุนท่านท้าวมหาพรหม โรงแรมเอราวัณ” จนถึง
(เมื่อวันที่ 4 ก.พ.) เป็นเงินทั้งสิ้น 1,261,284,307.92 บาท (หนึ่งพันสองร้อยหกสิบเอ็ดล้านสองแสนแปดหมื่นสี่พันสามร้อยเจ็ดบาท เก้าสิบสองสตางค์)
เงินที่นำมาบริจาคได้จากตู้บริจาคที่ตั้งอยู่ในบริเวณเทวสถานท่านท้าวมหาพรหม โรงแรมเอราวัณ ที่ประชาชนผู้มีศรัทธาบริจาคเพื่อบูรณะเทวสถานดังกล่าว และเพื่อสาธารณกุศลอื่นๆ ซึ่งปรากฏว่ามีเงินเหลือจากการบูรณะเป็นจำนวนมาก คณะกรรมการจึงมีมติให้นำเงินที่เหลือไปจัดซื้อเครื่องมือแพทย์มอบให้โรงพยาบาลของรัฐที่ขาดแคลน หรือเพื่อสาธารณสุขอื่นๆ ตามที่เห็นสมควร ซึ่งดำเนินการครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2512
เมื่อเดือน ส.ค. 2536 ได้มีผู้มีจิตศรัทธาบริจาคเงินตั้งกองทุนไว้ในมูลนิธินี้ เพื่อให้นำดอกผลไปใช้จ่ายเพื่อการสาธารณสุขนี้ด้วย จนถึงเดือน ธ.ค. 2555 มีผู้ตั้งกองทุนไว้จำนวน 812 ราย รวมเป็นเงิน 514,733,778.43 บาท
ไพจิตร กล่าวกับผู้แทนที่มารับเงินช่วยเหลือ ว่า ที่มูลนิธิสามารถบริจาคตามเจตนารมณ์ผู้บริจาคได้ 100% เพราะมูลนิธิไม่มีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ยกเว้นค่าน้ำค่าไฟฟ้า ซึ่งก็ได้จากส่วนแบ่ง 40% ของค่าเช่าในบริเวณที่ประดิษฐานท่านท้าวมหาพรหม ดังนั้นจึงใคร่ขอให้ผู้รับบริจาคช่วยติดป้ายบอกเครื่องมือแพทย์ที่รับไป ว่า ได้รับการบริจาคโดยมูลนิธิท่านท้าวมหาพรหม เพื่อที่ผู้บริจาคจะได้ทราบและอนุโมทนาว่าเงินบริจาคเป็นไปตามจุดประสงค์ทุกบาททุกสตางค์
ความศักดิ์สิทธิ์ท่านท้าวมหาพรหม เป็นที่ยอมรับและเลื่องลือมิใช่เฉพาะชาวไทย หากแต่นานาชาติก็ยอมรับ จึงเห็นชาวจีนจาก สิงคโปร์ ฮ่องกง มาเลเซีย อินโดนีเซีย และมาเก๊า หลั่งไหลมาไหว้และบูชากันไม่เคยขาดตั้งแต่เช้าตรู่ ถึงกลางดึกทุกคืน
สิ่งของที่ผู้ไหว้นำมาบูชาพระพรหม ได้แก่ พวงมาลัย ธูป เทียน ช้างไม้ชนิดต่างๆ และที่ขาดไม่ได้คือละครรำ
สำหรับละครรำ ที่ศาลพระพรหมแห่งนี้ นางรำเกือบจะไม่มีเวลาพัก แต่ละคณะต้องร้องรำไม่ต่ำกว่า 70 รอบต่อวัน ซึ่งมีละครรำหมุนเวียนรับงานทั้งสิ้น วันละ 2 คณะ จาก 3 คณะ เพื่อให้โอกาสคณะที่เหลือมีเวลาพัก 1 วัน
ประวัติศาลท่านท้าวมหาพรหม
หนังสือรายงานผู้ก่อตั้งกองทุนและรายการบริจาคมูลนิธิท่านท้าวมหาพรหม ประจำปี 2554 ให้รายละเอียดความเป็นมาในเรื่องต่างๆ ของท่านท้าวมหาพรหมไว้ดังนี้
