จับสถาปนิกฆ่าถ่วงน้ำเด็กม.เกษตรฯ

รวบสถาปนิกอุ้มนิสิต ม.เกษตรฯ หวังเรียกค่าไถ่ 2 ล้าน ก่อนจับถ่วงน้ำโหด อ้างเศรษฐกิจไม่ดี

พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สาโรจน์ พรหมเจริญ รองผบช.น. และ พล.ต.ต.ชาญ วิมลศรี รรท.ผบก.น.4 ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมตัว สถาปนิกหนุ่ม กับผู้ต้องหารวม 4 ราย ก่อเหตุร่วมกันฆ่าถ่วงน้ำนักศึกษามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หวังเรียกเงินค่าไถ่ 2 ล้านบาท หลังรู้ว่าบ้านมีฐานะดี

พล.ต.ท.วินัย กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 19 ธ.ค. เวลาประมาณ 8.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.อุดมสุข ได้รับแจ้งเหตุพบศพชายนิรนามถูกฆ่าถ่วงน้ำ สภาพศพถูกใส่กุญแจมือมือไพล่หลังมัดด้วยเชือกไนลอน แล้วถ่วงด้วยกระสอบทราย3กระสอบ

ผลการชันสูตรศพระบุว่าผู้ตายถูกจับถ่วงน้ำขณะที่ยังมีชีวิตอยู่จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้สืบสวนจนทราบว่าผู้ตายคือนายปิยพันธ์หรือโป้ย หรืออาร์ม ฐิติอักษรศิลปะ อายุ 19 ปี นิสิตชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เนื่องจากญาติของผู้ตายได้แจ้งความคนหายเอาไว้ที่สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา

ต่อมาจากการสืบสวนทำให้สามารถจับกุมผู้ต้องหา 4 ราย ได้แก่ 1.นายอภิรพัฒน์ หรือหวี สุขะอาคม อายุ 27 ปี 2.นายปภาวิน หรือต้า หมายประทุม อายุ 28 ปี 3.นายณัฐพล หรือเตย อินทร์เงิน อายุ 22 ปี และ4.นายภาณุพงศ์ หรือโบ๊ท ศิรพันธุ์พาณิชย์ อายุ 26 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดพระโขนงที่ส.1,ส.2 ,ส.3และส.5 /2555 ลงวันที่ 2 มกราคม 2555 ในข้อหาร่วมกันเอาตัวบุคคลอายุกว่า 15 ปีไปเรียกค่าไถ่ โดยใช้กำลังประทุษร้ายเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายและร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พร้อมของกลางเชือกไนลอน กระสอบปุ๋ยและถุงพลาสติกสีดำ

พล.ต.ท.วินัย กล่าวว่า นายอภิรพัฒน์ มีความสนิทสนมกับผู้ตายเป็นอย่างดีไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยครั้ง เนื่องจากเล่นเกมส์ในร้านอินเทอร์เน็ตเดียวกันเป็นประจำ เมื่อนายอภิรพัฒน์เห็นว่าผู้ตายเป็นคนมีฐานะก็เกิดความโลภอยากได้เงิน จึงวางแผนจับตัวผู้ตายไปเรียกค่าไถ่ พร้อมกับโทรศัพท์หาคนที่รู้จักเพื่อหาทีมงานอีก 3คน กระทั่งวันเกิดเหตุนายอภิรพัฒน์ได้ชักชวนให้ผู้ตายออกมาเล่นเกมโดยนัดให้ไปพบที่ห้างอิมพีเรียลลาดพร้าว จากนั้นก็พาผู้ตายขึ้นรถเก๋งนิสสัน ซันนี่ นีโอ หมายเลขทะเบียน วว1102 ขับออกไป

จากนั้นนายอภิรพัฒน์ได้นำรถเข้าไปจอดไว้ในซอยนวมินทร์ 111 แยก 42 แล้วลงจากรถให้นายปภาวิน นายณัฐพล และนายภาณุพงศ์ ที่นั่งรถมาด้วยกันอีกคันจับผู้ตายใส่กุญแจมือปิดตา ก่อนจะเอาถุงพลาสติกคลุมศีรษะ เพื่อไม่ให้จำหน้าได้ จากนั้นทั้งหมดก็ขับรถไปที่ซอยลาดพร้าว 101และให้นายภาณุพงศ์ได้โทรศัพท์ไปหามารดาของผู้ตาย เรียกค่าไถ่เป็นเงิน  2 ล้านบาท แต่มารดาของผู้ตายไม่เชื่อ นายภาณุพงศ์จึงใช้บัตรเอทีเอ็มของผู้ตายไปกดเงินถึง2 ครั้ง แต่ก็ยังไม่มีการโอนเงินเข้ามา กระทั่งผู้ตายอ่อนแรงเนื่องจากขาดอากาศหายใจ กลุ่มผู้ต้องหาคิดว่าเสียชีวิตแล้วจึงนำผู้ตายไปใส่กระสอบทรายแล้วใช้เชือกมัดโยนถ่วงน้ำเสียชีวิตภายในคลองปักหลัก 2  ถนนคู่ขนานกาญจนาภิเษก แขวงและเขตประเวศ

จากการสอบสวนผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพ ว่า ได้ร่วมกันก่อเหตุฆ่าผู้ตายจริง โดยนายอภิรพัฒน์เป็นคนวางแผนทั้งหมด ใช้เวลานานหลายสัปดาห์กว่าที่จะลงมือ ส่วนสาเหตุที่ทำเพราะต้องการเงินของผู้ตาย เนื่องจากเศรษฐกิจไม่ดี นายอภิรพัฒน์ซึ่งทำงานเป็นสถาปนิกรับออกแบบและทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ต้องการเงินไปใช้จ่าย จึงว่าจ้างนายปภาวินและนายณัฐพลในราคา 1 แสนบาทให้อุ้มผู้ตายไปเรียกค่าไถ่ และว่าจ้างนายภาณุพงศ์ 2 หมื่นบาท ให้คอยไปกดเอทีเอ็มของผู้ตาย ซึ่งชุดสืบสวนมีพยานและหลักฐานจากกล้องวงจรปิดชัดเจนทั้งหมด หลังจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะควบคุมตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป