"อากง" ตายขยายรอยร้าว "เสื้อแดง-เพื่อไทย"
การเสียชีวิตของ “อากง” หรืออำพล ตั้งนพคุณ ผู้ต้องหาคดีหมิ่นเบื้องสูง ซึ่งถูกศาลอาญาพิพากษาจำคุก 20 ปี จากการส่งข้อความเอสเอ็มเอสหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เมื่อวันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา กำลังกลายเป็นประเด็นร้อนที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง ที่สำคัญเป็นการจุดกระแสเคลื่อนไหวเรียกร้องให้มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 อีกระลอก ทว่าอีกด้านหนึ่งกลับกลายเป็นชนวนที่สร้างความขัดแย้งระหว่างพรรคเพื่อไทยและกลุ่มคนเสื้อแดง
การเสียชีวิตของ “อากง” หรืออำพล ตั้งนพคุณ ผู้ต้องหาคดีหมิ่นเบื้องสูง ซึ่งถูกศาลอาญาพิพากษาจำคุก 20 ปี จากการส่งข้อความเอสเอ็มเอสหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เมื่อวันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา กำลังกลายเป็นประเด็นร้อนที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง ที่สำคัญเป็นการจุดกระแสเคลื่อนไหวเรียกร้องให้มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 อีกระลอก ทว่าอีกด้านหนึ่งกลับกลายเป็นชนวนที่สร้างความขัดแย้งระหว่างพรรคเพื่อไทยและกลุ่มคนเสื้อแดง
เสียงสะท้อนจาก รสมาลิน ตั้งนพคุณ หรือ “ป้าอุ๊” ภรรยาอากง ที่ระบายความรู้สึกว่า ควรปล่อยนักโทษที่เจ็บป่วยหนักให้ออกมารักษาตัวนอกเรือนจำ แทนที่จะส่งเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลของเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร นำมาสู่คำถามถึงมาตรฐานการดูแลนักโทษตามกระบวนการยุติธรรมปัจจุบัน ไปจนถึงการขอประกันตัวผู้ต้องหา
ขณะที่ ทวี ประจวบลาภ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา กล่าวชี้แจงว่า จำเลยได้ถอนอุทธรณ์คดีไปเมื่อวันที่ 3 เม.ย. 2555 เพื่อจะใช้สิทธิยื่นถวายฎีกา เพราะการทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาจะยื่นได้ต่อเมื่อคดีถึงที่สุด จากนั้นศาลอาญาได้ออกหมายคดีถึงที่สุดให้เมื่อวันที่ 4 เม.ย. 2555 และเมื่อคดีถึงที่สุดก็ไม่อาจยื่นประกันตัวอีกได้ ดังนั้นตัวอำพลจึงถือว่าอยู่ในการควบคุมของราชทัณฑ์ ซึ่งมีการรักษาพยาบาลของเขาอยู่แล้ว หากจะนำตัวมารักษาข้างนอกก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้ควบคุม
ทั้งนี้ จากผลการชันสูตรพลิกศพเบื้องต้น ระบุว่า สาเหตุการเสียชีวิตน่าจะมาจากมะเร็งระยะสุดท้าย แต่จะเป็นสาเหตุให้เสียชีวิตในทันทีหรือไม่คงไม่สามารถบอกได้
ภายหลังจากทราบผลชันสูตร รสมาลินพร้อมด้วยลูกและญาติพี่น้อง รวมถึงคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่ง และกลุ่มนักวิชาการเคลื่อนไหวให้แก้กฎหมายอาญา มาตรา 112 ได้แห่ศพจากสถาบันนิติเวชตำรวจ เพื่อไปทำพิธีรดน้ำศพที่หน้าศาลอาญา โดยกลุ่มผู้ชุมนุมตั้งเต็นท์ขวาง 2 เลนซ้ายบนถนนรัชดาภิเษก หน้าศาลอาญา จากนั้นวันรุ่งขึ้นจึงได้เคลื่อนขบวนแห่ศพอากงไปยังทำเนียบรัฐบาล ต่อด้วยรัฐสภาและไปตั้งสวดอภิธรรมศพ ที่วัดด่านสำโรง จ.สมุทรปราการ
จากนั้นบรรยากาศการเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องให้แก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นอีกครั้ง โดย สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ อาจารย์ประจำคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะสมาชิกคณะรณรงค์แก้ไขมาตรา 112 (ครก.112) ระบุว่า เตรียมยื่นร่างแก้ไขต่อสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 27 มิ.ย.
