posttoday

Super Note ธนบัตรดอลลาร์โคลนนิง

29 มีนาคม 2553

ธนบัตรดอลลาร์สหรัฐอเมริกาปลอมประเภทหนึ่ง เกรดเอบวก ปลอมเหมือนชนิดเข้าขั้นเทพ

ธนบัตรดอลลาร์สหรัฐอเมริกาปลอมประเภทหนึ่ง เกรดเอบวก ปลอมเหมือนชนิดเข้าขั้นเทพ

โดย...วัสยศ งามขำ

Super Note ธนบัตรดอลลาร์โคลนนิง
          ที่ตำรวจให้คำจำกัดความมันไว้ว่าเป็นธนบัตรดอลลาร์สหรัฐอเมริกาปลอมประเภทหนึ่ง เกรดเอบวก ปลอมเหมือนชนิดเข้าขั้นเทพ มีความเหมือนกับธนบัตรดอลลาร์ของจริงอย่างแยกไม่ออก ไม่ว่าจะเป็นกระดาษ
          ที่ใช้ลายน้ำ หรือแม้กระทั่งตำหนิต่างๆาว่า Super Note อาจจะไม่คุ้นหูนักสำหรับชาวบ้านทั่วไป ที่หยิบสอยเงินตราใช้เพียงพอประทังชีพ แต่ในหมู่แวดวงการเงินการธนาคาร รวมทั้ง US Secret Service ซึ่งเป็นหน่วยงานตำรวจลับของสหรัฐอเมริกา การติดตามดมกลิ่นเพื่อหาเส้นทางของ Super Note คืองานของพวกเขาและนั่นคือที่มาของการตะครุบแก๊งค้าธนบัตรดอลลาร์ปลอมที่ไม่ใช่เพียงแค่ปลอมธรรมดา แต่มันคือการโคลนนิงธนบัตรดอลลาร์อย่างแนบเนียนจนธนบัตรใบนั้นได้รับฉายาว่า Super Note
          ย้อนหลังไปช่วงเทศกาลสงกรานต์ ตำรวจกองปราบปรามได้รับการประสานงานจาก US Secret Service แน่นอนประสาทสัมผัสของตำรวจกองปราบปรามรู้ดีว่า งานใหญ่กำลังคืบคลานเข้ามาแล้ว ทำให้พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถรักษาราชการแทน ผู้บังคับการกองปราบปราม ต้องตั้งชุดสืบสวนขึ้นมารองรับทันที โดยมอบหมายให้ พ.ต.ท.ธีรเดช ธรรมสุธีร์รองผู้กำกับการ 1 กองปราบปราม พ.ต.ต.สุทธิเวชบุญยรัตกลิน สารวัตรกองกำกับการ 1 พร้อมด้วย ร.ต.อ.อภิสิทธิ์ เมฆประยูรรองสารวัตรคู่ใจ รับงานช้างไปทำ และนี่คือจุดเริ่มต้นของการดมกลิ่น Super Note ธนบัตรดอลลาร์โคลนนิง ที่ตำรวจให้คำจำกัดความมันไว้ว่า เป็นธนบัตรดอลลาร์สหรัฐอเมริกาปลอมประเภทหนึ่ง เกรดเอบวก ปลอมเหมือนชนิดเข้าขั้นเทพ มีความเหมือนกับธนบัตรดอลลาร์ของจริงอย่างแยกไม่ออก ไม่ว่าจะเป็น กระดาษที่ใช้ลายน้ำ หรือแม้กระทั่งตำหนิต่างๆ ที่รัฐบาลเมืองมะกันจารึกไว้ จนสามารถผ่านการตรวจสอบเบื้องต้นจากธนาคารพาณิชย์ทั่วไปได้ เมื่อมันมีความเหมือนเช่นนี้ จึงเป็นที่หวาดกลัว รัฐบาลอเมริกันจึงต้องส่ง US Secret Service มาเป็นสายลับทั่วโลก เพื่อตามล่าหาต้นตอ
          การจับกุม นายปัญญา ภูยอดนิลผู้ต้องหาลักลอบซื้อขายธนบัตรดอลลาร์ปลอม ที่ จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 3 มี.ค. ที่ผ่านมา จนวันที่ 23 มี.ค. สามารถขยายผลมาจับ นายปรัชญา บุญวรรโณผู้ต้องหาตามหมายจับในความผิดเดียวกัน พร้อมธนบัตรสกุลดอลลาร์สหรัฐ ราคาฉบับละ 100 ดอลลาร์ รวม 1,040 ฉบับเป็นเงินไทยกว่า 3 ล้านบาท
