posttoday

"อัลไพน์" พ่นพิษกระทบชิ่งยิ่งลักษณ์

15 มิถุนายน 2555

มติของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในมหากาพย์คดีที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์เหมือนเป็นสายฟ้าฟาดกลางอก

โดย...ไพบูลย์ กระจ่างวุฒิชัย

มติของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในมหากาพย์คดีที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์เหมือนเป็นสายฟ้าฟาดกลางอก ยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย

ประเด็นสำคัญที่ทำให้ ยงยุทธ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทย มีความผิดคือ ป.ป.ช.เห็นว่า การไม่ปฏิบัติตามความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ระบุว่าที่ดินดังกล่าวเป็นธรณีสงฆ์ของวัดธรรมิการามวรวิหาร ไม่สามารถกระทำการจำหน่ายจ่ายโอนได้ เพราะหากไม่ต้องการทำตามความเห็นกฤษฎีกาก็ต้องเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา มากกว่ายกเลิกคำสั่งของอธิบดีกรมที่ดินเอง

เป็นผลให้ ป.ป.ช.ส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดดำเนินคดีอาญาในชั้นศาล และให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยดำเนินการเพิกถอนคำสั่งกระทรวงมหาดไทยที่จำหน่ายที่ดินธรณีสงฆ์ พร้อมกับพิจารณาโทษ ยงยุทธ ในความผิดทางวินัยร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบต่อไป

เท่ากับว่า เมื่อ ป.ป.ช.มีประกาศิตลงมา อนาคตของ ยงยุทธ จะถูกแขวนไว้กับขั้นตอนทางคดีและทางการเมือง

ขั้นตอนทางคดีต่อจากนี้ก็เป็นไปตามกระบวนการและกรอบระยะเวลาภายใน 30 วัน โดยต้องจับตาไปที่กระทรวงมหาดไทยว่าจะกล้าพอดำเนินการลงโทษทางวินัยกับรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงหรือไม่ ท่ามกลางการจับตาจากสังคมเกี่ยวกับมาตรฐานทางจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

บรรทัดฐานที่ผ่านมา หน่วยงานราชการต้นสังกัดเมื่อรับเรื่องให้ดำเนินการลงโทษผู้ใต้บังคับบัญชาในข้อหาความผิดวินัยร้ายแรงจาก ป.ป.ช. สามารถตัดสินใจได้เพียง 2 ทางเท่านั้น คือ ให้ออก หรือไล่ออกเท่านั้น ถ้าต้นสังกัดเก็บเรื่องเข้าลิ้นชักแบบไร้เหตุผลอาจถูกดำเนินคดีฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เสียเอง

ที่สำคัญ การให้ออกหรือไล่ออกยังมีผลต่อคุณสมบัติการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญของ ยงยุทธ ด้วย โดยมาตรา 137 (4) บัญญัติว่า “รัฐมนตรีต้องไม่มีคุณสมบัติต้องห้ามตามมาตรา 102 (6) เคยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ เพราะทุจริตต่อหน้าที่ หรือถือว่ากระทำการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ”

"อัลไพน์" พ่นพิษกระทบชิ่งยิ่งลักษณ์

ขณะที่อีกด้านหนึ่งในส่วนขั้นตอนของคดีตามกระบวนการยุติธรรมอยู่ที่การใช้ดุลพินิจของอัยการสูงสุดว่าจะออกมาทิศทางใด ระหว่างเห็นด้วยหรือเห็นแย้งกับ ป.ป.ช.เหมือนที่ผ่านมา

ขั้นตอนทางการเมือง แน่นอนว่า จะเป็นตัวเร้าให้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตัดสินใจปรับ ครม.ระหว่างปิดสมัยประชุมรัฐสภาก่อนเปิดสภาอีกครั้งในสมัยสามัญทั่วไปที่อาจมีอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของฝ่ายค้าน

ความเคลื่อนไหวในการชิงตำแหน่งเก้าอี้ มท.1 ซึ่งคุมกลไกอำนาจการบริหารส่วนท้องถิ่นของประเทศไทยเอาไว้ทั้งหมด ขณะนี้มีตัวเต็งหลายคน ล้วนเป็นคนในสมาชิกบ้านเลขที่ 111 แทบทั้งสิ้น

อาทิ “พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์” อดีตรองนายกรัฐมนตรี “เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช” อดีต รมช.มหาดไทย “ภูมิธรรม เวชยชัย” อดีต รมช.คมนาคม หรือแม้แแต่ “พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย” อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร

แม้ว่า ป.ป.ช.จะออกตัวการันตีให้ ยงยุทธนั่งอยู่ในตำแหน่งต่อไปได้ โดยไม่ต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว เพราะถือเป็นการกระทำต่างกรรมต่างวาระ แต่ทั้งกระแสจากภาคสังคมและภาคการเมืองต่างกดดันให้ลาออกเพื่อแสดงสปิริตทางการเมือง ทำให้การปรับ ครม.เพื่อหลบกระแสวิจารณ์และรักษาภาพนายกฯ ยิ่งลักษณ์ อาจมีขึ้นในอีกไม่กี่อึดใจ

เหนือสิ่งอื่นใด นอกจากมติ ป.ป.ช.จะสะเทือนเก้าอี้ ยงยุทธ แล้ว ยังสะท้านไปถึง ยิ่งลักษณ์ ในทางอ้อมด้วย

เนื่องจากในการซื้อขายที่ดินอัลไพน์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พี่ชายนายกฯ ยิ่งลักษณ์ มีส่วนเกี่ยวข้องในฐานะมีส่วนเกี่ยวข้องในระดับหนึ่ง ในคำวินิจฉัยของ ป.ป.ช.ที่เผยแพร่เมื่อวันที่13 มิ.ย. บรรยายถึงความเกี่ยวข้องของ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า...

