posttoday

ถอดหมวกฝ่ายค้าน ภท.รอเสียบรัฐบาลปู

09 พฤศจิกายน 2555

ในที่สุดฝ่ายค้านนำทีมโดยพรรคประชาธิปัตย์ได้เบิกร่องนับถอยหลังสู่สมรภูมิการอภิปรายไม่ไว้วางใจอย่างเป็นทางการแล้ว

โดย...ไพบูลย์ กระจ่างวุฒิชัย

ในที่สุดฝ่ายค้านนำทีมโดยพรรคประชาธิปัตย์ได้เบิกร่องนับถอยหลังสู่สมรภูมิการอภิปรายไม่ไว้วางใจอย่างเป็นทางการแล้ว หลังจากได้ยื่นถอดถอนบุคคลในคณะรัฐมนตรีออกจากตำแหน่ง 3 คน ประกอบด้วย ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม และ พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รมช.มหาดไทย

การยื่นถอดถอนในครั้งนี้ถือเป็นกระบวนการคาบเกี่ยวกับการอภิปรายไว้วางใจ โดยรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่าหากฝ่ายค้านจะอภิปรายรัฐมนตรีในประเด็นทุจริต จะต้องยื่นถอดถอนบุคคลนั้นออกจากตำแหน่งด้วย

เท่ากับว่าบิ๊กเนมการเมืองทั้ง 3 คน ที่ถูกยื่นถอดถอนจะเป็นเป้าสำคัญของศึกซักฟอกครั้งนี้ โดยเฉพาะในส่วน “บิ๊กโอ๋-บิ๊กชัจจ์” ซึ่งฝ่ายค้านยื่นสอบในฐานะเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเป็น รมช.คมนาคม

แต่ที่น่าสนใจกว่าการยื่นถอดถอนดังกล่าว คือการไม่ร่วมสังฆกรรมการอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคภูมิใจไทย (ภท.)

ท่าทีของพรรคภูมิใจไทยถูกจับตามาตลอดตั้งแต่เพื่อไทยเป็นรัฐบาลแล้วว่าจะเป็นฝ่ายค้านแค่ในนาม เพราะด้วยสถานะพรรคที่มีเสียงในสภาผู้แทนราษฎรเป็นอันดับ 3 จำนวน 34 เสียง ย่อมสามารถเข้าร่วมเป็นรัฐบาลในฐานะอะไหล่เสริมได้

ทว่า ติดตรงที่กลุ่มก๊วนในพรรคเพื่อไทยทั้งซีกเสื้อแดง และ สส.อีสาน ต่างเจ็บช้ำน้ำใจกับเนวิน ชิดชอบ พอสมควร จากเหตุการณ์คนเสื้อน้ำเงินและรอยแผลจากการต่อสู้ในสนามเลือกตั้งปี 2554 ส่งผลให้ภูมิใจไทยถูกผลักให้เป็นฝ่ายค้านไปโดยปริยายจนถึงปัจจุบัน

ถอดหมวกฝ่ายค้าน ภท.รอเสียบรัฐบาลปู

อย่างไรก็ดี ภูมิใจไทยได้พยายามพิสูจน์ตัวเองมาตลอดว่าไม่ทำงานเพื่อรอร่วมรัฐบาล โดยให้ความสำคัญกับการทำงานในสถานะร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ เช่น การร่วมประชุมคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้านทุกวันอังคาร รวมถึงการใช้สิทธิตั้งกระทู้ถามสดตรวจสอบรัฐบาล

จนกระทั่งเกิดความเปลี่ยนแปลงในพรรคภูมิใจไทยอย่างมีนัยสำคัญ ผ่านการขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ ของ อนุทิน ชาญวีรกูล หลังพ้นโทษตัดสิทธิการเมือง 5 ปี ในฐานะอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย สอดรับกับ “เนวิน” ประกาศขอเอาดีด้านฟุตบอลแทนการเมือง

ทันทีที่ภูมิใจไทยผลัดใบ พรรคประชาธิปัตย์เริ่มมองด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปนำมาสู่ความไม่ไว้วางใจกันเกิดขึ้น โดยมีต้นเหตุจากความสัมพันธ์ระหว่าง “อนุทิน-ทักษิณ” ซึ่งเสี่ยหนูเองออกมายอมรับว่า ช่วงที่ผ่านมาเคยไปพบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีจริงและก็หลายครั้ง

“1 ปีที่ผ่านมาของรัฐบาล ยังไม่มีประเด็นทุจริตใดที่มีหลักฐานชัดเจน เช่น โครงการรับจำนำข้าว เพราะชาวนาส่วนใหญ่ก็ได้ประโยชน์ ขณะที่งบประมาณ 3 แสนล้านในโครงการบริหารจัดการน้ำ แม้จะมีตัวเลขงบประมาณออกมา แต่ขณะนี้ยังไม่มีโครงการใดๆ ออกมาโดยใช้เงินก้อนนี้”

