posttoday

ไตรภูมิพระร่วงแผนผังวิถีชีวิตและวัฒนธรรมไทย

01 กรกฎาคม 2555

โดย...สมาน สุดโต

โดย...สมาน สุดโต

ไตรภูมิพระร่วง เป็นวรรณกรรมปรัชญาแห่งศาสนาพุทธ ซึ่งพญาลิไท กษัตริย์องค์ที่ 5 แห่งกรุงสุโขทัย ทรงแต่งเมื่อ พ.ศ. 1888 ได้รับการยกย่องจากคณะกรรมการวรรณคดีแห่งชาติ ให้เป็นยอดวรรณคดีสมัยสุโขทัย เมื่อ พ.ศ. 2554

ไตรภูมิพระร่วง เกิดขึ้นจากการศึกษาค้นคว้าอย่างละเอียดลึกซึ้ง ผู้นิพนธ์ทรงอ้างคัมภีร์ต่างๆ ไม่ต่ำกว่า 30 คัมภีร์ ถือว่าเป็นวิทยานิพนธ์ชิ้นแรกของไทย เป็นความเรียงด้วยถ้อยคำภาษาที่สละสลวยประณีต พรรณนาเรื่องจนเห็นภาพพจน์ ทั้งๆ ที่เนื้อความกล่าวเป็นนามธรรม กล่าวถึงจักรวาลวิทยา ปรัชญา จริยศาสตร์ ชีววิทยา ความเชื่อทางพุทธศาสนา ซึ่งเป็นวิถีชีวิตของคนไทยในยุคนั้น สืบทอดต่อมาจนถึงปัจจุบัน

เพื่อให้วรรณกรรมชั้นยอดของสุโขทัยแพร่หลายยิ่งขึ้น สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร จึงจัดสัมมนาทางวิชาการเรื่อง “คติไตรภูมิ : อิทธิพลต่อวิถีสังคมไทย” ระหว่างวันที่ 2829 มิ.ย. 2555 ณ โรงแรม เอส.ดี.อเวนิว กรุงเทพฯ โดยมี สุกุมล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม เป็นประธานในพิธีเปิด ส่วนวิทยากรผู้มีชื่อเสียงที่รับเชิญอภิปรายและสาธยาย

เช่น คุณหญิงกุลทรัพย์ เกษแม่นกิจ อดีตอธิบดีกรมศิลปากร บรรยายพิเศษเรื่องวรรณคดีไตรภูมิพระร่วง

ม.ร.ว.จักรรถ จิตรพงศ์ อดีตปลัดกระทรวงวัฒนธรรม และแม่ชีวิมุตติยา (สุภาพรรณ ณ บางช้าง) อภิปรายเรื่องคติไตรภูมิและวรรณกรรมโลกศาสตร์

เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ และชลดา เรืองรักษ์ลิขิต อภิปรายเรื่อง “วรรณคดีไตรภูมิกถา : ที่มาและคุณค่า”

ศาสตราจารย์พิเศษประคอง นิมมานเหมินท์ และศาสตราจารย์ชวน เพชรแก้ว อภิปรายเรื่อง “วรรณกรรมไตรภูมิในสังคมไทย”

สุกัญญา สุจฉายา และกัญญรัตน์ เวชศาสตร์ อภิปรายเรื่อง “วรรณคดีในไตรภูมิในสังคมไทย”

จุลทัศน์ พยาฆรานนท์ ธัญญา สังขพันธานนท์ สมประสงค์ ชาวนาไร่ อภิปรายเรื่อง “อิทธิพลไตรภูมิต่อการสร้างสรรค์งานเชิงทัศนศิลป์”

ศ.รื่นฤทัย สัจจพันธุ์ ปี๊บ คงลายทอง ปกรณ์ พรพิสุทธิ์ บุญเตือน ศรีวรพจน์ อภิปรายประกอบการสาธิตเรื่อง “อิทธิพลไตรภูมิต่อการสร้างสรรค์งานวรรณคดี ดนตรี และนาฏศิลป์”

มีผู้เข้าร่วมสัมมนาประมาณ 200 ท่าน

ในการกล่าวเปิดเวทีอภิปราย คุณหญิงกุลทรัพย์ ในฐานะกรรมการวัฒนธรรมและสนเทศแห่งอาเซียน เรียกร้องให้คนที่ไม่ได้อ่านไตรภูมิพระร่วงให้มาอ่าน เพราะเป็นวรรณคดีที่ดีที่สำคัญของไทย แม้กระทั่งอาเซียนก็ยกย่องให้ไตรภูมิพระร่วงเป็นวรรณคดีแห่งอาเซียน ตามการเสนอของคณะกรรมการฝ่ายไทยที่มีคุณหญิงกุลทรัพย์ เป็นกรรมการ เมื่อ พ.ศ. 2524 แต่กว่าจะดำเนินงานเรียบร้อย รวมทั้งแปลเป็นภาษาอังกฤษ ต้องใช้เวลาถึง 20 ปี

