โรจนะจม!อพยพ3พันชีวิต-198โรงงานท่วม
นิคมโรจนะต้านน้ำไม่ไหวคันกั้นพังเพิ่ม สั่งอพยพ3พันชีวิตพ้นพื้นที่ โรงงาน198แห่งจมสั่งปิดไม่มีกำหนด
นิคมโรจนะต้านน้ำไม่ไหวคันกั้นพังเพิ่ม สั่งอพยพ3พันชีวิตพ้นพื้นที่ โรงงาน198แห่งจมสั่งปิดไม่มีกำหนด
สถานการณ์น้ำท่วมภายนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 9 ต.ค.ยังคงวิกฤตหลังจากที่คันดินกั้นน้ำสูง 6.50 เมตรได้พังทลายลงมาเมื่อช่วงค่ำวันที่ 8 ต.ค.ทำให้น้ำไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่อย่างอย่างต่อเนื่อง
นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า สถานการณ์น้ำท่วมในเขตนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ จ.พระนครศรีอยุธยา อยู่ในขั้นที่ วิกฤตหนัก โดยน้ำได้เข้าไปท่วมโรงงาน 198 แห่งหมดแล้ว และไม่สามารถกู้ได้ แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้เร่งสร้างคันกั้นน้ำให้สูงเพิ่มเป็น 6.5 เมตรจากเดิมอยู่ที่ 5.1 เมตรก็ตาม แต่กระแสน้ำแรงมาก
ด้าน นายวิญญาณ มาลีวัตร นายอำเภออุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ และ อบต. เร่งนำรถออกประกาศให้พนักงานและประชาชนในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ กว่า 3,000 คน เร่งอพยพออกนอกพื้นที่ภายใน 2 ชั่วโมง เพื่อเป็นการป้องกันชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน เนื่องจากคันดินกั้นน้ำที่ได้เสริมขึ้นในระดับ 6.50 เมตรได้เกิดรอยรั่ว และบางจุดได้พังทลายเพิ่ม
ทั้งนี้ในส่วนของทรัพย์สินภายในโรงงานได้ประสานไปยังทหาร และทางจังหวัดให้เข้าช่วยขนย้าย แต่ไม่ทราบว่าจะทันการหรือไม่ เนื่องจากระดับน้ำได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งยังคงมีฝนตกในพื้นที่
อย่างไรก็ตามตลอดคืนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้พยายามอย่างเต็มที่ในการป้องกันน้ำ ไม่ให้ทะลักเข้าท่วมโรงงาน แต่เนื่องจากปริมาณน้ำมีปริมาณมากจึงไม่สามารถต้านทานได้ โดยในพื้นที่ 400 ไร่ ของโซนดีในนิคมฯได้ถูกน้ำท่วมสูงถึง 3 เมตร และในภาพรวมนิคมฯได้ถูกท่วมถึง 70% แล้ว เหลือแค่ฝั่งตะวันออกที่ยังกั้นไว้ได้ แต่เจ้าหน้าที่คาดว่าอีกไม่นานคงกั้นน้ำไม่อยู่ เนื่องจากคันกั้นน้ำเริ่มมีน้ำซึมออกมาหลายจุด
ไฟฟ้ารั่วในนิคมฯช็อร์ตคนดับ2
จากเหตุน้ำเอ่อท่วมนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ ได้ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุกระแสไฟฟ้าช็อต คนขับขี่รถจักรยานยนต์ เข้าไปในบริเวณโรงงานที่ถูกน้ำท่วมและมีกระแสไฟฟ้ารั่วส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตทันที 2 ราย ขณะที่ในตัวเมืองมีผู้ถูกกระแสไฟฟ้าชอร์ตเสียชีวิต 1 รายเช่นกัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ประสานให้การไฟฟ้าตัดกระแสไฟฟ้าแล้ว
ยิ่งลักษณ์ยันท่วมเพียงเฟดเดียว
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวชี้แจงสถานการณ์น้ำท่วมผ่านทางสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจโดยระบุว่า ขณะนี้ได้มอบหมายให้ รมว.อุตสาหกรรม มอบหมายให้ดำเนินการป้องกันน้ำท่วมนิคมอุตสาหกรรมโรจนะและนิคมอุตสาหกรรมอื่นๆในจังหวัดอยุธยาให้ได้ โดยได้รับงานว่า ขณะนี้โรงงานที่อยู่ในเฟด 1 ของนิคมอุตสาหกรรมโรจนะได้ถูกน้ำท่วมและอยู่ระหว่างการกู้กลับมา ขณะที่ เฟด2 และ เฟด 3 ยังไม่มีปัญหาน้ำท่วม
สั่งหยุดโรงงานไม่มีกำหนด
นายประยูร ติ่งทอง อุตสาหกรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ขณะนี้โรงงานในเขตประกอบการอุตสาหกรรมโรจนะ ได้ประกาศหยุดกิจการแบบไม่มีกำหนดจากเดิมที่กำหนดระยะเวลาการหยุดจนถึงวันที่ 13 ต.ค. เนื่องน้ำไหลแรงและมาเร็วมาก โดยใช้เวลาเพียง 5 ชั่วโมง ทำให้ระดับน้ำเพิ่มขึ้นอีก 50ซม.
