posttoday

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์

06 พฤษภาคม 2555

โดย...วิมลพรรณ ปิตธวัชชัย

โดย...วิมลพรรณ ปิตธวัชชัย

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ มีพระนามเดิมว่า “พระองค์เจ้าวรวรรณากร” ทรงเป็นพระราชโอรสใน พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาเขียน ประสูติเมื่อวันที่ 20 พ.ย. 2404 ทรงเป็นต้นราชสกุล “วรวรรณ”

ทรงได้รับการศึกษาชั้นต้นในพระบรมมหาราชวัง และโรงเรียนมหาดเล็กหลวง เมื่อทรงพระเจริญพระชันษาและทรงผนวชแล้ว ได้เข้ารับราชการสนองพระเดชพระคุณในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่หอรัษฎากรพิพัฒน์ เป็นพนักงานการเงินที่ฝากแบงก์ต่างประเทศ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ สถาปนาพระอิสริยยศเป็น “กรมหมื่นนราธิปประพันธ์พงศ์” เมื่อปี 2432 ทรงรับราชการก้าวหน้ามาจนได้ดำรงตำแหน่งรองเสนาบดีกระทรวงมหาสมบัติในปี 2464 ทรงได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ เลื่อนพระอิสริยยศเป็น “กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์” ทรงมีผลงานที่โดดเด่นมากคือ ทรงเป็นผู้บุกเบิกละครร้องเป็นครั้งแรกในประเทศไทย

พระองค์ได้ทรงก่อตั้งคณะละครขึ้นครั้งแรกใช้ชื่อว่าคณะละคร “นฤมิตร” เมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชวังดุสิตขึ้น ทรงมีพระราชดำรัสให้ “กรมนราธิป” เตรียมจัดละครเพื่อทำขวัญต้นลิ้นจี่ตามที่พระองค์เคยตรัสไว้ว่า “ลิ้นจี่ออกลูกเมื่อไหร่จะหาละครหม่อมหลวงต่วนมาเล่นทำขวัญ” (หม่อมหลวงต่วนที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรับสั่งถึงนี้คือ หม่อมหลวงต่วนศรี วรวรรณ คือ หม่อมมารดาของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรรณไวทยากร กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์)

หลังจากเล่นละครถวายที่พระราชวังดุสิตแล้ว ละครคณะ “นฤมิตร” ก็เจริญรุ่งเรืองเรื่อยมา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเกียรติยศให้เป็น ละครหลวงนฤมิตร ต่อมาพระองค์จึงได้ทรงสร้างโรงละครขึ้นที่วังของพระองค์ ทรงใช้ชื่อว่า โรงละครปรีดาลัย และโรงละครวิมานนฤมิตร แสดงให้ประชาชนทั่วไปชมในวันเสาร์อาทิตย์

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ ทรงมีชื่อเสียงจากงานพระนิพนธ์หลายชิ้นที่รู้จักกันดี ได้แก่ บทละครพูดเรื่อง “สร้อยคอที่หาย” ซึ่งเคยบรรจุในหนังสือเรียนวิชาภาษาไทยของกระทรวงศึกษาธิการ บทละครร้อง “สาวเครือฟ้า” ซึ่งได้สร้างตัวละครให้กลายเป็นคนที่เหมือนกับมีตัวจริงขึ้นมา 2 คน คือ ร้อยตรีพร้อม และสาวเครือฟ้า

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์

 

นอกจากนี้ยังทรงมีงานที่สำคัญ คือ พระนิพนธ์แปล จดหมายเหตุ ลา ลูแบร์ โดยทรงแปลมาจากฉบับภาษาอังกฤษ “ตำนานพระแท่นมนังคศิลาอาสน์” รุไบยาต ของ โอมาร์ คัยยาม และ “นรางกุโรวาท” เป็นต้น และพระองค์ยังทรงใช้นามปากกาว่า “ประเสริฐอักษร” เพื่อทรงพระนิพนธ์เรื่องสั้นไว้จำนวนหนึ่งอีกด้วย

สำหรับละครเรื่องสาวเครือฟ้านั้น กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ ทรงเอาเค้าโครงเรื่องมาจากละครอุปรากร (โอเปรา) เรื่อง มาดามบัตเตอร์ฟลาย (Madam Butterfly) ของ เกียโคโม บุชชินี อุปรากรเรื่องนี้ได้ต้นเค้ามาจากนวนิยายของ จอห์น ลูเธอร์ ลอง อีกต่อหนึ่ง ในคราวที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสยุโรปครั้งที่ 2 เมื่อปี 2450 ได้ทอดพระเนตรการแสดงละครอุปรากรที่ฝรั่งเศส เรื่องมาดามบัตเตอร์ฟลาย ซึ่งเป็นเรื่องความรักและความผิดหวังระหว่างสาวญี่ปุ่นชื่อโจโจ้ซังกับทหารหนุ่มฝรั่ง เมื่อเสด็จนิวัตพระนคร ได้ทรงเล่าให้กรมนราธิปประพันธ์พงศ์ฟัง กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ทรงดัดแปลงเรื่องนี้มาเป็นละครร้องแสดงถวายหน้าพระที่นั่ง เป็นที่พอพระหฤทัยมาก นับเป็นการเริ่มต้นกำเนิดละครร้องที่ทรงดัดแปลงมาจากละครอุปรากรของยุโรป เพราะทรงประพันธ์เป็นบทละครร้องสลับพูดโดยใช้คำประพันธ์เป็นเพลงกลอนไทย

