เปิดปูม"ปธ.-รองปธ.สภา"จากเพื่อไทย
เปิดปูมประวัติ "สมศักดิ์-เจริญ-วิสุทธิ์" ประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎรของรัฐบาลเพื่อไทย
เปิดปูมประวัติ "สมศักดิ์-เจริญ-วิสุทธิ์" ประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎรของรัฐบาลเพื่อไทย
โดย.....ชัยรัตน์ พัชรไตรรัตน์
และแล้วภายหลังการประชุมสส.พรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 1 ส.ค. ก็มีมติเป็นเอกฉันท์ ด้วยการส่ง นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ สส.ขอนแก่น ชิงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร นายเจริญ จรรย์โกมล สส.ชัยภูมิ ให้เสนอเป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 และนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.พะเยา ชิงตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 และที่ประชุมสภาก็ได้มีมติโหวตให้ดำรงตำแหน่งเป็นที่เรียบร้อย
ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงเหตุผลถึงการเสนอชื่อทั้ง 3 คน เข้ารับตำแหน่งต่อที่ประชุมสส.พรรค เนื่องจากเป็นบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ อีกทั้ง ยังมีความเชี่ยวชาญงานในสภา จึงเป็นเหตุอันสมควรที่ควรได้รับตำแหน่งประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ เพื่อดูแลงานในสภาผู้แทนราษฎร หรืออีกนัยหนึ่งคือคุมเกมไม่ให้ฝ่ายค้านอย่างพรรคประชาธิปัตย์เดินเครื่องได้อย่างสะดวก
อย่างไรก็ดีหากดูประวัติ นายสมศักดิ์ ในฐานะประธานสภาผู้แทนราษฎร เกิดเมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 2497 สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาจาก โรงเรียนขอนแก่นวิทยายน ระดับปริญญาตรี วิศวกรรมศาสตร์บัณฑิต จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น และจบปริญญาโท วิศวกรรมศาสตร์มหาบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ทั้งนี้ นายสมศักดิ์ ได้รับฉายาว่า “ขุนค้อน” สมัยดำรงตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ครั้งแรก เมื่อปี 2540 สังกัดพรรคความหวังใหม่ ในยุคพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกรัฐมนตรี เนื่องจากได้นำค้อนขึ้นมาเคาะบัลลังก์ แบบเดียวกับที่ใช้ในศาลยุติธรรมต่างประเทศ เพื่อระงับเหตุเมื่อเกิดการถกเถียงกัน อีกทั้ง ยังเคยเป็นแกนนำ “กลุ่มอีสานพัฒนา” แต่เมื่อเข้ารับตำแหน่งรมว.กระทรวงวัฒนธรรม ในสมัยรัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช ทำให้เกิดความขัดแย้งกันในกลุ่ม จากนั้นจึงแยกตัวออกไปตั้งกลุ่มใหม่ภายใต้ชื่อว่า “กลุ่มขุนค้อน”
ทว่าเมื่อวันที่ 9 ก.ย. 2551 ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยกรณีนายสมัคร จัดรายการชิมไปบ่นไป และยกโขยง 6 โมงเช้า โดยมีมติเอกฉันท์ให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทำให้คณะรัฐมนตรีทั้งคณะสิ้นสุดลง ต่อมาวันที่ 17 ก.ย. 2551 มีการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่ง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ได้รับเลือกด้วยคะแนน 298 ต่อ 163 (นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) โดยมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้นายสมชายเป็นนายกรัฐมนตรีในวันที่ 18 ก.ย. โดย นายสมศักดิ์ ได้รับตำแหน่งเป็นรมว.กระทรวงยุติธรรม
ด้านนายเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 เคยเป็นหนึ่งในสมาชิก “กลุ่มขุนค้อน” เกิดเมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2503 มีฉายาว่า “ตี๋เล็ก” จบการศึกษาปริญญาตรีสาขานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง มีอาชีพเป็นทนายความ ก่อนเบี่ยงเส้นทางเข้าสู่ถนนการเมือง เมื่อวันที่ 11 ก.ค. 38 - 17 ก.ย. 39 สส.ชัยภูมิ สังกัดพรรคชาติไทย จากนั้น เมื่อวันที่ 24 พ.ย. 39 - 27 มิ.ย. 43 ก็ย้ายมาสังกัดอยู่พรรคความหวังใหม่ และวันที่ 6 ม.ค. 44 - 6 ม.ค. 48 จึงได้ย้ายมาสังกัดในนามพรรคไทยรักไทย เรื่อยมา จนเป็นพรรคพลังประชาชน ก่อนเข้าสู่พรรคเพื่อไทย
นอกจากนี้ ประสบการณ์ทำงานการเมือง นายเจริญเคยมีตำแหน่งเป็นถึงที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี 2539 ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภาผู้แทนราษฎร ประธานคณะกรรมาธิการอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร และประธานคณะกรรมาธิการอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร
ขณะที่ นายวิสุทธิ์ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 เกิดเมื่อวันที่ 13 พ.ค. 2501 เริ่มเข้าสู่ถนนการเมือง เมื่อวันที่ 26 ม.ค. 2551 โดยเป็นสส.แบบแบ่งเขต จ.พะเยา เขต 1 พรรคพลังประชาชน สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จ.เชียงใหม่ นอกจากนี้ ยังเป็นผู้ริเริ่มนำต้นยางพารามาปลูกครั้งแรกในจังหวัดพะเยา อีกทั้ง ยังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การป้องกันปราบปรามการฟอกเงินและยาเสพติด สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 23 (พ.ศ. 2551)
ในช่วงการต่อสู้คนเสื้อแดง นายวิสุทธิ์ ยังเป็นแกนนำเสื่อแดงจ.พะเยา และมาร่วมรวมถึงจัดกิจกรรมชุมนุมขับไล่รัฐบาลอภิสิทธิ์และอำมาตย์อย่างดุเดือด โดยเมือปีที่แล้ว นายวิสุทธิ์ตกเป็นข่าวครึกโครมหลังถูกพาดพิงกรณีที่ น.ส.วสา เทพเรียน เลขานุการประจำคณะกรรมาธิการฯ เข้าไปเกี่ยวข้องกับการรับโอนเงินให้ นายกษิ ดิฐธนรัชต์ นักธุรกิจปุ๋ยยูเรียข้ามชาติ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาคดีลอบวางระเบิดสมานเมตตาแมนชั่น ซึ่งเป็นคนให้เงิน นายสมัย วงศ์สุวรรณ อดีตการ์ดแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) มาเช่าห้องพัก
อย่างไรก็ตาม นายวิสุทธิ์ ยังเคยยอมรับว่า เป็นคนเสนอชื่อน.ส.วสา เป็นเลขานุการประจำคณะฯ เนื่องจากน.ส.วสา เป็นเพื่อนกับลูกสาว จึงฝากให้เข้ามาทำงานเป็นเลขานุการประจำคณะฯ และรู้สึกเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น และที่ผ่ามา ก็งานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ตรงไปตรงมาตลอด แต่พอเกิดเหตุการณ์ตรงนี้ขึ้นมันทำให้รู้สึกละอายใจ แม้ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว และขอประณามการลอบวางระเบิดที่ทำลายบ้านเมือง ทำร้ายประชาชนที่ไม่รู้เรื่องด้วย
นั่นเป็นเส้นทางของ ประธานสภาและรองประธานสภา ภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย ซึ่งทั้ง 3 ล้วนมาจากพรรคเดียวกัน


