เฉลิมยันไม่มีจัดฉากปล้นบ้านสุพจน์

เฉลิม แจงกมธ.ยัน ไม่จัดฉากปล้นบ้านสุพจน์ ยัดเงินของกลางย้อนหลัง "ภาณุพงศ์"ชี้ สุพจน์ แจงไม่ตรงอาจโดนข้อหาแจ้งความเท็จ

ที่รัฐสภา ในการประชุมคณะกรรมาธิการศึกษาตรวจสอบเรื่องการทุจริต และเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา (กมธ.) ที่มีน.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กรุงเทพฯ  ประธานกมธ. เป็นประธาน ได้เชิญร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี และพล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รองผบ.ตร. เข้าชี้แจงถึงกรณีการปล้นบ้าน นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม

ทั้งนี้กมธ.ได้ซักถามถึงความคืบหน้าทางคดี โดยน.ส.รสนา พยายามถามย้ำว่า จะเชื่อได้อย่างไรว่าเงินดังกล่าวเป็นของนายสุพจน์จริง จะมีกรณีการยัดเงินเข้ามาในภายหลังหรือไม่ เนื่องจากมีการมองว่าเป็นการปล้นทางการเมืองที่ต้องการแฉและใส่ร้ายกัน เป็นไปได้หรือไม่ที่มีการปล้นเงินไปส่วนหนึ่ง และนำเงินอีกส่วนหนึ่งเข้ามาผสม

ด้านร.ต.อ.เฉลิม ชี้แจงว่า กรณีนี้จะต้องตามจับผู้ต้องหาอีก 3 รายซึ่งได้เมื่อไหร่ยังตอบไม่ได้ แต่เชื่อว่าผู้ต้องหาทั้ง 3 คนน่าจะเป็น คนขับรถ คนขนเงิน และคนใช้ในบ้าน ทั้งนี้เคยจะสั่งการให้เข้าไปค้นบ้านนักการเมือง 3 คน แต่ไม่ทำเพราะเกรงว่าคนจะมองว่าบ้าอำนาจ อย่าว่าแต่ข้าราชการเลย นักการเมืองหลายคนชอบเก็บเงินไว้ในบ้าน บางคนเก็บไว้จนแมลงสาบตายหมด เพราะเหม็นกลิ่นธนบัตรต้องพุ่งเป้าตรวจสอบไปที่นักการเมืองที่มีโครงการเยอะๆ อย่างประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) 900 นาที ผ่าน 311 วาระรวด โดยเฉพาะงบของกรมทางหลวง

"ล่าสุดของบฟื้นฟูน้ำท่วม 1 หมื่นกว่าล้าน รวมถึงโครงการแปลงพื้นที่การทางพิเศษ เพื่อประโยชน์ทางธุรกิจ ซึ่งผมก็คัดค้านกลางครม. อยากให้ทางกมธ.ตรวจสอบเรื่องการทุจริตฯ ทำหนังสือไปถึงนายกรัฐมนตรีเลย เพื่อขอให้มีการตรวจสอบโครงการใหญ่ๆ ย้อนหลัง เพราะเรื่องของกระทรวงคมนาคมเป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี แต่สามารถพูดได้เลยว่ามีการโกงเกิดขึ้นจริง และกรณีรถไฟฟ้าสายสีม่วง ต้องมีคนเข้าคุกแน่ เพราะมีการใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ จนทางไจก้ายกเลิกสัญญากับบริษัทที่ประมูลได้" ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวอีกว่า ข้อสังเกตระบุว่าอาจมีการยัดเงินในบ้านนายสุพจน์ภายหลังนั้นเป็นไปไม่ได้ ไม่ตรงกับหลักความเป็นจริง เพราะคนพวกนี้ไม่มีศักยภาพเพียงพอ สำหรับคดีหากได้ตัวนายโก้จะสามารถเชื่อมโยงได้หมด เพราะถือว่าเป็นผู้ต้องหาคนสำคัญ ถ้านายโก้ไม่มั่นใจในความปลอดภัยก็พร้อมจะเดินทางไปรับตัวด้วยตัวเองจะเป็นที่จ.หนองคายก็ได้

ด้าน พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ ชี้แจงว่า จากคำให้การและหลักฐานในที่เกิดเหตุพบว่า ยังมีกระเป๋าอีก 3 ใบในที่เกิดเหตุ ซึ่งคนร้ายได้เอาไป 1ใบ และจากการสืบสวนคนร้ายให้การว่า กระเป๋าใบนั้นมีเงินประมาณ 20 ล้านบาท และยังมีอีก 2 ใบใหญ่ที่ไม่ได้ถูกรื้อค้นซึ่งก็คาดการณ์ว่าน่าจะมีเงินในปริมาณเท่าๆกัน และในตอนแรกเราก็ไม่พบพิรุธ เพราะมีการแจ้งว่าถูกปล้นไป 7 แสนบาท แต่พอมาเพิ่มยอดทีหลังจึงรู้สึกว่าผิดปกติ

"ยืนยันว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ความเป็นธรรมและทำงานไปตามระบบ เราไม่สามารถเบี่ยงเบนคดีได้ ส่วนเงินของกลางที่อยู่กับนายโก้คาดว่าขนไปไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ทั้งนี้เมื่อดูจากเจตนาแล้ว ถ้านายสุพจน์กลับมาบ้าน และได้สำรวจทรัพย์สิน และหลักฐานที่คนร้ายรื้อค้นในบ้าน เชื่อว่าจะไม่มีการแจ้งความแน่นอน แต่ขณะนั้นเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน เพราะไม่รู้ข้อเท็จจริงว่าคนร้ายมุ่งที่จะมาเอาเงินในส่วนนี้" พล.ต.อ.ภาณุพงศ์

พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ กล่าวอีกว่า ทางเจ้าพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานค่อนข้างชัดเจน ในหลายส่วน แต่ที่ยังไม่ตรงคือ ยอดของทรัพย์สิน เพราะผู้เสียหายไม่ได้ให้ข้อเท็จจริง ทางตำรวจจึงต้องสืบเอาจากพยานหลักฐานแวดล้อม และปากคำผู้ต้องหา ซึ่งกรณีนี้ผู้เสียหายอาจมีความผิดฐานแจ้งความเท็จได้