จากการอ่านไตรภูมิพระร่วง คุณหญิงกุลทรัพย์ กล่าวว่า คนไทยเราควรภูมิใจที่บรรพชนของเราฉลาดล้ำเลิศด้านวรรณกรรม สังคมศาสตร์ ศาสนา ที่รังสรรค์งานอมตะออกมา แต่น่าเสียดายที่เยาวชนรุ่นหลังไม่สนใจอดีตที่เจริญรุ่งเรืองด้วยศิลปวัฒนธรรมที่ยอดเยี่ยมกว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเดียวกันมานานกว่า 700 ปี

ต้นฉบับไตรภูมิพระร่วง เรียกว่า ไตรภูมิกถา แต่สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงเปลี่ยนชื่อเป็นไตรภูมิพระร่วง เมื่อตีพิมพ์เป็นครั้งแรกโดยหอพระสมุดวชิรญาณ เมื่อ พ.ศ. 2455 (ครบ 100 ปีในปีนี้) เป็นต้นฉบับใบลานที่พระมหาช่วย วัดปากน้ำ (แต่เดิมชื่อวัดกลาง) สมัยกรุงธนบุรี เป็นผู้ค้นพบ

ไตรภูมิเป็นวรรณกรรมที่สอนให้เราเข้าใจหลักศาสนาชัดเจน สอนให้รู้รากฐานของชีวิต เกิด แก่ เจ็บ ตาย รวมทั้งหลักการทำดี ละชั่ว ที่เป็นปรัชญาการดำรงชีวิต เพราะผู้ทรงนิพนธ์มีความรู้แตกฉานด้านภาษา ทั้งไทย เขมร และมคธ จึงสามารถสร้างงานอมตะนี้ออกมาได้

ไตรภูมิพระร่วงแผนผังวิถีชีวิตและวัฒนธรรมไทย

 

คุณหญิงซึ่งเป็นนักภาษาศาสตร์ชั้นนำของไทย ยกย่องว่าภาษาในไตรภูมิไพเราะ โดยใช้อักษรไทยเป็นตัวถ่ายทอดจากภาษาต่างๆ ที่ไทยรับมาใช้ ทั้งภาษาเขมร และภาษามคธ และเป็นวรรณกรรมชิ้นแรกของไทยที่จัดทำบรรณานุกรมเพื่ออ้างอิงไว้ชัดเจนมากถึง 32 ชื่อ รวมทั้งจารึกนามครูอาจารย์ไว้เรียบร้อย

อิทธิพลของวรรณกรรมชิ้นนี้มีต่อชีวิตคนไทยตลอดมา จะเห็นว่างานศิลปะ สถาปัตย์ และจิตรกรรมที่สร้างสรรค์โดยคนไทยได้รับแรงบันดาลใจจากไตรภูมิทั้งสิ้น

สุดท้ายท่านฝากถึงเยาวชนว่าให้มีความภูมิใจในบรรพบุรุษ ที่มีความฉลาดสามารถนิพนธ์ผลงานอมตะมาแต่โบราณกาล เป็นแบบแผนชีวิตของคนทุกระดับตั้งแต่ธรรมดาสามัญถึงชนชั้นผู้ปกครอง

ม.ร.ว.จักรรถ นำผลงานการศึกษาวิเคราะห์ไตรภูมิมาเล่าให้ฟังในฐานะสถาปนิก ว่า ท่านเห็นงานสมเด็จปู่ (สมเด็จกรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์) เช่น ช้างเอราวัณ ภาพราชรถในพัดรองงานออกพระเมรุ ทำให้อยากรู้ที่มา โอกาสเรียนรู้มีตลอดสำหรับคนอยากรู้

ท่านเล่าเรื่องการสมัครเป็นลูกมือนักวิชาการ เช่น อาจารย์โชติ กัลยาณมิตร ไปที่ไหนก็ให้นับปล้องไฉนเจดีย์ว่ามีกี่ปล้อง ซึ่งก็นับให้โดยไม่รู้เหตุผลว่าจะนับไปทำไม ในที่สุดมาพบงานวิจัยในสถาปนิกสยาม จึงรู้ว่าจำนวนปล้องไฉนนั้นคือจำนวนชั้นฟ้านั่นเอง ตอนนี้เข้าใจแล้วว่าคติไตรภูมิถูกถ่ายทอดมาในงานศิลปกรรมของไทย

ต่อมาเห็นภาพในสมุดไตรภูมิ เป็นภาพบรรยายโลกสัณฐาน พอเห็นรูปนี้ ในฐานะผู้จบสถาปัตย์ ท่านตกใจสุดขีดถึงกับร้อง เอ้ย คนโบราณสมัยอยุธยาเขียนแปลนเป็นด้วยหรือ แปลนนั้นเป็นทักษะหลักของสถาปนิก เราต้องเขียนแปลนภาพที่มองตรงๆ จากข้างบน คนไทยเขียนเป็นมาตั้งแต่สมัยอยุธยา ผมทึ่งมากว่าคนไทยมีภูมิปัญญาล้ำลึกทัดเทียมฝรั่งอย่างนี้เชียวหรือ