ท่าทีของอนุทินนี่เองนำมาสู่ความไม่ไว้วางใจจากพรรคประชาธิปัตย์ที่ก่อตัวขึ้น ตามมาด้วยความเหินห่าง เริ่มจากการความถี่ในการร่วมประชุมวิปฝ่ายค้านลดลง แม้จะส่งคนมาหารือกับพรรคประชาธิปัตย์แต่เป็นบุคคลที่ไม่สามารถตัดสินใจอะไรในนามพรรคได้เหมือนกับที่ ศุภชัย ใจสมุทร รองเลขาธิการพรรคเข้าร่วมก่อนหน้านี้

ที่สุดแล้วฟางเส้นสุดท้ายก็มาถึงจากการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะนี่เป็นเกมวัดใจ ใครฝ่ายค้านแท้ ฝ่ายค้านเทียม

เดิมทีใช่ว่าพรรคภูมิใจไทยจะไม่สนใจกับการซักฟอกครั้งนี้เสียทีเดียว เพราะที่ผ่านมาได้เข้าร่วมประชุมกับประชาธิปัตย์หลายครั้ง แต่ในช่วงโค้งสุดท้ายการยื่นอภิปรายพรรคภูมิใจไทยต้องการทราบถึงเนื้อหาในญัตติที่เตรียมยื่นในวันที่ 9 พ.ย. เพื่อประกอบการตัดสินใจให้ 27 สส.กลุ่มเนวินในพรรคลงชื่อ

ปรากฏว่าได้รับการปฏิเสธจาก จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานวิปฝ่ายค้าน

พรรคประชาธิปัตย์ขึ้นชื่อว่าจอมเขี้ยว เก็บความลับเก่ง คนในพรรคประชาธิปัตย์เองก็ยังไม่รู้ว่าพรรคจะอภิปรายประเด็นอะไร มีเพียงอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค และบิ๊กๆ ของพรรคอีกไม่เกิน 2 คน ที่ดำเนินการเรื่องนี้เพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลรั่วไหล

ด้วยเหตุผลเหล่านี้เองทำให้พรรคภูมิใจไทยใช้อ้างว่าประชาธิปัตย์ไม่ให้เกียรติ เหมือนต้องการให้ภูมิใจไทยลงชื่อในญัตติเปล่าๆ ที่ไม่มีเนื้อหาไปก่อน ไม่ต่างอะไรกับการเซ็นเช็คเปล่า จึงเลือกถอนตัวเพื่อสั่งสอนประชาธิปัตย์

การถอนตัวไม่ร่วมอภิปรายไม่ไว้วางใจเพราะไม่พอใจพรรคประชาธิปัตย์ เป็นแค่ข้ออ้างพื้นๆ แท้จริงแล้วต้องการส่งสัญญาณร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยที่ประเมินแล้วว่า รัฐบาลปูอยู่ยาว 2 สมัย

เริ่มจากการพบกันระหว่าง “สมศักดิ์ เทพสุทิน” แกนนำกลุ่มมัชฌิมาในภูมิใจไทย กับ “เยาวภา วงศ์สวัสดิ์” แกนนำเพื่อไทยเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา

ภาพที่เกิดขึ้นแม้จะไม่เกี่ยวกับ “เสี่ยหนู” โดยตรง เนื่องจากภูมิใจไทยบอยคอตมัชฌิมามานานแล้ว แต่เมื่อเนวินประกาศหันหลังให้การเมือง อย่างน้อยภูมิใจไทยก็มีเงื่อนไขในระดับหนึ่งเพื่อร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย ซึ่งในเพื่อไทยเองไม่มีใครแสดงท่าทีคัดค้านแม้แต่คนเสื้อแดง

“รู้สึกยินดีและไม่ขัดข้องที่จะทำงานร่วมกัน เพราะกลุ่มมัชฌิมาเป็นกลุ่มที่ทำงานแบบทางสายกลาง ไม่เคยมีปัญหากับคนเสื้อแดง รวมทั้งกลุ่มของนายอนุทิน ชาญวีรกุล ก็เช่นกัน” คำให้สัมภาษณ์ของ ก่อแก้ว พิกุลทอง แกนนำเสื้อแดง

ถึงอย่างไรเสีย การถอนตัวของพรรคภูมิใจไทยจะถอนตัวไม่ได้กระเทือนการซักฟอกในภาพรวม แต่จากนี้ไปไม่ต้องแปลกใจอีกถ้าในอนาคตจะได้เห็น “สมศักดิ์-อนุทิน” หรือคนของพรรคไปร่วม “คณะรัฐมนตรียิ่งลักษณ์” ในอนาคตเพราะได้สลัดหมวกฝ่ายค้านทิ้งจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้เป็นที่เรียบร้อย

 

ข่าวล่าสุด

ประชาธิปัตย์เปิด100ชื่อผู้ผ่านด่านสส.บัญชีรายชื่อ เลือกตั้ง69