posttoday

สมเด็จฯเจ้าฟ้าสุทธาทิพยรัตน์ฯกรมหลวงศรีรัตนโกสินทร

18 ธันวาคม 2554

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าสุทธาทิพยรัตน์ สุขุมขัตติยกัลยาวดี กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าสุทธาทิพยรัตน์ สุขุมขัตติยกัลยาวดี กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร

โดย..วิมลพรรณ ปีตธวัชชัย 

เป็นพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติแต่สมเด็จพระนางเจ้าสุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี เมื่อวันที่ 14 ก.ย. 2420 ทรงเป็นเจ้าฟ้าชั้นเอก (ชั้นทูลกระหม่อม) พระองค์แรกที่มีพระชนม์ในรัชกาลที่ 5 ชาววังออกพระนามโดยลำลองว่า ทูลกระหม่อมหญิง ทรงมีพระอนุชา 1 พระองค์ คือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต สมเด็จเจ้าฟ้าหญิงพระองค์นี้เล่าลือกันว่าพระรูปโฉมงดงามยิ่งนัก เป็นสมเด็จเจ้าฟ้าพระองค์แรกที่ประสูติในเศวตฉัตร

สมเด็จฯเจ้าฟ้าสุทธาทิพยรัตน์ฯกรมหลวงศรีรัตนโกสินทร

พระองค์ได้รับพระราชทานพระนามจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ว่า สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสุทธาทิพยรัตน์ สุขุมขัตติยกัลยาวดี และรับพระราชทานพระสุพรรณบัฏเฉลิมพระนามเมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2430 และด้วยทรงเป็นที่สนิทเสน่หาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์จึงได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าต่างกรมฝ่ายในมีพระนามว่า สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสุทธาทิพยรัตน์ สุขุมขัตติยกัลยาวดี กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร เมื่อวันที่ 9 ส.ค. 2446 โดยทูลกระหม่อมฟ้าหญิงเป็นสมเด็จพระเจ้าลูกเธอพระองค์เดียวในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ได้รับพระราชทานกรมสูงสุดถึงกรมหลวงเลยทีเดียว รวมทั้งพระนามกรมยังหมายความถึงกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งเป็นนามของเมืองหลวงด้วย

มีเรื่องเล่าต่อกันมาว่า ก่อนที่สมเด็จเจ้าฟ้าหญิงพระองค์นี้จะประสูตินั้นมีเจ้านายสตรีซึ่งเป็นพระธิดาในกรมหลวงพิชิตปรีชากร (พระองค์เจ้าคัคนางค์) ยังทรงเป็นทาริกาอยู่ เล่าขานนิยมชมชื่นกันในหมู่ชาววังและเจ้านายว่าทรงมีพระรูปโฉมสวยงามนัก คือ หม่อมเจ้าหญิงอาภาพรรณี (ต่อมาในรัชกาลที่ 7 โปรดเกล้าฯ สถาปนาเป็นพระองค์เจ้า ทรงเป็นพระชนนีของ สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 7) ครั้นเมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง ทรงมีพระราชธิดาพระองค์นี้ ความที่สมเด็จเจ้าฟ้าหญิงทรงมีพระรูปโฉมงดงาม ถึงกับรับสั่งกับกรมหลวงพิชิตฯ ว่า “ฉันไม่แพ้เธอแล้ว กรมพิชิต” หมายความว่าทรงมี “ลูกสาว” สวยไม่แพ้พระธิดากรมหลวงพิชิตฯ แต่ที่สำคัญอย่างยิ่งก็คือ พระพักตร์และพระรูปโฉมคล้ายคลึงกับสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี ผู้ทรงเป็นสมเด็จย่าด้วย

ม.ร.ว.หญิงสุดใจ บรรยงกะเสนา ผู้ที่ได้มาพึ่งพระบารมีทูลกระหม่อมหญิงมาตั้งแต่อายุ 11 ปี จนถึงสิ้นพระชนม์ ได้เขียนเล่าถึงทูลกระหม่อมหญิงว่า “ยังมิได้เล่าถึงพระรูปพระโฉมที่งดงามยิ่ง เมื่อทรงพระเจริญพระชันษาแล้ว ทูลกระหม่อมแดง สมเด็จพระบรมราชชนกรัชกาลปัจจุบัน (ร.9) ท่านยังทรงชมว่า ‘พี่หญิงช่างงามจริง แม้ท่าบ้วนน้ำหมากก็ไม่เหมือนใคร’ ส่วนพระมรรยาท พระอิริยาบถ ก็ได้ยินแต่คนสรรเสริญ และยอพระเกียรติ ว่าด้วยพระกุศลที่ได้ทรงทำไว้แต่หนหลังบันดาลให้งามพร้อมทั้งพระรูปโฉม พระนิสัย และน้ำพระทัย เป็นยอดขัตติยนารี” แต่สำหรับในสายตาเด็กๆ อย่าง พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ ทรงมองว่าทูลกระหม่อมหญิงนั้น “งามมาก แต่ค่อนข้างน่ากลัว” เนื่องจากโดยที่ทรงเป็นสมเด็จพระราชธิดาองค์ใหญ่จึงทรงเป็นชั้น “ป้า” ของเจ้านายชั้นพระเจ้าหลานเธอในรัชกาลที่ 5 เป็นส่วนมาก เมื่อสมเด็จพระบรมชนกนาถตรัสเรียกว่า ลูกหญิง และผู้อื่นตรัสเรียกและทรงระบุถึงว่า ทูลกระหม่อมหญิง เจ้านายชั้นหลานป้าบางพระองค์จึงเผลอพระองค์เรียกว่า ทูลกระหม่อมป้าหญิง ดังเช่น พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ทรงนิพนธ์ไว้ในหนังสือเรื่อง เกิดวังปารุสก์ เล่ม 1 ว่า “ทูลกระหม่อมหญิงนั้นทรงงามมาก แต่ค่อนข้างน่ากลัว” และเมื่อวันหนึ่งพระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ตรัสเรียกทูลกระหม่อมหญิงว่า ทูลกระหม่อมป้าหญิง ก็ทรงถูกตำหนิว่า “อะไรทูลกระหม่อมป้าชายมีที่ไหน”

