posttoday

ยึดทรัพย์ชูวิทย์ผิดฟอกเงิน

29 กันยายน 2554

ศาลฎีกาพิพากษากลับ ยึดเงินในบัญชี – หุ้นเครือเดวิส กรุ๊ป “ชูวิทย์ – บจก.โฮ แปซิฟิค” กว่า 3.4 ล้าน

ศาลฎีกาพิพากษากลับ ยึดเงินในบัญชี – หุ้นเครือเดวิส กรุ๊ป “ชูวิทย์ – บจก.โฮ แปซิฟิค” กว่า 3.4 ล้าน ชี้

ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 27 ก.ย.ที่ผ่านมา ศาลแพ่งได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีที่พนักอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด เป็นโจทก์ ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ และบริษัทโฮ แปซิฟิค จำกัด ผู้คัดค้านที่ 1 - 2 รวม 6 รายการ มูลค่า 3,489,453.46 บาท พร้อมดอกผลตกเป็นของแผ่นดิน ตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 3

โดยศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วให้ยกคำร้องของอัยการ ผู้ร้อง ขณะที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้คืนทรัพย์สินตามคำร้องแก่ผู้คัดค้าน ต่อมาอัยการผู้ร้องยื่นฎีกา 

ยึดทรัพย์ชูวิทย์ผิดฟอกเงิน ชูวิทย์

ศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่า ผู้ร้องมีพยาน 2 ปาก ซึ่งทำงานเป็นพนักงานอาบ อบ นวด ที่สถานบริการจูเลียน่า และฮอนโนลูลู ให้การเกี่ยวกับรายละเอียดตั้งแต่การไปสมัครงาน การให้บริการลูกค้า และยังระบุอีกว่าหากไม่ยอมให้บริการทางเพศกับลูกค้าจะถูกนายสมชาย เจนใจ ทำร้ายพยานทั้งสอง และยังมีพ.ต.ท.วัจฉลิน วารินหอมหวน พนักงานสอบสวนสน.มักกะสัน เป็นพยานผู้ร้องเบิกความว่า ต้นปี 2546 เจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ห้วยขวางจับกุมนายสมชายกับพวกในข้อหาเป็นธุระจัดหาค้าประเวณี  หลังจากมารดาของหญิงสาวที่ทำงานในสถานบริการฮอนโนลูลูเข้าแจ้งความ

ผู้บังคับบัญชามอบหมายให้พยานร่วมร่วมทำการสอบสวนกับสน.ห้วยขวาง เพราะสถานบริการอาบ อบ นวด ฮอนโนลูลู อยู่ในพื้นที่สน.มักกะสัน โดยพยานร่วมกับมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรีร่วมตรวจสถานที่เกิดเหตุไม่พบร้านค้ามินิมาร์ทและป้ายห้ามค้าประเวณี ต่อมาได้ประสานกับสำนักงาน ปปง. ดำเนินคดีกับผู้คัดค้าน

นอกจากนี้ ก็ยังมีพยานผู้ร้อง ซึ่งได้กระทำการในลักษณะล่อซื้อการค้าประเวณี เห็นว่าพยานทุกปากไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้คัดค้านทั้ง 2 มาก่อน โดยเฉพาะพยานที่เป็นเจ้าพนักงานของรัฐที่ปฏิบัติราชการตามหน้าที่ จึงไม่มีเหตุให้ระแวงสงสัยว่าจะกลั่นแกล้ง ปรักปรำผู้คัดค้านทั้ง 2 และแม้บริษัทผู้คัดค้านที่ 2 จะมีกฎระเบียบการทำงานของพนักงานโดยห้ามค้าประเวณีหรือมีเพศสัมพันธ์กับลูกค้าในห้องนวดก็ตาม แต่ข้อเท็จจริงหน้าเชื่อว่าเป็นกฎระเบียบที่ออกไว้เป็นพิธีโดยไม่มีการปฏิบัติตามแต่อย่างใด

เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าผู้คัดค้านที่ 1 เป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทผู้คัดค้านที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าของสถานการค้าประเวณีดังกล่าว จึงรับฟังได้ว่าผู้คัดค้านทั้ง 2 มีส่วนเกี่ยวข้องหรือเคยเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับการกระทำที่เป็นความผิด ซึ่งตามบทบัญญัติกฎหมายการฟอกเงินให้สันนิฐานไว้ก่อนว่าบรรดาทรัพย์สินทั้ง 6 รายการตามร้องเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด ซึ่งภาระพิสูจน์จะตกอยู่ที่ผู้คัดค้านทั้ง 2 ซึ่งผู้คัดค้านที่ 2ไม่ได้นำสืบให้เห็นว่าได้ทรัพย์สินทั้ง 6 รายการมาโดยสุจริต กรณีจึงไม่มีเหตุให้ศาลคืนทรัพย์สินดังกล่าวกับผู้คัดค้าน ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยยกคำร้องของอัยการผู้ร้อง ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย

จึงพิพากษากลับว่า ให้เงินในบัญชีธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขา ถนนพระราม 9 และธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขา ถนนรัชดาภิเษก ห้วยขวาง ที่มีเงินเหลืออยู่จำนวน 127,725.06 บาท และ 17,128.40 บาท รวมทั้งหุ้นบริษัทเดวิส ไดมอนด์ สตาร์ จำกัด หุ้นบริษัทเดวิส โคปาคาบาน่า จำกัด หุ้นบริษัทเดวิส โกลเด้นสตาร์ จำกัด และหุ้นบริษัทเดวิส ซิลเวอร์สตาร์ จำกัด รวม 33,446 หุ้น มูลค่า 3,344,600 บาท พร้อมด้วยดอกผลของทรัพย์สินดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดิน 

ด้าน นายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฏร กล่าวว่า  กรณีดังกล่าวเป็นคดีแพ่งเบื้องต้นสมาชิกจะยังไม่พ้นสมาชิกภาพความเป็นส.ส. เพราะการพ้นสมาชิกภาพการเป็นส.ส.ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 102 ( 7 ) ระบุว่าเคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินเพราะร่ำรวยผิดปกติหรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ จะต้องมีผู้ร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากสมาชิกภาพ หรือตัวสมาชิกเองหากต้องการให้ศาลวินิจฉัยย่อมสามารถเสนอให้ศาลวินิจฉัยได้ เบื้องต้นขณะนี้

ข่าวล่าสุด

สังคมสูงวัย เขย่าตลาดอสังหาฯ บ้านแบบไหนตอบโจทย์ Longevity Economy