สภาโจ๊กค้าความ สส.หวิดฟาดปากข้างถนน
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 24 มี.ค. เป็นไปอย่างทุลักทุเล โดยเฉพาะก่อนการประชุม สส.เพื่อไทย (พท.) นำโดยนายวิทยา บุรณศิริ สส.อยุธยา ประธานวิปฝ่ายค้าน ได้ปิดถนนทางเข้าด้านถนนราชวิถีเพื่อประท้วงที่ทหารตั้งรั้วลวดหนามห้ามนำรถเข้าไปในสภา และได้เรียกร้องให้ทหารถอนกำลังออกจากพื้นที่เพื่อให้ สส.เข้าประชุม แต่ทหารไม่ยอมจึงได้เกิดการโต้เถียงกันขึ้น
ระหว่างนั้น นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาเดินทางมาถึงแต่ไม่สามารถเข้าไปประชุมได้ ขณะเดียวกัน สส.เพื่อไทย ได้กรูเข้าไปเคาะกระจกเพื่อขอให้มาเจรจากับทหารถอนกำลังดังกล่าว แต่นายชัยได้กล่าวว่า ทำถูกต้องแล้ว มีปัญหาก็ค่อยไปแก้กันในสภา ทำให้ สส.เพื่อไทย ไม่พอใจโห่ไล่จนนายชัยต้องจอดรถเข้าประตูด้านอื่นแทน
อย่างไรก็ตาม ต่อมามี สส.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) จำนวนหนึ่ง นำโดยนายอาคม เอ่งฉ้วน สส.กระบี่ นางเจิมมาศ จึงเลิศศิริ นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ได้เดินทางเจรจาขอให้ สส.เพื่อไทย เข้าร่วมประชุม จนเกิดการโต้เถียงกัน โดย สส.เพื่อไทย พากันตะโกนว่า รัฐบาลภายใต้เงาอำมาตย์ จนทำให้นายบุญยอดตะโกนด่ากลับไปว่า ถ้าเป็น สส.แล้วไม่มาร่วมประชุมสภาก็ลาออกไปเสีย ทำให้นายสุนัย จุลพงศธร สส.เพื่อไทย ปรี่เข้าไปชี้หน้าด่านายบุญยอดว่า
“อีตุ๊ด” ทำให้นายบุญยอดต้องถอยร่นออกมา และมี สส.บางส่วนมากันไว้ ขณะที่นายสุนัยพยายามวิ่งเข้าไปหานายบุญยอด จนทำให้เหตุการณ์ชุลมุนในระหว่างการชุลมุนอยู่นั้น หน่วยปฏิบัติการจิตวิทยาของทหารที่มาจอดรออยู่แล้วได้ใช้เครื่องขยายเสียงวอนให้ทั้งสองฝ่ายหยุดการทะเลาะกัน เพราะทั้งสองฝ่ายต่างเป็นผู้แทนปวงชนเหมือนกัน ควรจะหันหน้าเข้าหากันแก้ไขปัญหาพูดจาด้วยเหตุผล อย่าใช้อารมณ์ ทหารไม่ได้มาปิดกั้นเพียงแต่มารักษาความปลอดภัยเท่านั้น
ขณะที่ สส.เพื่อไทย โห่ด้วยความไม่พอใจและกล่าวหาว่าเป็นพวกรับใช้รัฐบาล ถึงขนาดได้ไปหยิบโทรโข่งปรี่เข้าไปหารถกระจายเสียงของหน่วยปฏิบัติการจิตวิทยา แต่ถูกทหารสกัดกั้นไว้ นายสุนัยจึงได้พูดโทรโข่งตอบโต้ว่า ให้ถอนทหารออกไป คำสั่งของนายอภิสิทธิ์ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย บรรยากาศวันนี้เหมือนกับเป็นการยึดอำนาจปฏิวัติ
อย่างไรก็ตาม ไม่มีเหตุการณ์อะไรรุนแรง จนกระทั่งที่ประชุมสภาสามารถเปิดการประชุมได้ เนื่องจากมี สส.มาลงชื่อเข้าประชุม 245 คน โดยมี สส.เพื่อไทย 3 คน คือ นายสามารถ แก้วมีชัย สส.เชียงราย รองประธานสภา นายประยุทธ์ ศิริพาณิชย์ สส.มหาสารคาม และนายนที สุทินเผือก หรือ
“กรุง ศรีวิไล” สส.สมุทรปราการ ทำให้ สส.เพื่อไทย สลายตัวจากบริเวณดังกล่าวไป และประกาศจะไม่เข้าร่วมประชุมสภาหากทหารไม่ถอนกำลังออกไปนายนที กล่าวว่า มาประชุมตามหน้าที่ และไม่ได้รับแจ้งจากพรรค และที่มาก็ไม่ได้มีปัญหากับพรรคเพราะเป็นสิทธิ และคิดว่า สส.ทุกคนไม่ว่าพรรคใดต้องเข้ามาทำหน้าที่ที่สภา ถ้าไม่มาทำหน้าที่ก็ลาออกไป อย่ากินเงินเดือนประชาชน
สำหรับบรรยากาศในการประชุมก่อนเข้าสู่วาระ สส.ประชาธิปัตย์ ได้ขอหารือ โดยได้ตำหนิการกระทำของ สส.พรรคเพื่อไทย ที่ไม่เข้าร่วมประชุมและยังไปชุมนุมประท้วงอยู่ฝั่งทางเข้าถนนราชวิถี ว่าเป็นการกระทำการปกป้องเพื่อคนเพียงคนเดียว เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง และยังทำผิดกฎหมายด้วยการปิดล้อมถนนราชวิถีเพื่อไม่ให้เพื่อน สส.เข้ามาประชุมตามหน้าที่ ถือว่าคนเหล่านี้ขัดขวางการทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ
ทั้งนี้ การประชุมใช้เวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมง โดยผ่านร่าง พ.ร.บ. 3 ฉบับ เช่น พ.ร.บ.สภาเกษตรกรแห่งชาติ และร่าง พ.ร.บ.จัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม และร่าง พ.ร.บ.เวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างทางพิเศษสายรามอินทราวงแหวนรอบนอก กรุงเทพมหานคร และปิดประชุมเมื่อเวลา 11.50 น.
อย่างไรก็ตาม หลังการประชุม สส.พรรคประชาธิปัตย์ และเพื่อไทย ต่างประกาศจะฟ้องร้องและถอดถอนซึ่งกันและกัน โดย สส.ประชาธิปัตย์ และภูมิใจไทย จะแจ้งความและถอดถอน สส.เพื่อไทย ในข้อหาขัดขวางการทำหน้าที่ในสภา ขณะที่ สส.เพื่อไทย จะแจ้งความจับนายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และนายชัย ในข้อหาเนื่องจากใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.ความมั่นคง ใช้ทหารและตำรวจเป็นเครื่องมือกระทำการละเมิดสิทธิเสรีภาพ สส. และจะไปยื่นหนังสือร้องต่อองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น)