          ทำให้ US Secret Service และกองปราบปราม รู้ว่าทั้งคู่เป็นหนึ่งในเครือข่ายหารายได้จาก Super Note ที่หาได้ยากในท้องตลาด และนั่นเป็นสัญญาณส่งให้เห็นว่า Super Note กำลังระบาดอยู่ในกระแสเงินโลก และไทยเป็นหนึ่งในฐานที่อยู่ในเครือข่ายการระบาดด้วย
          "มันเป็นคดีที่ไม่ยากครับ ไม่อันตราย แต่มันต้องใช้เวลาและอดทน มันไม่เสียหายกับร่างกาย แต่สำหรับเศรษฐกิจแล้วมันเสียหายมากครับ" พ.ต.ต.สุทธิเวช พูดถึงความรู้สึกในการแกะรอยจับกุมแก๊งค้า Super Note
          พร้อมกับเล่าย้อนหลังให้ฟังถึงการจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองรายว่า คดีนี้เริ่มจากสำนักงานใหญ่ของธนาคารทหารไทย ร่วมกับ US Secret Service ตรวจสอบพบว่าสาขาแห่งหนึ่งของธนาคารใน จ.อุบลราชธานี ได้รับแลก Super Note ไว้ จึงสั่งการให้สาขาดังกล่าวเข้าแจ้งความไว้ใน จ.อุบลราชธานี
          หลังรับทราบ US Secret Service จึงได้ประสานไปยังธนาคารพาณิชย์ต่างๆ ให้ตรวจสอบว่าได้รับแลกเปลี่ยนเงินดอลลาร์ปลอม หรือ Super Note ไว้หรือไม่กระทั่งพบว่ามีธนาคารอีกหลายแห่งรับแลก รวมไว้กว่า1,000 ใบเศษ จนกระทั่งนำมาสู่การจับกุมผู้ต้องหาเมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2552
          พ.ต.ต.สุทธิเวช เล่าว่า เมื่อหารือกับ US Secret Service ได้ข้อสรุปว่า ผู้ต้องหาทั้งสองคนน่าจะอยู่ช่วงปลายขบวนการค้าขาย Super Note จึงเห็นว่าควรจะขยายผลให้ถึงตัวการใหญ่ที่อยู่เบื้องหลัง การสืบสวนระหว่างกองปราบปราม กับ US Secret Service เพื่อตามล่า Super Note จึงเริ่มขึ้น มาถึงวันนี้แกะรอยมาเกือบ 1 ปีเต็ม จนสามารถต่อจิ๊กซอว์จนเห็นภาพว่าขบวนการนี้มีเส้นทาง และเห็นเค้าลางบ้างว่าใครอยู่เบื้องหลัง
          "เราตัดสินใจจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองคน เพราะว่าเขาหมดประโยชน์ต่อการสืบสวนแล้วครับ เราสืบสวนจนเห็นภาพแล้วจึงเข้าจับกุม การที่ผู้ต้องหาอ้างว่าเป็นบริษัทรับแลกเงินตามกฎหมาย และไม่รู้ว่าสิ่งที่เขานำไปแลกกับธนาคารเป็น Super Note โดยที่ธนาคารต้องรับผิดชอบ เพราะผ่านธนาคารไปแล้วเป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น เพราะเราพิสูจน์ได้จากพฤติกรรมของผู้ต้องหาที่ติดตามมาตลอด 1 ปี"
          ในการค้นบ้านพักผู้ต้องหาตำรวจได้ข้อมูลสำคัญ พบสมุดบันทึกการแลกเปลี่ยนเงินซึ่งจดไว้อย่างละเอียดมากว่า แลกที่ธนาคารไหน เมื่อไหร่และจำนวนเท่าใด จึงเป็นเส้นทางในการติดตามหาSuper Note เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดในวงกว้างเพื่อไม่ให้สร้างผลเสียต่อระบบเศรษฐกิจ