เมื่อปี พ.ศ. 2496 บริษัท สหโรงแรมไทยและการท่องเที่ยว ซึ่งมี พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ เป็นประธานกรรมการ ได้เริ่มการก่อสร้างโรงแรมเอราวัณ ขึ้น ต่อมาปลายปี พ.ศ. 2499 การก่อสร้างโรงแรมเอราวัณใกล้จะแล้วเสร็จ คณะกรรมการได้มอบให้ พล.ต.ต.ม.ล.จเร สุทัศน์ ซึ่งเป็นผู้ควบคุมการก่อสร้าง ไปติดต่อ พล.ร.ต.หลวงสุวิชานแพทย์ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโหราศาสตร์ เพื่อหาฤกษ์วันเปิดดำเนินกิจการโรงแรมเอราวัณ
พล.ร.ต.หลวงสุวิชานแพทย์ ได้แนะนำว่า เนื่องจากฤกษ์การวางศิลาฤกษ์ที่ได้กระทำไว้ไม่ถูกต้องจะต้องแก้ไขโดยการสร้างศาลท่านท้าวมหาพรหมและศาลพระภูมิขึ้นไว้ โดย พล.ร.ต.หลวงสุวิชานแพทย์ ได้ทำพิธีบวงสรวง จิตร พิมพ์โกวิท ช่างกองหัตถศิลป์ กรมศิลปากรเป็นผู้ออกแบบและปั้นพระรูปท่านท้าวมหาพรหมตามแบบแผนของกรมศิลปากร โดยปั้นด้วยปูนปลาสเตอร์ปิดทอง เจือระวี ชมเสวี และ ม.ล.ปุ่ม มาลากุล แห่งกรมศิลปากร เป็นผู้ออกแบบศาล ศาลท่านท้าวมหาพรหมได้สร้างเสร็จและนำมาประดิษฐานที่โรงแรมเอราวัณ เมื่อวันที่ 9 พ.ย. 2499 โรงแรมเอราวัณจึงได้ถือเอาวันที่ 9 พ.ย.ของทุกปี ทำพิธีบวงสรวงเทวสถานแห่งนี้เป็นประจำตลอดมา
ท่านท้าวมหาพรหมองค์เดิมถูกชายต่างศาสนาบุกมาใช้ค้อนทุบทำลายเมื่อกลางดึกคืนวันที่ 21 มี.ค. 2549 ต่อมากรมศิลปากรจึงจัดพิธีหล่อขึ้นใหม่เป็นทองสัมฤทธิ์ โดยสร้างขึ้น 2 องค์ มอบให้มูลนิธินำมาประดิษฐานไว้ที่เดิม 1 องค์ (เมื่อเดือน พ.ค. 2549) และเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ 1 องค์
ทุนพระพรหม
เทวสถานท่านท้าวมหาพรหมโรงแรมเอราวัณเป็นที่เคารพสักการะของประชาชนทั่วไปทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ผู้มีจิตศรัทธาได้บริจาคเงินไว้เพื่อใช้ในการบูรณะซ่อมแซมและทำนุบำรุงเทวรูปท่านท้าวมหาพรหม รวมทั้งสถานที่สักการะแห่งนี้ เงินนี้ได้นำฝากธนาคารแยกบัญชีไว้โดยเฉพาะ ปรากฏว่ามีเงินเหลือจากการบูรณะซ่อมแซมอยู่เป็นจำนวนมาก ในปี พ.ศ. 2512 พล.อ.เฉลิมชัย จารุวัสตร์ ประธานกรรมการ บริษัท สหโรงแรมไทยและการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นเจ้าของและผู้ดำเนินกิจการโรงแรมเอราวัณ ได้เสนอคณะกรรมการว่าเงินนี้นับวันจะทวีจำนวนขึ้นเรื่อยๆ น่าจะนำไปใช้ให้เป็นประโยชน์อย่างอื่นแก่สาธารณชน เพื่อประพฤติตามพรหมวิหารธรรมอันประกอบด้วย เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา ซึ่งคณะกรรมการก็ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ ให้มอบเงินนี้แก่โรงพยาบาลและสถานสาธารณสุขกุศลต่างๆ โดยใช้ชื่อทุนที่มอบนี้ว่า “ทุนพรหมวิหารโรงแรมเอราวัณ” วัตถุประสงค์ของทุนนี้เพื่อให้โรงพยาบาลในถิ่นทุรกันดารนำเงินไปจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ สำหรับใช้ในการรักษาพยาบาลผู้เจ็บป่วยที่ยากไร้ ได้เริ่มบริจาคเงินนี้ตั้งแต่เดือน ก.ค. 2512 เป็นต้นมา