“เสนาะ เทียนทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการไม่อนุญาตให้วัดธรรมิการามวรวิหารได้มาซึ่งที่ดินทั้งสองแปลงที่นางเนื่อม ชำนาญชาติศักดา ทำพินัยกรรมฝ่ายเมือง ยกที่ดินดังกล่าวให้เป็นกรรมสิทธิ์ของวัดธรรมิการามวรวิหาร ตั้งแต่วันที่ 20 พฤศจิกายน 2512 และต่อมาเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2533 ผู้จัดการมรดกได้จดทะเบียนเปลี่ยนผู้จัดการมรดกและขายที่ดินนั้นให้แก่บริษัท อัลไพน์เรียลเอสเตท จำกัด กับบริษัท อัลไพน์กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ตคลับ จำกัด ในราคา 142,000,000 บาท บริษัททั้งสองได้จดทะเบียนจำนองที่ดินเพื่อเป็นการชำระหนี้ไว้กับบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ธนชาติ จำกัด เป็นเงิน 220,000,000 บาท และจดทะเบียนขึ้นเงินจำนองอีก 70,000,000 บาท

...ปี 2541บริษัท อัลไพน์เรียลเอสเตท จำกัด กับบริษัท อัลไพน์กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ตคลับ จำกัด ได้โอนขายหุ้นให้ กาญจนาภา หงษ์เหิน จำนวน 10 หุ้น ชัยวัฒน์ เชียงพฤกษ์ กับบุญชู เหรียญประดับ คนละ 24,899,987 หุ้น และวิชัย ช่างเหล็ก 24,988,986 หุ้น คนงานคนขับรถในครอบครัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ต่อมาบุคคลทั้งสามได้โอนขายหุ้นให้กับคุณหญิงพจมาน พิณทองทา และแพทองธาร ตามลำดับ” หนึ่งในคำอธิบายของ ป.ป.ช.

ในประเด็นการใช้อำนาจหน้าที่ของป๋าเหนาะต่อกรณีนี้จนนำมาสู่การรับซื้อหุ้นจากบริษัททั้งสองในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าวของครอบครัว พ.ต.ท.ทักษิณ แม้จะไม่สามารถเอาผิดทางอาญาได้ เนื่องจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้มีความเห็นไปแล้วว่าคดีได้ขาดอายุความ แต่ในทางการเมืองย่อมมีการนำเรื่องนี้มาขยายให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เกิดแผลได้

ทั้งนี้ คำวินิจฉัยของ ป.ป.ช.กำหนดให้กระทรวงมหาดไทยเร่งเพิกถอนคำสั่งที่ซื้อขายธรณีสงฆ์ ตรงนี้หมายความว่ากระทรวงต้องทำทุกกระบวนการกับเอกชนผู้เป็นเจ้าของที่ดินคืนกรรมสิทธิ์การถือครองที่ดินเพื่อให้เป็นไปตามความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่ห้ามมิให้ซื้อขายธรณีสงฆ์

แต่ปัญหาอยู่ที่กระทรวงมหาดไทยจะกล้าหรือไม่...

เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าครอบครัวชินวัตรเข้ามีส่วนเกี่ยวข้องเรื่องนี้โดยตรงตามที่ ป.ป.ช.มีคำวินิจฉัย ที่สำคัญ พ.ต.ท.ทักษิณ คือผู้มีบารมีเหนือรัฐบาล ยิ่งลักษณ์

การปล่อยให้เรื่องนี้เงียบหายนานเท่าไรจะเป็นน้ำกรดกัดกร่อนธรรมาภิบาลของรัฐบาลมากขึ้น หลังจากนายกฯ ยิ่งลักษณ์ เพิ่งได้ประกาศให้การปราบปรามคอร์รัปชันเป็นวาระแห่งชาติไปสดๆ ร้อนๆ

“รัฐบาลและคณะรัฐมนตรีจะร่วมทำงานกับ ป.ป.ช. หน่วยงานทุกภาคส่วน และเครือข่ายอื่นๆ เพื่อสร้างความแข็งแรงของการต่อต้านวงจรทุจริตคอร์รัปชันเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อให้เกิดความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และการเจริญเติบโตของประเทศอย่างยั่งยืน”คำประกาศของนายกฯ วันที่ 6 มิ.ย.

ทั้งหมดขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้นำประเทศเพียงคนเดียว

ข่าวล่าสุด

LIVE ถ่ายทอดสด สเปอร์ส พบ ลิเวอร์พูล พรีเมียร์ลีก วันนี้ 20 ธ.ค.68