เกียรติตำรวจไทยกับไอ้ปื๊ด
เกียรติตำรวจของไทย เกียรติ วินัยกล้าหาญมั่นคง จะดำรงพิทักษ์ สันติราษฎร์นั้นถึงตัวจะตายก็ช่างมัน มิเคยคำนึงถึงชีวัน เข้าประจันเหล่าร้ายเพื่อประชา
โดย...สมผล ตระกูลรุ่ง
“เกียรติตำรวจของไทย เกียรติ วินัยกล้าหาญมั่นคง จะดำรงพิทักษ์ สันติราษฎร์นั้นถึงตัวจะตายก็ช่างมัน มิเคยคำนึงถึงชีวัน เข้าประจันเหล่าร้ายเพื่อประชา ไม่ยอมเป็นมิตร ผู้ผิดกฎหมาย ปราบโจรผู้ร้าย กล้าตายเรื่อยมา...”
ตำรวจไทยคงร้องเพลงนี้กันได้ทุกคน รวมทั้งคนที่เคยเป็นด้วย เพราะเพลงนี้คือ เพลงมาร์ชพิทักษ์สันติราษฎร์ หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า เพลงเกียรติตำรวจของไทย
ตำรวจไทยในวันนี้มีความกล้าหาญมั่นคง ตั้งแต่ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลไล่ลงมาถึงผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งมวล ตำรวจไทยวันนี้กล้าทำในสิ่งที่ไม่คิดว่าชีวิตนี้จะได้เห็น
ตำรวจนครบาล ผู้ใต้บังคับบัญชาของผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายตำรวจผู้กล้าแห่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และขวัญใจนายใหญ่แห่งดูไบ ได้รวมตัวกันที่หน้าพรรคการเมืองฝ่ายค้าน โดยอ้างว่ามาให้กำลังใจนาย
เป็นการรวมตัวกันในเวลาราชการ ด้วยเหตุผลเพียงต้องการให้กำลังใจนาย คือ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เหตุผลที่อ้างรับฟังได้หรือไม่ ท่านผู้บัญชาการตำรวจนครบาลคงทราบดี ทราบดีเท่ากับประชาชนทั่วไป
การกระทำของตำรวจเหล่านี้ เป็นการใช้สิทธิชุมนุมตามรัฐธรรมนูญหรือเปล่า ถ้าใช่ แม้ยังไม่ต้องพิจารณาประเด็นการพกอาวุธปืนเข้าร่วมชุมนุมเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญหรือไม่ แต่การหนีงานมาชุมนุมก็น่าจะเป็นการกระทำที่ผิดวินัยของข้าราชการแล้ว
ตำรวจไทยคงเห็นชาวบ้านการเมืองเขาแบ่งกลุ่มเป็นสีเหลือง แดง น้ำเงิน เล่นกีฬาสีกันแล้ว อยากจะเล่นกับเขาบ้าง จึงรวมกลุ่มเป็นสีกากีลงไปเล่นกีฬาสีกับชาวบ้าน ด้วยความกล้าหาญมั่นคง แต่ลืมไปว่าสีกากีเป็นสีของกรรมการ เมื่อใดก็ตามท่านใส่สีกากี ท่านกำลังทำหน้าที่กรรมการ แม้ท่านจะใส่สีอื่นไว้ข้างใน ท่านก็ต้องทำหน้าที่กรรมการที่ผ่านมาแม้การทำหน้าที่กรรมการของท่านจะเอนเอียงกระเท่เร่ แต่ก็ยังทำหน้าที่ของกรรมการอยู่
เมื่อตำรวจไทยยุคนี้ลงมาเล่นกีฬาสีเสียเอง หากมีมือที่มองไม่เห็น มือที่สาม มือที่สี่ มาจุดชนวนให้สีกากีปะทะกับชาวบ้าน แล้วใครจะทำหน้าที่กรรมการ
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ในฐานะผู้บังคับบัญชาจะตอบเรื่องนี้อย่างไร หรือภายใต้พระอาทิตย์ดวงนี้ตำรวจไทยทำได้ทุกอย่างที่ต้องการ
ความกล้าหาญของตำรวจไทยวันนี้ เป็นความกล้าหาญที่ขัดกับปณิธานของตำรวจที่แสดงออกโดยผ่านเพลงมาร์ชของตำรวจเอง
“ไม่ยอมเป็นมิตร ผู้ผิดกฎหมาย” ตำรวจระดับพลตำรวจโทของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ไม่เพียงเป็นมิตรกับผู้ทำผิดกฎหมาย แต่ยังให้ความเคารพนับถือผู้ทำผิดกฎหมายอย่างไม่อายใคร
หรือท่านอาจเห็นว่าไม่เป็นไร เพราะระดับพลตำรวจเอกที่ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เบอร์ 1 ของตำรวจ ยังไปอวยพรวันเกิดให้นักโทษ “ผู้ผิดกฎหมาย” ได้ ทำไมท่านจะทำไม่ได้ และทำให้หนักแน่นกว่าด้วย
เห็นความกล้าหาญมั่นคงของตำรวจในยุคนี้แล้ว ทำให้คิดถึงคดีดาบยิ้ม ด.ต.สุวิชัย รอดวิมุต โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 29 ต.ค. 2544 ดาบยิ้มถูกยิงเสียชีวิตภายในคลับทเวนตี้ ผับ โรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค ถนนรัชดาภิเษก หลังเกิดเหตุตำรวจกองปราบปรามสอบปากคำพยานในคืนเกิดเหตุได้ความว่า ลูกชายคนเล็กของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นคนลั่นไกยิงด้วยอาวุธปืน 6.35 มม.