เมื่อดูรูปตั้งที่เป็นรูปวิมานในไตรภูมิ ก็พบว่ารูปตั้งก็เขียนเก่ง รูปตัดก็เขียนเป็น ดูเขาสัตบริภัณฑ์เขาหั่นครึ่งมองไปด้านหนึ่งมี 7 เทือก อีกข้างหนึ่งก็มี 7 เทือก เป็นการนำเสนอรูปพรรณสัณฐานวัตถุ 3 มิติ เราดั้นด้นไปเรียนถึงอังกฤษเพื่อให้ได้รูปนี้ แต่มันอยู่ในภูมิปัญญาโบราณของไทยอยู่แล้ว

ท่านเล่าความประทับใจในการดูสมุดภาพโบราณ ผมนั่งดูเห็นว่าเป็น Invention ได้เกิดขึ้นแล้ว เพราะว่าคนโบราณเขาตัดสินกันอย่างไรว่าเทวดาหน้าตาเหมือนมนุษย์ ผมเป็นนักเรียนนอก เห็นของกรีกของโรมันเขียนก็โอเคว่ามี Invention เหมือนกัน

เทวดาไทยมีหน้าตาเหมือนมนุษย์ที่งดงาม ไทยก็ใช้คติเดียวกัน ตัดสินโดยใครก็ไม่รู้ ผมเชื่อว่าเป็นคนเดียวในอดีตของไทยบอกว่า ถ้าจะเขียนเทวดาให้มีจมูก ปาก หน้าตาเหมือนมนุษย์ แต่เพื่อให้เห็นและเข้าใจว่าเป็นเทวดาให้ใส่หมวกยอดแหลม หรือชฎา

เป็นสัญลักษณ์ที่เขาฝากไว้ว่านี่คือรูปเทวดา ตรงจุดนี้มาถึงบางอ้อว่าทุกสิ่งทุกอย่างไม่ได้เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ เป็นสิ่งที่มนุษย์ประดิษฐ์ขึ้นมา

สิ่งที่มนุษย์ประดิษฐ์ขึ้นมาตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันเรือรบ เช่นเดียวกับภาษาต้องมีคนแรกเอ่ยขึ้นก่อนและเป็นประดิษฐกรรมใหม่เมื่อมีการยอมรับ แล้วคนไทยทำอะไรขึ้นมาบ้าง นอกจากเรื่องแปลนที่ว่าไปแล้ว จึงให้ลูกชายที่กำลังศึกษาระดับอุดมศึกษาว่าอ่านไตรภูมิแล้วพบอะไรให้เขียนมาดู เขาก็เขียนแปลนให้ดู โดยจำลองเขาพระสุเมรุ เขาสัตบริภัณฑ์ล้อมรอบ นอกสัตบริภัณฑ์คือมหาสมุทรอันยิ่งใหญ่ ซึ่งมีทวีปทั้ง 4 ตั้งอยู่ เห็นขอบจักรวาลรอบนอก พอเห็นรูปนี้ท่านร้องอ๋อว่า วัดอรุณนั้น (สร้างสมัยรัชกาลที่ 2) เราเข้าใจทันทีว่าสถาปัตยกรรมและปรางค์วัดอรุณแบบนี้หมายถึงอะไร

พระปรางค์สูง หมายถึง เขาพระสุเมรุ ปรางค์ทิศ คือ ทวีปทั้ง 4 ของมนุษย์ ลานวัด (ลานเจดีย์) นั่นคือทะเล (น้ำในมหาสมุทร) ความเข้าใจเกิดขึ้นทันทีที่ได้อ่านไตรภูมิ

อิทธิพลไตรภูมิที่มีต่อฝรั่ง เมื่อท่านนำแผนที่โบราณมาเสนอว่าฝรั่งเขียนขึ้นให้มีทะเลสาบที่เชียงใหม่ โดยเขียนจากคำบอกเล่าคนไทยที่รู้เรื่องสระอโนดาดที่ปรากฏในไตรภูมิ มีทะเลสาบและภูเขาที่เต็มไปด้วยอัญมณี ท่านจึงถึงบางอ้อว่า ทำไมฝรั่งจึงต้องการเอาเมืองไทยเป็นเมืองขึ้น ทั้งนี้เพราะเข้าใจว่าไทยมีทรัพยากรมากล้นนั่นเอง

ในตอนท้าย ท่านบอกว่าจะจัดพิมพ์สมุดภาพไตรภูมิฉบับรัชกาลที่ 9 ที่บรรจุภาพในเหตุการณ์สำคัญในยุคนี้ เพื่ออุทิศถวายมหาราชของไทย 2 พระองค์ คือ พระมหาธรรมราชาลิไท และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ที่ได้รับพระราชสมัญญานามว่ามหาราชเช่นกัน ในการนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงประกอบพิธีเขียนเบิกเนตรพระอินทร์เรียบร้อยแล้ว

นี่คือไตรภูมิที่เป็นแผนผังวิถีชีวิตและวัฒนธรรมไทย ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และในอนาคต

ข่าวล่าสุด

ถ่ายทอดสด เบรนท์ฟอร์ด พบ ลีดส์ ยูไนเต็ด พรีเมียร์ลีก วันนี้ 14 ธ.ค.68