          นอกจากนี้ ข้อมูลการสืบสวนยังพบว่า ขบวนการนี้จะซื้อ Super Note จากประเทศเพื่อนบ้านชนิดใบละ 100 ดอลลาร์สหรัฐ แล้วมาขายในราคาใบละ 80-85 ดอลลาร์สหรัฐ โดยจะนำมาขายเป็นล็อตๆ ซึ่งผู้ซื้อจะกินส่วนต่างของราคาเป็นทอดๆเมื่อนำมาขายแล้ว ก็จะมีผู้ที่ทำหน้าที่รับแลกเงินนำSuper Note ไปแลกเปลี่ยนกับธนาคาร
          จากการสืบสวนยังพบว่าหัวโจกของขบวนการเป็นนักธุรกิจคนหนึ่งอยู่ในกรุงเทพฯ เป็นกระเป๋าเงินให้กับขบวนการเหล่านี้ นักธุรกิจคนนี้จะรับซื้อSuper Note ไว้จากชาวต่างชาติ ก่อนจะติดต่อกับเครือข่ายที่เป็นนายหน้าหาผู้รับซื้อ หรือรับแลกเปลี่ยนรายย่อย
          ตำรวจพบว่าผู้ที่ทำหน้าที่นี้ส่วนใหญ่เป็นทนายความ และเป็นคนที่รู้กฎหมาย เมื่อได้รับคำสั่งให้ติดต่อก็จะทำตัวเป็นนายหน้าผ่องถ่าย Super Note ไปยังพวกค้าเงินรายย่อย เช่น สองผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ เมื่อผู้ค้ารายย่อยนำธนบัตรไปทดสอบว่าผ่านเคาน์เตอร์ธนาคารปกติได้ ก็จะบันทึกไว้ว่าผ่านการตรวจสอบที่ธนาคารใด และสาขาใดบ้าง ก่อนที่จะนำเงินล็อตใหญ่ไปทยอยแลกต่อไป
          "ตอนนี้เรารู้หมดแล้วว่าขบวนการมีใครประกอบอยู่บ้าง กำลังอยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐาน เพื่อไปขออนุมัติหมายจับต่อศาล ต่อไปเป็นหน้าที่ของ US Secret Service ต้องสืบสวนขยายผล เพราะเขามีเครือข่ายอยู่ในหลายประเทศ และทำเรื่องนี้เป็นการเฉพาะ" พ.ต.ต.สุทธิเวช บอก
          ขณะที่ พ.ต.อ.สุพิศาล นายตำรวจนักสืบรุ่นเก๋าซึ่งเคยพิชิต Super Note ร่วมกับ US Secret Service มาแล้วเมื่อ 24 ปีก่อน พูดถึงกรณีนี้ว่า นับเป็นครั้งที่สองรองจากปี 1986 ที่เห็นการจับกุมSuper Note จำนวนมากในประเทศไทย
          ทั้งนี้ เนื่องจาก Super Note ทำขึ้นมายาก ต้องอาศัยความเป็นมืออาชีพ ที่สำคัญคือมันมีความชัวร์แตกต่างจากดอลลาร์ปลอมทั่วไป คือไม่ได้นำมาใช้ซื้อขายกันตามท้องตลาด เพราะสามารถผ่านเคาน์เตอร์ธนาคารได้ไม่ว่าจะเป็นการทดสอบด้วยแสงไฟ หรือปากกาที่ใช้ตรวจสอบธนบัตรปลอม
          "ล็อตที่จับได้ล่าสุด ต้องยอมรับว่ากระดาษที่ใช้ทำแนบเนียนกว่าสมัยที่เคยจับกุมมาก ชี้ให้เห็นว่าคนในแบงก์ยังถูกหลอกได้" พ.ต.อ.สุพิศาล ซึ่งเคยมีประสบการณ์เรียนวิธีการดู Super Note ในคอร์สที่สหรัฐอเมริกามาก่อนยังกังวลถึงกลวิธีทำ
