ตลาดศรีเมืองโมเดล ศูนย์กระจายสินค้าในภาวะวิกฤต

โดย...สุภชาติ เล็บนาค

สถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นช่วงต้นเดือน พ.ย.ที่ผ่านมาส่งผลกระทบโดยตรงต่อระบบกระจายสินค้า และสร้างความหวั่นวิตกให้กับผู้บริโภค

ตลาดกลางหลายแห่งประสบกับปัญหาระบบขนส่งล่ม โดยเฉพาะตลาดไทซึ่งเป็นแหล่งรับสินค้าจากภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ ถูกน้ำท่วมสูงถึงขั้นวิกฤต

อย่างไรก็ดี ใช่เพียงแต่ผู้บริโภคเท่านั้นที่ประหวั่น สะท้อนผ่านพฤติกรรมกักตุนอาหารจนเกิดภาวะขาดแคลน แต่ในฐานะผู้ผลิตจำหน่ายก็มีความกังวลไม่แพ้กัน

สุพจน์ เอมอิ่ม พ่อค้าจากตลาดสี่มุมเมือง เล่าว่า จำเป็นต้องย้ายมาปักหลักที่ตลาดศรีเมือง จ.ราชบุรี เนื่องจากพื้นที่ค้าขายเดิมถูกน้ำท่วมหมด

“ตลาดศรีเมืองช่วยให้ผมรอดพ้นจากการขาดทุนมหาศาล เพราะได้ลงทุนซื้อผักชีและผักคะน้ามาไว้จำนวนมาก แต่ตลาดกลับถูกน้ำท่วมจนไม่มีที่กระจายสินค้า” พ่อค้ารายนี้อธิบาย

สุพจน์ แสดงความเห็นว่า ไม่เห็นด้วยที่ศูนย์กลางสินค้าเกษตรทุกอย่างต้องไปอยู่ที่ตลาดไทและตลาดสี่มุมเมือง ซึ่งอยู่ใน จ.ปทุมธานี เพียงอย่างเดียว เพราะหากถูกตัดขาดก็จะไม่มีสถานที่สำรอง และมองว่าประเทศไทยถึงเวลาแล้วที่จะต้องมีแผนสำรองเรื่องการกระจายสินค้าอย่างเป็นรูปธรรม เมื่อเข้าสู่สถานการณ์วิกฤต

“ประเทศไทยซึ่งเปรียบดั่งอู่ข้าวอู่น้ำ เมื่อเกิดวิกฤตกลับเลือกที่จะใช้วิธีนำเข้าอาหาร ถามว่ามันเหมาะสมหรือไม่ และหลังจากนี้รัฐบาลจะมีแผนอะไรที่ชัดเจนหรือไม่” สุพจน์ ระบุ

ด้าน พัชรินทร์ สนมเงา แม่ค้าตลาดบางซื่อ ซึ่งเดินทางมาเลือกซื้อสินค้ายังตลาดศรีเมืองเพื่อนำไปขายต่อ บอกว่า ระบบบริหารจัดการของตลาดศรีเมืองไม่แตกต่างจากตลาดสี่มุมเมืองแต่อย่างใด เนื่องจากมีความพร้อมทั้งด้านความหลากหลายของสินค้าและระบบขนส่ง

“แม้ขณะนี้ตลาดไทจะเปิดให้บริการแล้ว แต่ดิฉันคิดว่าที่นี่สะดวกกว่าเดิมมาก คิดว่ารัฐบาลควรศึกษาและนำโมเดลของตลาดศรีเมืองไปปรับใช้ให้ตลาดอื่นๆ มีความพร้อมเป็นศูนย์กระจายสินค้าในภาวะวิกฤต” แม่ค้าตลาดบางซื่อให้ความเห็น

สำหรับตลาดศรีเมือง จ.ราชบุรี มีศักยภาพรองรับรถส่งสินค้าไม่ต่ำกว่าวันละ 1,000 คัน เฉลี่ยมีผลผลิตหมุนเวียนวันละกว่า 7,000 ตัน หรือประมาณวันละ 105 ล้านบาท

นภินทร ศรีสรรพางค์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะเจ้าของตลาดศรีเมือง ระบุว่า เมื่อเกิดสถานการณ์อุทกภัย รัฐบาลมีแผนสำรองที่จะเปิดศูนย์กลางขนส่งสินค้าแห่งใหม่ขึ้น สบช่องให้ตลาดศรีเมืองซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดใน จ.ราชบุรี เข้ามารับบทบาทดังกล่าว

“วันนั้นน้ำดื่ม อาหารกระป๋องเริ่มขาด รัฐบาลก็เริ่มคิดว่าทำอย่างไรไม่ให้คนไทยต้องขาดผัก ผลไม้ และเนื้อสัตว์ และต้องทำอย่างไรไม่ให้ราคาสูงเกินกว่าที่คนจะหาซื้อกินได้ ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะทุกอย่างมันถูกรวมไว้ที่ตลาดไทกับสี่มุมเมืองทั้งหมด” นภินทร ฉายภาพช่วงเกิดสถานการณ์วิกฤต

เมื่อเป็นเช่นนั้น นภินทร จึงเร่งบูรณะตลาดศรีเมืองในเฟสที่ยังไม่ได้เปิดขายจำนวน 200 ไร่ ให้มีความพร้อมสำหรับรองรับผลผลิตทั่วประเทศ โดยมีการแบ่งล็อกขายอย่างชัดเจนว่าพื้นที่ตรงไหนสำหรับวางสินค้าจากจังหวัดใด โดยดำเนินการแล้วเสร็จภายในวันที่ 23 ต.ค. คล้อยหลังที่น้ำเข้าล้อมตลาดสี่มุมเมืองเพียง 2 วัน

“ผมได้จัดหายางมะตอยมาปูพื้นตลาดแทนที่จะเทปูน รวมถึงจัดหาไฟฟ้าและรถสุขามาบริการ เพื่อจะให้สามารถทำงานได้ทันที โดยทั้งหมดเตรียมการภายใต้เงื่อนไขของอุทกภัย” สส.เจ้าของตลาดรายนี้ ระบุ

เขาบอกว่า การเปิดตลาดในครั้งนี้แม้จะได้กำไรไม่มาก แต่ถือเป็นการช่วยประชาชนให้ไม่ต้องประสบกับปัญหาขาดแคลนอาหาร

“จนถึงขณะนี้เราได้ช่วยเหลือพ่อค้าแม่ค้าแล้วกว่า 4,200 ล้านบาท” นภินทร กล่าวอย่างภาคภูมิใจ

นภินทร ยังได้ประสานไปยังตลาดสุรนคร จ.นครราชสีมา เพื่อรองรับและกระจายผลผลิตได้อีกไม่ต่ำกว่าวันละ 4,000 ตัน หรือประมาณวันละ 60 ล้านบาท นอกจากนี้เขายังได้หาช่องทางสำรองไว้ อาทิ ตลาดใน จ.ชลบุรี อุดรธานี และอุบลราชธานี