ศาลยกฟ้องกัปตันบินไทยฟ้องดีดี
ศาลยกฟ้องอดีตกัปตันบินไทยฟ้องอดีตกก.ผู้อำนวยการใหญ่ไม่รับอุทธรณ์คดีสอบจัดหาสถานที่เช่าโรงแรมที่พักลูกเรือ
ศาลยกฟ้องอดีตกัปตันบินไทยฟ้องอดีตกก.ผู้อำนวยการใหญ่ไม่รับอุทธรณ์คดีสอบจัดหาสถานที่เช่าโรงแรมที่พักลูกเรือ
ศาลอาญา นัดอ่านคำสั่งหรือคำพิพากษาชั้นไต่สวนมูลฟ้อง คดีหมายเลขดำ อ.2894/2553 เรืออากาศโท อภิชัย แสงศศิ อดีตนักบินที่ 1 (กัปตัน) และอดีตผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการบิน ของบริษัท การบินไทย จำกัด ( มหาชน) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง เรืออากาศโท นรหัช พลอยใหญ่ อดีตรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (DD) และ นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ อดีตกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.การบินไทย เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐาน กระทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การของรัฐฯ พ.ศ.2502 มาตรา 11
โดยคดีนี้โจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 15 ก.ย.53 ระบุว่า ระหว่างวันที่ 6-18 ต.ค.52 จำเลยที่ 1 ขณะเกิดเหตุดำรงตำแหน่งเป็นรักษาการ กก.ผอ.ใหญ่ การบินไทย ได้ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์โดยเจตนาทุจริต โดยไม่ดำเนินการพิจารณาอุทธรณ์ของโจทก์กรณีที่ถูกแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเมื่อวันที่ 19 ก.พ.52 ที่มีผู้ร้องเรียนเรื่องการจัดหาการเช่าโรงแรมที่พักให้ลูกเรือในต่างประเทศ อันเป็นการกลั่นแกล้งให้โจทก์ถูกลงโทษและเสียอนาคตในอาชีพการงานของโจทก์ซึ่งเป็นนักบิน และระหว่างวันที่ 19 ต.ค.52 -12 พ.ค.53 จำเลยที่ 2 ซึ่งดำรงตำแหน่ง กก.ผอ.ใหญ่ การบินไทย ได้ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์โดยไม่ปฏิบัติการต่อจากจำเลยที่ 1 ที่ทำค้างไว้ให้แล้วเสร็จ ซึ่งรวมถึงการพิจารณาอุทธรณ์ของโจทก์ด้วย ซึ่งจะต้องปฏิบัติให้แล้วเสร็จภายใน 45 วันทำให้โจทก์ถูกบริษัทการบินไทยตัดเงินเดือน 25 % เป็นเวลา 6 เดือน
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานในชั้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า กรณีที่มีเหตุต้องเลื่อนพิจารณาอุทธรณ์ของโจทก์ออกไปเพราะมีการเปลี่ยนตัวกรรมการ การที่จำเลยที่ 1 เป็นผู้ทำคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์การลงโทษวินัยเป็นกรณีพิเศษเสนอจำเลยที่ 2 เป็นกรรมการสอบสวนทางวินัยโจทก์มาก่อนนั้นยังไม่เพียงพอให้รับฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 จงใจเสนอชื่อซ้ำซ้อน และจำเลยที่ 1รักษาการดีดีเพียง 12 วันเท่านั้น ขณะที่การพิจารณาอุทธรณ์นั้นยังมีของบุคคลอื่นอีก 2 รายไม่ใช่ของโจทก์เพียงรายเดียว ซึ่งโจทก์ก็รับว่าการพิจารณาอุทธรณ์ของโจทก์ถือว่าเป็นเรื่องยุ่งยากซับซ้อน จึงยังรับฟังไม่ได้ว่าระหว่างวันที่ 19 ต.ค.52 - 12 พ.ค.53 จำเลยที่ 2 ไม่อาจดำเนินการวินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์ให้เร็วภายในกำหนดที่เหมาะที่ควร เมื่อยังไม่มีมูลเพียงพอว่าจะมีเจตนาพิเศษกลั่นแกล้งโจทก์ จึงพิพากษาให้ยกฟ้อง