          สำหรับวิธีการดู Super Note ต้องอาศัยคนที่อบรมและเรียนมา หรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเท่านั้น เพราะในธนบัตรดอลลาร์มีจุดสังเกตอยู่หลายประการ แม้ว่า Super Note จะแนบเนียนแค่ไหนแต่ผู้เชี่ยวชาญก็จะพบว่ามีจุดที่สังเกตได้ว่าปลอม
          แหล่งผลิต Super Note มักจะถูกผลิตจากประเทศที่เป็นปรปักษ์กับสหรัฐอเมริกาอย่างเกาหลีเหนือ อย่างคดีล่าสุดเส้นทางสืบสวนพบเชื่อว่ามาจากประเทศนี้ นอกจากนี้ก็เป็นประเทศที่อยู่ในเครือข่าย การค้าอาวุธ ค้ายาเสพติด หรือธุรกิจใต้ดินผิดกฎหมาย กลุ่มประเทศพวกนี้จะย้ายฐานการผลิตวนเวียนกันไปเรื่อยๆ เพื่อหนีการสืบสวนจับกุมจาก US Secret Service ซึ่งนั่นทำให้แม่พิมพ์Super Note มีค่าสูงมากถึงแผ่นละหลายสิบล้านดอลลาร์สหรัฐ
          จะเห็นได้ว่าขบวนการโจรปลอมธนบัตรดอลลาร์มีเครือข่ายโยงใยไปหลายประเทศ รวมถึงในประเทศไทย แม้จะจับผู้ต้องหาได้ แต่อยู่ระดับปลายแถว ดังนั้นในช่วงที่การเมืองไม่นิ่ง เจ้าหน้าที่ต้องทุ่มกำลังมาดูม็อบอาจจะเป็นช่องว่างให้ขบวนการค้า Super Note ตีปีกใช้ช่องว่างนี้ปล่อยของ ถ้าจับไม่ได้ไล่ไม่ทันเศรษฐกิจของประเทศจะยิ่งพังย่อยยับไปกว่านี้ !!!
          การดูธนบัตรดอลลาร์ต้องใช้ความชำนาญเพื่อไม่ให้ผิดพลาดจึงมี 4 วิธีการดูธนบัตรดอลลาร์ปลอมเบื้องต้น (ข้อมูลจาก www.usabypacific.com)
          1. จับดูเนื้อกระดาษจะสัมผัสได้ว่าแตกต่างหรือเหมือนใบอื่นๆ หรือไม่ เพราะกระดาษใช้พิมพ์ธนบัตรเป็นฝ้าย 75% ลินิน 25% มีความเหนียว และมีลักษณะเฉพาะตัว
          2. หมึกพิมพ์จะคมชัด ไม่เลอะเปรอะเปื้อนผม ขน คิ้ว ของภาพบนธนบัตรเป็นเส้นกริบ และหมายเลขบริเวณมุมล่างด้านขวาจะเป็นสีออกเขียวแกมดำ ลายคลื่นโค้งสวยงาม
          3. เมื่อยกขึ้นส่องกับแสงไฟ หรือแสงแดดที่บริเวณด้านขวามือเหนือมุมเลขด้านขวาล่างจะมีเงาของประธานาธิบดีประจำธนบัตรใบนั้นหน้าตาหันตรงกับที่ปรากฏชัดอยู่ตรงกลางของธนบัตร เช่น ใบละ $20 มีรูป President Jackson อยู่ตรงกลาง เงาที่ด้านขวาก็จะเป็นหน้าของเขาเหมือนกัน แต่ถ้าหน้าไม่เหมือนกันแสดงว่าเป็นของปลอม อาจนำไปลอกสีออกลบเลข และพิมพ์ทับบนกระดาษที่ใช่ของจริงแต่มูลค่าไม่จริง เป็นต้น
          4. เส้นลายน้ำที่ฝังไว้กลางระหว่างเนื้อธนบัตร จากล่างสู่บนจะมีตัวอักษร หรือตัวเลขระบุมูลค่าของธนบัตร ตัวขนาดเล็ก อ่านค่อนข้างยาก แต่สำคัญเพราะเป็นส่วนที่ปลอมได้ยากที่สุด
          ติดตามอ่านคอลัมน์ขยายประเด็นร้อนทั้งหมดได้ที่ www.posttoday.com/กทม.-ภูมิภาค/ส่องมุมมืด

ข่าวล่าสุด

สวนดุสิตโพล เปิด 5 อันดับ “นักการเมือง” ประชาชนเชียร์นั่งนายกฯ