หม่อมเจ้าหญิงมารยาตรกัญญา ดิศกุล ทรงเล่าประทานไว้ว่า สมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงศรีรัตนโกสินทร เมื่อทรงพระเยาว์นั้น ผิวพรรณขาวผุดผ่องไม่มีร่องรอยใดๆ บนพระวรกายเลย จนเป็นที่เกรงกันในเวลานั้นว่าจะมีพระชนม์ไม่ยืน เมื่อทรงมีพระชันษาได้ 1 ปี มีอยู่วันหนึ่งพระพี่เลี้ยงเชิญเสด็จขึ้นเฝ้ารัชกาลที่ 5 ขณะที่สมเด็จพระราชบิดาทรงรับพระองค์ส่งพระราชทานต่อพระนางเจ้าสุขุมาลมารศรี พระราชเทวี ปลายพระขนง (ปลายคิ้ว) ของพระองค์ได้กระแทกกับขอบพาน ทำให้เกิดแผลเป็น ซึ่งทำให้ชาววังโล่งใจว่าทรงมีแผลเป็น และคงจะทรงมีพระชนมายุยืน เมื่อพระชันษาได้ 11 ปี พระองค์ได้ทรงเข้าพระราชพิธีโสกันต์ เมื่อทรงเครื่องสวมชฎาแล้ว สมเด็จพระราชบิดาถึงกับตรัสว่า “ลูกพ่องามปานเทวดา” และเมื่อมีขบวนแห่โสกันต์นั้นมีเกร็ดเชิงซุบซิบเล่าต่อกันมาว่า บรรดาชาวบ้านที่ได้มาเฝ้าชมขบวนแห่ครั้งนั้นต่างก็ออกปากว่า “ลูกท่านงามนัก เลยต้องแห่กันถึงเย็น” อันที่จริงแล้ว สมเด็จพระพันปีหลวงทรงพระประชวรพระโรคปัจจุบันและได้บรรทมหนุนที่พระเพลาของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวไว้ ทำให้พระองค์เสด็จไปในพระราชพิธีไม่ได้ จึงทำให้พิธีแห่โสกันต์นั้นต้องเลื่อนไปถึงเย็น

เมื่อทรงพระเจริญขึ้นก็ทรงได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยในสมเด็จพระบรมชนกนาถ ให้ทรงรับราชการเป็นราชเลขานุการในพระองค์และได้มีโอกาสตามเสด็จประพาสต้นหลายครั้ง และได้ตามเสด็จประพาสชวา ในปี 2444 ในฐานะพระราชธิดาพระองค์ใหญ่ ซึ่งมีพระชนมายุ 24 พรรษา ได้โดยเสด็จออกแขกเมืองร่วมกับพระบรมชนกนาถ เป็นที่ชื่นชมแก่ผู้ที่มีโอกาสเฝ้ารับเสด็จเป็นอันมาก

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าสุทธาทิพยรัตน์ สุขุมขัตติยกัลยาวดี กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร ทรงมีจิตเป็นพระกุศลได้บริจาคเงินจำนวน 2 แสนบาท เพื่อสร้างตึกสุทธาทิพย์ ในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ซึ่งหากคิดเป็นมูลค่าเงินในปัจจุบันก็คงจะเป็นเงินหลายล้านบาท

ต่อมาในปี 2465 พระองค์ได้ประชวรพระโรคที่พระปัปผาสะ และสิ้นพระชนม์ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เมื่อวันที่ 2 ม.ค. ในปีนั้น ท่ามกลางความอาลัยอาวรณ์ของบรรดาพระบรมวงศานุวงศ์เป็นอย่างยิ่ง  

 

ข่าวล่าสุด

ถ่ายทอดสด เชลซี พบ เอฟเวอร์ตัน พรีเมียร์ลีก วันนี้ 13 ธ.ค.68