มูลนิธิทุนท่านท้าวมหาพรหม
บริษัท สหโรงแรมไทยและการท่องเที่ยว ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ร่วมลงทุนกับเอกชนโดยให้เอกชนเช่าที่ดิน ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงแรมเอราวัณเดิม และสร้างโรงแรมเอราวัณใหม่บนพื้นที่ดินเดิม คณะกรรมการบริษัท สหโรงแรมไทยและการท่องเที่ยว ซึ่งมี ไพจิตร โรจนวานิช เป็นประธานกรรมการ ได้ให้กันพื้นที่ดินซึ่งเป็นที่ตั้งของเทวสถานท่านท้าวมหาพรหมโรงแรมเอราวัณ เนื้อที่ประมาณ 100 ตารางวา ออกจากที่ดินที่ให้เช่า และได้ขออนุญาตกรุงเทพมหานครจัดตั้งทุนพรหมวิหารโรงแรมเอราวัณเป็นมูลนิธิขึ้น เพื่อที่จะได้มีผู้รับผิดชอบดูแลเงินที่ได้รับบริจาคจากเทวสถานแห่งนี้ การจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิได้รับความกรุณาจาก โอสถ โกศิน อดีตที่ปรึกษาคณะกรรมการบริษัท ช่วยจัดทำตราสารและติดต่อกับกรุงเทพมหานคร และได้รับอนุญาตให้จัดตั้งเป็นมูลนิธิได้ เมื่อวันที่ 6 ต.ค. 2531 โดยใช้ชื่อว่า “มูลนิธิทุนท่านท้าวมหาพรหมโรงแรมเอราวัณ”
สำหรับวัตถุประสงค์หลักของมูลนิธิ คงยึดถือการบริจาคเพื่อการแพทย์และสาธารณกุศลต่างๆ เช่นที่เคยทำในนามของ “ทุนพรหมวิหารโรงแรมเอราวัณ” จนกระทั่งเปลี่ยนมาเป็น “มูลนิธิทุนท่านท้าวมหาพรหม โรงแรมเอราวัณ” รวมผู้ที่ได้รับบริจาคเงินนี้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2512 จนถึงขณะนี้ (วันที่ 31 ธ.ค. 2554) รวม 1,480 แห่ง เป็นเงินทั้งสิ้น 1,188,329,307.92 บาท
การที่มูลนิธิได้จัดพิมพ์เอกสารนี้ขึ้น ก็เพื่อเผยแพร่ให้ประชาชนที่สนใจได้ทราบ ว่า มูลนิธิได้นำเงินซึ่งผู้มีจิตศรัทธาบริจาคไว้ ณ เทวสถานแห่งนี้ไปใช้จ่ายในการบูรณะซ่อมแซมเทวสถานและบริจาคเพื่อการกุศลทั้งสิ้น โดยคณะกรรมการจะได้พิจารณาในรายละเอียดของการบริจาคเป็นคราวๆ ไป
ดังนั้น ผู้บริจาคทุกท่านควรจะได้ชื่นชมและยินดี ว่า เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ท่านได้บริจาคให้แก่มูลนิธิทุนท่านท้าวมหาพรหมโรงแรมเอราวัณ คณะกรรมการได้นำไปใช้เพื่อสาธารณกุศลอย่างแท้จริง และส่งผลกุศลนั้นไปยังผู้บริจาคทุกท่านโดยทั่วกัน พระพรหม ณ โรงแรมเอราวัณ มิได้ช่วยแก้ปัญหาให้ประชาชนผู้มีศรัทธาเท่านั้น หากแต่ยังมีอภินิหารช่วยประชาชนที่มีความทุกข์จากการเจ็บไข้ผ่านโรงพยาบาล และหน่วยงานสาธารณสุขด้วย