สอดรับกับความเคลื่อนไหวจากฝั่งกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ซึ่ง ธิดา ถาวรเศรษฐ์ ประธาน นปช. ออกมาเรียกร้องให้มีการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมก่อนที่จะเกิดความเสียหายไปมากกว่านี้ และเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวผู้ถูกคุมขังจากคดีการเมือง โดยการอนุญาตให้ประกันตัวบุคคลเหล่านั้นออกมาต่อสู้คดีทั้งหมด เพราะวันนี้ผู้ถูกขังจากกรณีประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เบื่อหน่ายการต่อสู้คดีแล้ว ต่างพากันลงชื่อยอมรับว่าทำผิดและหวังจะได้รับการพระราชทานอภัยโทษ
ทว่า อีกด้านหนึ่งท่าทีจากฝั่งรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่ารัฐบาลไม่มีนโยบายแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยภาระหน้าที่ของรัฐบาลคือเรื่องการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจเป็นภาระเร่งด่วน ไม่ต่างจากสุ่มเสียงของ สส.เพื่อไทยปีกเสื้อแดง ที่ออกมายอมรับว่าการเดินหน้าทำเรื่องนี้เป็นไปได้ยาก เพราะมีมติพรรคแล้วว่าจะไม่ดำเนินการเรื่องนี้
ความขัดแย้งในประเด็นนี้ กลายเป็นชนวนซ้ำเติมความระหองระแหงระหว่างพรรคเพื่อไทยและเสื้อแดงให้รุนแรงยิ่งขึ้น จนทำให้ธิดาส่งสัญญาณชัดเจนว่าการชุมนุมใหญ่วันที่ 19 พ.ค.นี้ ที่บริเวณแยกราชประสงค์ คนเสื้อแดงต้องมาร่วมชุมนุมอย่างมืดฟ้ามัวดิน เพื่อบอกว่าคนเสื้อแดงยังคงอยู่เต็มไปหมด ไม่ให้เหมือนกับบางคนในพรรคเพื่อไทย ที่มองไม่เห็นหัวกลุ่มคนเสื้อแดง
ปรากฏการณ์ขัดแย้งระหว่างระหว่างเสื้อแดงและเพื่อไทยสะท้อนชัดเจน หลังมีกระแสข่าวมีการเตรียมปรับ ครม.ปู 3 โดยเฉพาะตำแหน่งของจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. ที่ถูกกระแสคัดคัดค้านจากกลุ่มภาคกลางและกลุ่มอื่นๆ ในพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะ ฉลอง เรี่ยวแรง สส. นนทบุรี ที่ออกเปิดศึกกันยกใหญ่ ก่อนที่สุดท้ายจะเคลียร์กันลงตัว ฉลองออกมายอมรับว่า ได้คุยปรับความเข้าใจกับจตุพรเรียบร้อยแล้ว และยินดีให้จตุพรที่เป็นรัฐมนตรีได้อย่างสง่างาม
อย่างไรก็ตาม กระแสปรับ ครม.ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังมีความเคลื่อนไหวต่อเนื่อง เมื่อ วิชิต ปลั่งศรีสกุล เลขาธิการมูลนิธิบ้านเลขที่ 111 ออกมาระบุว่า หลังจากที่สมาชิกบ้านเลขที่ 111 กลับเข้าพรรคเพื่อไทย จะมีการปรับโครงสร้างพรรค โดยจะมีการเสนอแผนใหม่เพื่อพัฒนาพรรคให้ทันสมัยและสอดคล้องกับยุคปัจจุบัน โดยเปิดโอกาสให้ประชุมมีส่วนร่วมมากขึ้น
นอกจากนี้ สมาชิกบ้านเลขที่ 111 ประมาณ 8 คน เตรียมเดินทางไปเมืองคุณหมิงประเทศจีนเพื่อตีกอล์ฟ ในจังหวะเดียวกับที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะเดินทางไปประเทศจีน
อีกด้านหนึ่ง ความเคลื่อนไหวด้วยกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งล่าสุดการพิจารณาในวาระ 2 ของที่ประชุมร่วมรัฐสภา ซึ่งพิจารณาต่อเนื่องมาเป็นวันที่ 14 ได้พิจารณามาจนเหลือมาตราสุดท้าย และนัดพิจารณาอีกครั้งในวันที่ 14 พ.ค ซึ่งการพิจารณาในวาระ 2 น่าจะเสร็จในสัปดาห์หน้าและสามารถลงมติในวาระ 3 ซึ่งจะต้องเว้นระยะไปอีก 15 วัน โดยคาดว่าจะเสร็จสิ้นได้ไม่เกินสิ้นเดือนนี้
ปิดท้ายด้วยเรื่องร้อนระหว่างประเทศ อย่างการนัดแถลงข่าวของ พล.ต.นะคะมวย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กะเหรี่ยงโกทูบลอ หรือเคเอโอ เกี่ยวกับขบวนการค้ายาเสพติดตามแนวชายแดน ที่ออกมาตอบโต้ กรณี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งพร้อมจะให้จับกุม หากมีการตรวจสอบและพบว่าผิดจริง แต่ตอนนี้ ขอให้ ร.ต.อ.เฉลิมไปตามจับ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะคดีดังกล่าวศาลไทยได้ตัดสินและระบุโทษความผิดไปแล้ว เพื่อรักษากฎหมายไทยให้ถูกต้อง มีความหมาย ส่วนคดีของตนเองนั้นยังไม่มีอะไรที่มีหลักฐานเลย มีเพียงการกล่าวหา สร้างความเสียหายเท่านั้นเอง
พล.ต.นะคะมวย ยืนยันว่า รัฐบาลไทยและพม่าต่างมีหน่วยงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ซึ่งสามารถประสานงานกันเข้ามาตรวจสอบพื้นที่ของเขาได้พร้อมๆ กัน เพราะเขาไม่เคยค้ายาเสพติด ไม่เคยให้ทหารใต้บังคับบัญชารวมทั้งประชาชนค้ายาเสพติด พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า หมายจับของทางการไทยมีตั้งแต่ปี 2546 แต่ทำไมเพิ่งนำมาเปิดประเด็นในช่วงนี้
อย่างไรก็ตาม ร.ต.อ.เฉลิม ระบุว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ได้ส่งเอกสารพร้อมหมายจับ พล.ต.นะคะมวย ในคดีมียาเสพติดในครอบครองไปยังประเทศพม่าแล้ว นอกจากนี้ยังได้ประสานไปยังสถานทูตไทยประจำพม่า เพื่อให้ติดตามผล คาดว่าภายในวันที่ 11 พ.ค.นี้ จะได้รับรายงานความคืบหน้า และระบุว่าหากมีความจำเป็นต้องเจรจากับพม่าก็พร้อมจะเดินทางไปเอง และขอย้ำว่า พล.ต.นะคะมวย เป็นบุคคลตามหมายจับ ไม่จำเป็นต้องให้ความเกรงใจ