ทั้งนี้มูลค่าลงทุนในนิคมฯอยู่ในระดับที่ 7 หมื่นล้านบาท มีแรงงาน 9 หมื่นคน อย่างไรก็ตามหลายโรงงานได้ขนของรวมถึงสต็อกและเครื่องจักรที่มีราคาแพงและมีน้ำหนักไม่มากไปไว้ที่สูงเกือบหมดแล้ว โดยเฉพาะผู้ผลิตรถยนต์ ฮอนด้าที่ขนรถยนต์ที่เพิ่งผลิตเสร็จ 3,000 คันได้ทัน
ฮอนด้านเร่งประเมินความเสียหาย
ด้าน บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) แจ้งว่า บริษัทอยู่ระหว่างการประเมินความเสียหายหลังจากน้ำได้ทะลักเข้าสู่ โรงงานผลิตรถยนต์ของบริษัท 2 แห่งในเขตประกอบการอุตสาหกรรมโรจนะ จ.พระนครศรีอยุธยา ที่มีมูลค่าลงทุนรวมกันกว่า 100,000 ล้านบาท มีกำลังการผลิตรถยนต์รวม 240,000 คันต่อปี เนื่องจากน้ำได้ไหลเข้ามาในบริเวณโรงงานเร็วมาก แต่ในเบื้องต้นบริษัทได้ขนย้ายรถยนต์สำเร็จรูปและวัตถุดิบต่างๆออกไปจำนวนมากแล้ว อย่างไรก็ตามลูกค้าที่ต้องรอรถยนต์คงต้องใช้เวลานานอีก เพราะจากเดิมที่เฉลี่ยลูกค้าต้องรอเวลา 2-2.6 เดือน
ขณะที่บรรยากาศบริเวณริมถนนโรจนะ ซึ่งเป็นถนนสายหลักเข้าตัวเมืองอยุธยา มีสภาพไม่ต่างตจากเมืองร้างหลังระดับน้ำท่วมสูงขึ้นกว่า 1 เมตร โดยยังมีประชาชนจำนวนมากที่ติดอยู่ในบริเวณดังกล่าวและไม่สามารถเดินทางออกมาได้ เนื่องจากไม่มีเรือ และรถขนาดใหญ่ที่จะสามารถฝ่าระดับน้ำออกมาได้
สพฉ.ส่งเฮลิคอปเตอร์ย้ายผู้ป่วยหนักจากรพ.อยุธยา
นพ.ชาตรี เจริญชีวะกุล เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) กล่าวว่า จากสถานการณ์ที่ได้รับแจ้งจาก รพ.อยุธยาว่าจำเป็นต้องเคลื่อนย้ายผู้ป่วย สพฉ.จึงประสานเฮลิคอปเตอร์จากกองบินตำรวจ ทหารบก กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อเคลื่อนย้ายผู้ป่วยหนัก
อย่างไรก็ตามในช่วงเช้าที่ผ่านมาทีมแพทย์ฉุกเฉินได้ขึ้นบินสำรวจจุดจอดเฮลิคอปเตอร์เพิ่มเติมด้วย เนื่องจากจุดเดิมที่วางแผนไว้ไม่สามารถลงจอดได้
นอกจากนี้ สพฉ. ได้ประสานรถพยาบาลจาก รพ.สมุทรสาคร รพ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา รพ.สมุทรปราการ รพ.บางจาก รพ.ชลบุรี รพ.นครปฐม กรมแพทย์ทหารบก รพ.บางปะกอก เพื่อลำเลียงผู้ป่วยจากรพ.อยุธยา ด้วย โดยมีจุดนัดพบที่บริเวณโลตัส จ.อยุธยา ซึ่งทางรพ.ในพื้นที่กรุงเทพและใกล้เคียงได้สำรองเตียงเพื่อเตรียมพร้อมรับมือแล้ว


