posttoday

ฟื้นประเพณีลงแขกทำนาสู้ค่าแรง300

08 ธันวาคม 2555

โดย...บุญนำ เกิดแก้ว

โดย...บุญนำ เกิดแก้ว

ในช่วงนี้เข้าสู่ฤดูเก็บเกี่ยวข้าว เกษตรกรทั่วประเทศต่างเร่งเก็บเกี่ยวเพื่อนำผลผลิตเข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวตันละ 1.5 หมื่นบาท แต่ต้องทุกข์ช้ำเพราะต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มสูงขึ้นพวงจากนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท แม้ว่ากฎหมายจะมีผลบังคับใช้พร้อมเพรียงกันทุกจังหวัดตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2556 แต่อาชีพรับจ้างเกี่ยวข้าวก็ได้ปรับค่าแรงไปก่อนหน้านี้แล้ว เนื่องจากปัจจุบันกำลังขาดแคลนแรงงานเกี่ยวข้าวอย่างหนัก

“ลงแขกเกี่ยวข้าว” ประเพณีที่กำลังจะเลือนหายไปจากสังคมไทย ทำให้เกษตรกรหลายจังหวัดฟื้นประเพณีขึ้นมาสู้ค่าแรงแพง เช่นเดียวกับเกษตรกรบ้านฝาย ต.บ้านฝาย อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ ลดต้นทุนค่าจ้างเกี่ยวข้าวแพงรื้อฟื้นลงแขกเกี่ยวข้าวหลังจากหายสาบสูญนานนับสิบปี นอกจากจะช่วยให้เจ้าของนาข้าวไม่ต้องเสียค่าจ้างเกี่ยวข้าวแล้วยังกระชับความสัมพันธ์สร้างความสามัคคีกันเองภายในหมู่บ้าน เพราะรายไหนที่เป็นเจ้าภาพลงแขกเกี่ยวข้าวประเพณีปฏิบัติสืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่น คือเจ้าภาพจะเลี้ยงอาหารครบ 3 มื้อแถมช่วงเย็นเหล้ายาปลาปิ้งไม่อั้น

ฟื้นประเพณีลงแขกทำนาสู้ค่าแรง300

 

แบงค์ เนตรขันทอง นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) บ้านฝาย อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ ซึ่งพยายามรื้อฟื้นประเพณีลงแขกเกี่ยวข้าวขึ้น ในอดีตมีทั้งลงแขกดำนาและเกี่ยวข้าว แต่ในยุคเทคโนโลยีเครื่องจักรกลเข้ามามีบทบาทแทนวัวควายทุกขั้นตอนทำนาเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ การทำนาปัจจุบันไม่ใช่เรื่องที่ต้องยากลำบากเหมือนสมัยปู่ย่าตายายอีกต่อไปแล้ว ยิ่งเจ้าของนามีทุนหน่อยแทบไม่ต้องลงมือไถ่คราดหว่านข้าว หรือปลูกข้าวเอง มีเงินก็จ้างคนอื่นทำนาแทน

“การทำนาสมัยใหม่ เมื่อไม่ทำเองทุกอย่างทุกขั้นตอนย่อมส่งผลต่อต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นเป็นเงาตามตัวไปด้วย แล้วเมื่อหักลบคูณหารทุกอย่างแล้วมีรายได้เหลือถึงมือชาวนาเพียงไม่กี่บาท ซึ่งจะเห็นว่าชาวนาทุกวันนี้ยิ่งทำนายิ่งยากจน หรือยิ่งทำนายิ่งติดหนี้สินพะรุงพะรังชักหน้าไม่ถึงหลัง”

แตกต่างกับทำนาสมัยก่อน แบงก์ เล่าว่า การทำนาในยุคบรรพบุรุษนั้นมีต้นทุนการผลิตที่ต่ำมาก เพราะไม่ต้องใช้น้ำมันใส่เครื่องจักรที่นับวันยิ่งแพงขึ้น เพราะสมัยก่อนใช้ควายไถคราดนา ค่าแรงการทำนาก็ไม่ต้องจ่ายหรือจ่ายน้อยลงเพราะมีการเอาแรงหรือลงแขกเกี่ยวข้าวกัน ทำให้พอเหลือเงินจากการขายข้าวไปใช้หนี้และมีเก็บไว้ใช้ตามอัตภาพ

ประเพณีลงแขกเกี่ยวข้าวหายไปจากสังคมไทยนานนับสิบๆ ปี หรือหายไปพร้อมๆ กับเครื่องจักรกลเข้ามามีบทบาทแทนวัวควาย อย่างไรก็ตามแม้ว่าการเข้ามาของเครื่องจักรกลสามารถพัฒนาวงการเกษตรไทยดีกว่ายุคก่อนๆ แต่ก็มีผลเสียไม่ใช่น้อย เพราะการนำเครื่องจักรกลมาใช้ในภาคอุตสาหกรรมการเกษตร นอกจากต้องสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายซื้อน้ำมันเติมทั้งรถไถนา หรือรถเกี่ยวข้าวแล้ว ยังสร้างความเสียหายที่เกษตรกรคาดไม่ถึง

เช่น รถเกี่ยวข้าวมักทำให้ข้าวเปลือกตกหล่นอยู่ในท้องนาจำนวนมหาศาล ขณะเดียวกันน้ำมันเครื่องหรือน้ำมันหล่อลื่นอื่นๆ ที่ใช้กับเครื่องเกี่ยวข้าวรั่วหรือเกิดตกหล่นอยู่ในท้องนา ก็จะทำให้ดินเสียหายขยายวงกว้าง ซึ่งเกษตรกรเองไม่เคยคำนึงถึงผลเสียดังกล่าว อาชีพทำนาก็ย่อมได้รับผลกระทบด้วยไม่เพียงเฉพาะค่าแรงพุ่งขึ้นเท่านั้น ดังนั้นเกษตรกรจำเป็นต้องปรับตัวขนาดใหญ่เพื่อลดต้นทุนการผลิตแพงค่าแรงพุ่ง

นั่นก็คือการรื้อฟื้นประเพณีลงแขกเกี่ยวข้าว นอกจากจะช่วยให้เกษตรกรประหยัดเงินค่าจ้างคนงานเกี่ยวข้าวแล้ว สิ่งที่ได้ตามมา คือทุกคนในชุมชนทุกหมู่บ้านได้กระตุ้นจิตสำนึกทำให้เกิดความรักความสามัคคีเกิดขึ้นมาด้วย เพราะทุกคนพร้อมลงแรงเกี่ยวข้าว ส่วนเจ้าของนาก็เลี้ยงดูปูสื่อทั้งอาหารหวานคาวและเครื่องดื่มไม่อั้น ซึ่งเมื่อเทียบกันค่าใช้จ่ายในการลงแขกเกี่ยวข้าวแต่ละครั้งถือว่าใช้จ่ายน้อยกว่าจ้างแรงงานเกี่ยวข้าวหรือดำนาตั้งเยอะ

ข่าวล่าสุด

อาลัยวีรชน “เนิน 350” อนุทินลั่นไม่ทิ้งญาติ ย้ำรัฐเยียวยาเต็มที่