คดีนี้ ร.ต.อ.เฉลิม ก็ออกหน้าปกป้องลูกชายทั้งยืนยันนั่งยันและนอนยันทุกวัน ว่า “ดวงเฉลิม” ไม่ได้หนีไปไหน แค่หลบไปตั้งตัวเพราะกลัวจะไม่ปลอดภัย ส่วนคนที่ยิงดาบยิ้มตาย คือ “ไอ้ปื๊ด” คนสนิทผู้ติดตามลูกชาย
คดีนี้ ลูกชาย ร.ต.อ.เฉลิม เข้ามอบตัวที่สถานทูตไทยในมาเลเซีย เมื่อเช้าวันที่ 2 พ.ค. 2545 ก่อนถูกส่งตัวกลับมาดำเนินคดี ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ตั้งข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา แต่ไม่มีการตั้งข้อหาร่วมกันฆ่าเจ้าพนักงาน
คดีดำเนินไปถึงศาล ในที่สุดศาลชั้นต้นยกฟ้อง แต่พนักงานอัยการไม่อุทธรณ์
ประเด็นที่ยังค้างคาใจของประชาชน คือ ทำไมตำรวจไม่ตั้งข้อหาฆ่าเจ้าพนักงาน และทำไมอัยการจึงไม่อุทธรณ์
คดีนี้จะยุติโดยยังไม่สามารถหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษได้
หากจะเทียบคดีดาบยิ้มกับดาบวิเชียร กลั่นประเสริฐ แล้ว ทั้งสองคดีจะมีความเหมือนกันอย่างหนึ่ง คือ “ตำรวจตายทั้งคน” แต่มีความแตกต่างในสาระสำคัญอย่างมาก คือ ความร้ายแรงของคดี คดีจ่ายิ้มเป็นคดีเจตนาฆ่า เป็นความผิดตามมาตรา 288 ประกอบมาตรา 289 มีโทษสถานเดียว คือ ประหารชีวิต ส่วนคดีดาบวิเชียรเป็นคดีประมาทเป็นเหตุให้คนตาย เป็นความผิดตามมาตรา 291 ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี
ถ้าใช้มาตรฐานของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ที่ “ตำรวจตายทั้งคน” คดีดาบยิ้ม ตำรวจยิ่งต้องเอาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ได้ วันนี้คดีดาบยิ้มก็ยังไม่ขาดอายุความ ท่านคำรณวิทย์จะไม่ลองตามล่าหาตัวไอ้ปื๊ดตามที่ ร.ต.อ.เฉลิม ท่านบอกไว้หรือครับ ว่าเป็นคนที่ลงมือฆ่าดาบยิ้ม
แม้คดีนี้ตำรวจจะดำเนินคดีจนฟ้องศาลแล้ว แต่ข้อหาก็ดูจะเบาไป และแม้คดีจะถึงที่สุดโดยศาลจะพิพากษายกฟ้องและพนักงานอัยการไม่อุทธรณ์ก็ตาม เมื่อคดียังไม่ขาดอายุความ ท่านคำรณวิทย์จะไม่ลองดำเนินคดีตามแนวทางของดอกเตอร์เฉลิมบ้างหรือ คำพูดของคนระดับรองนายกรัฐมนตรี ไม่มีน้ำหนักให้เชื่อถือบ้างหรือ ท่านน่าจะรื้อคดีขึ้นใหม่ แล้วลองสืบสวนสอบสวนไอ้ปื๊ด ตามแนวทางของท่านรองนายกฯ ดู เผื่อว่าจะคืนความเป็นธรรมให้ดาบยิ้มได้
ความกล้าหาญของตำรวจไทยในยุคนี้ ให้ความสำคัญเฉพาะกับดาบวิเชียร แต่ไม่สนใจดาบวิชัย