ต่อมาในปี 2453 ก็เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นมา เมื่อกรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ทรงแต่งบทละครเรื่อง “ปักษีปกรณัม” ขึ้น และพิมพ์ออกเผยแพร่ เป็นเหตุให้พระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ได้รับความเดือดร้อน และทรงเห็นว่าบทละครเรื่องนี้หมิ่นประมาทพระองค์ ทำให้เสียพระนามและพระเกียรติยศ ทรงน้อยพระทัยถึงกับต้องลาออกจากราชการ เหตุการณ์ครั้งนี้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้โปรดเกล้าฯ ให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นพิจารณาความ ประกอบด้วย กรมขุนสรรพสิทธิประสงค์ เสนาบดีกระทรวงวัง กรมหลวงเทวะวงษ์วโรปการ เสนาบดีกระทรวงการต่างประเทศ และกรมหลวงดำรงราชานุภาพ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย โดยให้ถือว่าเป็นคณะผู้พิพากษาศาลรับสั่ง หลังจากคณะผู้พิพากษาศาลรับสั่งได้พิจารณาความจากข้อมูลหลักฐานอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว ก็ลงความเห็นว่า กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์มีความผิดจริง ควรทรงรับพระราชอาญาจำขังไว้เป็นเวลา 1 ปี ส่วนหนังสืออันเป็นบทละครเรื่อง “ปักษีปกรณัม” นั้นไม่ว่าจะเป็นต้นฉบับหรืออยู่ที่โรงพิมพ์ให้นำไปเผาไฟเสียให้สิ้น คำประกาศพิพากษาคดีนี้มีขึ้นในวันที่ 6 มิ.ย. 2453 และกรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ก็ทรงถูกกักขังตามแบบอย่างที่เคยกักขังเจ้านายมาก่อน ครั้นถึงวันที่ 5 ก.ค. 2453 พระเจ้าลูกยาเธอกรมหมื่นราชบุรีดิเรกฤทธิ์ก็ได้กราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเพื่อขอให้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์เสด็จกลับไปประทับที่วังตามปกติดังเดิม พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ (ซึ่งขณะนั้นดำรงพระอิสริยยศเป็น กรมหมื่นนราธิปประพันธ์พงศ์) พ้นโทษตามพระประสงค์ของพระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นราชบุรีดิเรกฤทธิ์ เมื่อวันที่ 5 ก.ค. 2453 คดีเรื่อง “ปักษีปกรณัม” หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ คดีพญาระกา ก็จบลงในที่สุด

กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ ทรงมีธิดาซึ่งเป็นที่โปรดปรานของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวถึงสององค์ องค์แรก คือ หม่อมเจ้าหญิงวัลลภาเทวี วรวรรณ ซึ่งได้ประกาศเป็นพระคู่หมั้นและสถาปนาขึ้นเป็น “พระวรกัญญาปทาน พระองค์เจ้าวัลลภาเทวี” เมื่อวันที่ 9 พ.ย. 2463 แต่อีก 4 เดือนต่อมาคือ ในเดือน มี.ค. 2464 ก็ได้มีประกาศยกเลิกพระราชพิธีหมั้นนั้นเสีย “เพราะเหตุพระอัธยาศัยของพระวรกัญญาปทาน พระองค์เจ้าวัลลภาเทวี มิได้ต้องกัน” จึงโปรดเกล้าฯ ให้เรียกพระนามใหม่เป็นเพียง “พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวัลลภาเทวี”

อีกองค์หนึ่งคือ หม่อมเจ้าหญิงวรรณพิมล วรวรรณ ทรงได้รับสถาปนาเป็น พระนางเธอลักษมีลาวัณ พระองค์ได้ทรงสืบทอดละครต่อจากพระบิดาในเวลาต่อมา ในนามคณะละครปราโมทัย ทรงถูกคนร้ายปลงพระชนม์ในปี 2504

กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ ทรงมีโอรสเป็นที่รู้จักของสังคมไทยคือ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรรณไวทยากร กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และปราชญ์ราชบัณฑิต ผู้มีชื่อเสียงของประเทศ ทรงมีนัดดาที่เป็นโอรสธิดา ของหม่อมเจ้าหญิงพรพิมลพรรณ วรวรรณ และกรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ คือ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต และหม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ ประชวรด้วยพระโรคพระอันตะ (ลำไส้ใหญ่) สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2474 ณ วังวรวรรณ

วังวรวรรณ เป็นวังที่ประทับของกรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ ตั้งอยู่ระหว่างวัดสุทัศนเทพวรารามกับวัดมหรรณพาราม ต่อมาวังนี้ถูกเวนคืนเพื่อนำพื้นที่มาสร้างเป็นถนนตามโครงการขยายความเจริญของพระนครในสมัยนั้น คงเหลือเพียงพระตำหนักไม้เก่าหลังเล็ก ที่เดิมเป็นที่ตั้งของโรงละครปรีดาลัย ถูกปรับให้เป็นโรงเรียนตะละภัฏศึกษา และมีการแบ่งพื้นที่ริมถนนสร้างเป็นอาคารพาณิชย์ขายให้แก่เอกชน ชาวบ้านแถบนั้นจึงเรียกย่านนั้นว่า “แพร่งนรา” ตามพระนามของ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ พระองค์ทรงมีชายา 7 คน มีโอรสธิดา รวมทั้งสิ้น 27 พระองค์

ข่าวล่าสุด

"พลังงาน" สั่งเข้ม! ตรวจสอบปริมาณส่งออกน้ำมัน ทางบก-เรือ พร้อมร่วมมือกองทัพสกัดลักลอบส่งน้ำมันเข้ากัมพูชา