เตือนระวังก๊าซอันตรายจากไฟลุกใต้ดิน

เจ้าหน้าที่เจาะชั้นดินในพื้นที่อ.นครไทย พิษณุโลก หาเหตุไฟลุกใต้ดินพบเกิดจากจากเศษขี้เลื่อย-ถ่านเก่าสะสมจนเกิดก๊าซมีเทน เตือนห้ามเข้าใกล้เพราะก๊าซมีอันตราย

เมื่อวันที่ 25 เม.ย. เจ้าหน้าที่ สำนักทรัพยากรธรณี ได้เข้าตรวจสอบพื้นดิน บริเวณ บ้านโนนตะโพน ต.หนองกะท้าว อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ริมถนนบ้านแยง-นครไทย หลังเกิดเหตุไฟลุกไหม้ใต้ดินจนส่งผลให้พื้นดินร้อนระอุทำให้สัตว์ที่ลงไปเหยียบย่ำบาดเจ็บและเสียชีวิต

นายสมบุญ  โฆษิตานนท์ ผู้อำนวยการสำนักทรัพยากรธรณี เขต 1 ( ลำปาง ) กล่าวว่า จากการตรวจสอบทราบว่า พื้นที่เกิดไฟลุกไหม้ใต้ดินในอดีตเคยเป็นเตาเผาถ่านเก่า จำนวน 3 เตา รวมทั้งมีโรงเลื่อยเก่าอยู่ใกล้เคียงและมีการนำขี้เลื่อยมาทิ้งไว้ รวมทั้งพื้นที่ดังกล่าวเกิดน้ำท่วมทุกปี ทำให้เป็นแหล่งสะสมของซากพืช ซากสัตว์ และชั้นทราย ดิน ปิดทับกันไปมา จนเกิดปฏิกิริยาสันดาปขึ้นจนก่อให้เกิดก๊าซชีวภาพ

ทั้งนี้คาดการณ์เบื้องต้นว่า ก๊าซที่เกิดขึ้นเป็นก๊าซมีเทน ที่สามารถติดไฟได้เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น โดยเป็นก๊าซที่ไม่มีกลิ่น ซึ่งเป็นเรื่องธรรมชาติที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่และลักษณะคล้ายกับไฟไหม้ป่าในเขตภาคใต้ ที่จะเกิดจากไฟลุกไหม้ใต้ดิน
 
"วันนี้ได้เจาะชั้นดิน 3 จุด ทั้งจุดที่ไฟลุกไหม้ และพื้นที่รอบ ๆ เพื่อนำไปพิสูจน์ โดยเชื่อว่ายังคงมีการลุกไหม้ต่อไป และไม่รุนแรง เพียงแต่ต้องป้องกันไม่ให้คนและสัตว์เข้าไปใกล้บริเวณดังกล่าว หรือต้องขุดเปิดหน้าดิน เพื่อให้ไฟได้เผาไหม้ให้หมด และจะดับไปเอง"นายสมบุญ กล่าว

ด้าน น.ส.อิสราภรณ์  สุจาโน รักษาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพิษณุโลก  กล่าวว่า การป้องกันขณะนี้ได้ใช้วิธีฉีดน้ำรอบ ๆ พื้นที่ที่ไฟไหม้ชั้นใต้ดิน เนื่องจากเมื่อช่วงเช้าได้ฉีดน้ำเข้าไปโดยตรง แต่ยังไม่สามารถดับไฟได้หมด และทำแนวกั้นไม่ให้คนและสัตว์เข้าไปใกล้พื้นที่นี้โดยเด็ดขาด

ด้าน นายกิตติ พุฒิกานนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค กล่าวว่า  ขณะนี้ได้สั่งห้ามไม่ให้ประชาชนเข้าใกล้จุดที่เกิดไฟลุกใต้ดินในระยะ 500 เมตรเนื่องจากตรวจพบสารอันตรายต่อสุขภาพ 2 ชนิด คือ คาร์บอนไดซัลไฟล์ หรือ CS2 ตรวจพบรอบหลุมไฟอยู่ที่ 23 ppm เกินค่ามาตรฐานทั่วไปที่ 20 ppm และ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ หรือ SO 2 ค่ามาตรฐานอยู่ที่ 0.12 ppm ที่มีมากกว่าค่ามาตรฐาน 55 เท่า 

ก๊าซดังกล่าวอันตรายสำหรับผู้สูดดมอย่างมากเพราะเป็นก๊าซที่หนักกว่าอากาศ เวลาลอยจะลอยเรี่ยพื้น จึงอยู่ในระดับที่จมูกคนยืนพอดี สามารถเข้าสู่ร่างกายคนได้ทั้งทางผิวหนังและทางเดินหายใจ ในระยะสั้นจะมีการระคายเคืองที่ดวงตาและผิวหนัง

นอกจากนี้ถ้าได้รับเวลาหลายวัน จะมีอาการทางจิต มีอารมณ์เปลี่ยนแปลง ประสาทตาอักเสบ ถ้าระยะยาว จะเจ็บหน้าอก ปวดกล้ามเนื้อ ความจำเสื่อม คล้ายคนป่วยโรคพารากิลสันที่สั่นตลอด รวมทั้งอาจผิดปกติทางสมอง เส้นประสาทอักเสบ หลอดเลือดแดงแข็งตัว ถือเป็นอันตรายมากสำหรับคนที่อยู่ใกล้ 

อย่างไรก็ตามตลอดทั้งวัน มีชาวอำเภอนครไทยเดินทางมาชมปรากฏการณ์ไฟลุกไหม้ใต้ดินอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนจัด โดยบริเวณที่ไฟลุกไหม้มีเนื้อที่ประมาณ 1 งาน ซึ่งได้มีการทำแนวเชือกกั้นไม่ให้คนเข้าไปและมีควันไฟพวยพุ่งออกมาตลอด

ทั้งนี้ประชาชนที่มาชมพยายามพิสูจน์ว่าพื้นที่บริเวณดังกล่าวร้อนจริงหรือไม่ โดยใช้กระดาษและใบไม้ไปวางไว้ ซึ่งก็จะลุกติดไฟขึ้นมาทันที