‘เหลิม’ปูดผลสอบไม่พบฆ่าตัดตอน
อ้างกรรมการยุคคมช.สรุปแล้วคาใจ30ล.เหว่ย เซียะ กังพ้นคุก
อ้างกรรมการยุคคมช.สรุปแล้วคาใจ30ล.เหว่ย เซียะ กังพ้นคุก
เฉลิมโดดฟอกทักษิณไม่มีฆ่าตัดตอน
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดปฏิบัติการวาระแห่งชาติพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดที่ทำเนียบฯ โดยมี ครม.และข้าราชการระดับสูงได้เข้าร่วม
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดิน เพื่อเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติ (ศพส.) กล่าวว่า การปราบปรามยาเสพติดจะยึดหลักนิติรัฐและนิติธรรม ซึ่งในสมัยรัฐบาลที่ผ่านมากล่าวหากันว่ามีการฆ่าตัดตอน แต่จากผลการสอบสวนของรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ได้สั่งให้มีการสอบสวนทั้งหมด และชัดเจนว่าไม่มีการฆ่าตัดตอนแม้แต่คดีเดียว
“นอกจากนี้ คณะกรรมการสอบสวนชุด พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ อดีตรอง ผบ.ตร. ที่ตั้งขึ้นมาก็ระบุเหมือนกันว่า ไม่มีการฆ่าตัดตอน และดูเหมือนจะมีเรื่องเดียวที่ตำรวจไปเกี่ยวข้องคือ กรณีที่อดีตตำรวจ สน.บางชัน ไปยิงรถคนร้ายค้ายาเสพติด แล้วแฉลบไปถูกลูกของคนร้ายหรือน้องฟลุ๊คที่อยู่ในรถด้วยเสียชีวิต” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
รองนายกฯ กล่าวว่า กรมราชทัณฑ์จะต้องเอาจริงเอาจัง เพราะในสมัยหนึ่งเคยไปพบกับหลานชายของ นายเหว่ย เซียะ กัง พ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ ซึ่งได้บอกว่า นายเหว่ย เซียะ กัง ได้จ่ายเงินให้เจ้าหน้าที่ไทย 30 ล้านบาท ซึ่งไม่ได้บอกว่าจ่ายให้กับใคร แต่ได้ทำให้ตรวนที่ผูกเอาไว้ที่ข้อเท้า นายเหว่ย เซียะ กัง หลุดออกจากขาและพ้นจากการถูกจองจำในประเทศไทยเมื่อไม่กี่ปีที่แล้ว
“ผมไม่โทษใคร แต่วันนี้เรื่องแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้นอีก และเราต้องแก้ไขปัญหาให้ถูกจุด โดยเฉพาะการสั่งซื้อขายยาเสพติดจากในเรือนจำ หากท่านไม่สามารถตัดสัญญาณโทรศัพท์หรือห้ามไม่ให้มีการขายโทรศัพท์ในเรือนจำได้ ท่านก็ควรจะดักฟังไปเลย” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า นโยบายปราบปรามยาเสพติดเป็นนโยบายเร่งด่วน โดยตั้งเป้าภายใน 1 ปี จะดำเนินการลดจำนวนผู้ติดยาเสพติดให้ได้ 4 แสนคน
“จากตัวเลขปี 2550 มีผู้เสพ 4.9 แสนคน แต่กลับเพิ่มขึ้น 3 เท่า ใน 4 ปี พื้นที่เป้าหมาย 6 หมื่นกว่าหมู่บ้าน จาก 8 หมื่นกว่าหมู่บ้าน เราต้องคืนลูกหลาน 4 แสนกว่าคน ให้กลับมาเป็นคนดีของสังคม” น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว
พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะรักษาราชการแทน ผบ.ตร. กล่าวว่า ในการปราบปรามยาเสพติดเบื้องต้นจะต้องเห็นผลภายใน 3-4 เดือน ซึ่งต่อจากนี้จะมีการดึงเจ้าหน้าที่จากกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) เข้ามาช่วยประกอบกำลังด้วย แต่จะยังไม่มีการนำชุดปฏิบัติการ ดังกล่าวมาใช้พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะต้องรอการประเมินเสียก่อน
ทั้งนี้ จะมีการสนับสนุนเรื่องงบประมาณต่างๆ ทั้งการจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ และรถยนต์ไว้ใช้ในพื้นที่เข้าไปเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของเจ้าหน้าที่


