ขุมทอง"ยูกันดา"ขุมพลังเพื่อไทย
ความมั่งคั่งนี้ได้ส่งผลให้ สส.เพื่อไทยและพลพรรคต่างมั่นใจว่า “ทักษิณ” จะนำพาพรรคเพื่อไทยให้ชนะเลือกตั้งได้ จึงไม่คิดหนีจากไปไหน....
ความมั่งคั่งนี้ได้ส่งผลให้ สส.เพื่อไทยและพลพรรคต่างมั่นใจว่า “ทักษิณ” จะนำพาพรรคเพื่อไทยให้ชนะเลือกตั้งได้ จึงไม่คิดหนีจากไปไหน....
การหาเสียงเลือกตั้งกำลังดำเนินไปอย่างเข้มข้น และถึงนาทีนี้ ผลสำรวจสำนักโพลต่างๆ ก็ชี้ไปทิศทางเดียวกันว่าพรรคเพื่อไทยมีแต้มต่อสูงสุด แต่ระยะเวลาที่เหลืออยู่จากนี้ไป ทุกอย่างมีโอกาสพลิกผันได้ตลอดเวลา
เบื้องหลังความร้อนแรงของพรรคเพื่อไทยคงหนีไม่พ้น “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี แม้จะอยู่ต่างแดน แต่ไม่เคยห่างข้อมูลจากเมืองไทยเลย และเขายังคงกุมบังเหียนพรรคเพื่อไทยอย่างแท้จริง
ปฏิเสธไม่ได้ว่านอกจากเป็นคนไอเดียบรรเจิดแล้ว ความร่ำรวยของ “ทักษิณ” ยังทำให้เขาทรงอิทธิพลจนถึงทุกวันนี้
ความมั่งคั่งนี้ได้ส่งผลให้ สส.เพื่อไทยและพลพรรคต่างมั่นใจว่า “ทักษิณ” จะนำพาพรรคเพื่อไทยให้ชนะเลือกตั้งได้ จึงไม่คิดหนีจากไปไหน แม้ทักษิณต้องหนีไปอยู่ต่างประเทศ หรือแม้ว่าพรรคไทยรักไทยและพลังประชาชนจะถูกยุบก็ตาม
ปัจจัยที่ทำให้ สส.พรรคเพื่อไทยมั่นใจว่าทักษิณและครอบครัวยังร่ำรวยอยู่ แม้จะถูกยึดทรัพย์ไปกว่า 4 หมื่นล้านบาท คือ ทรัพย์สินที่รอดพ้นการยึดทรัพย์ ซึ่งคาดว่าน่าจะยังมีอยู่อีกประมาณ 3 หมื่นล้านบาท
ที่สำคัญไปกว่านั้น คือ ขุมทรัพย์ในต่างประเทศของทักษิณที่ร่ำลือกันว่ามีอีกมากมายมหาศาล ทั้งเรื่องของธุรกิจเหมืองทอง เหมืองเพชร สัมปทานน้ำมัน
“ทักษิณ” ได้เปิดใจให้สัมภาษณ์โพสต์ทูเดย์เกี่ยวกับการทำธุรกิจขณะนี้ว่า ได้ทำธุรกิจเกี่ยวกับเหมืองทองใน 5-6 ประเทศ และที่มากที่สุดอยู่ในประเทศยูกันดาถึง 31 เหมือง นอกนั้นอีก 5 ประเทศ มีอย่างละ 1-2 เหมือง รวมมูลค่า 5.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งหักส่วนที่ต้องจ่ายค่าสัมปทานให้กับรัฐบาลประเทศนั้นๆ แล้ว ก็ยังมีรายได้เหลืออีกนับหมื่นล้าน
“ส่วนใหญ่ผมทำคนเดียว แต่บางที่ก็หุ้นกับเพื่อน กับรัฐบาล แต่ผมถือหุ้นใหญ่ หุ้นกับเพื่อน เราจะเข้าตลาดในลักษณะโฮลดิงชื่อ กลุ่มโกลบอลพีเอสไมนิง”
นอกจากนี้ ยังมีเหมืองแพลทินัม หรือทองคำขาว เป็นแร่ที่มีมูลค่าสูงมาก แพงกว่าทอง ซึ่งการสำรวจเบื้องต้นยังไม่เสร็จสิ้น พบว่ามีแพลทินัมอยู่ 33 ล้านออนซ์ ราคาตลาดโลกอยู่ที่ 1,812 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์
“อีกสักปีครึ่งก็คงจะเปิดหน้าเหมืองทองได้หมด ถ้าเปิดหมดก็เข้าตลาดหลักทรัพย์ได้” ทักษิณ กล่าวอย่างมั่นใจ
อย่างไรก็ตาม “ทักษิณ” บอกว่า ขณะนี้ธุรกิจเหมืองทองกำลังไปได้ดี แม้จะยังไม่ขุดเจาะทั้งหมด แต่ก็มีมูลค่าแล้ว เหมือนผลิตเศษกระดาษเป็นเงิน ถ้าซื้อที่ดินมาแปลงหนึ่งแล้วขายต่อก็ได้กำไรนิดเดียว แต่ถ้าถมที่ให้เสร็จก่อนแล้วจึงขายก็จะได้กำไรเพิ่มขึ้น
“เมื่อขุดเจาะแล้วตัดถนน เอาน้ำเอาไฟเข้าก็ได้มูลค่าเพิ่ม แต่ถ้าทำเหมืองเลยเหมือนปลูกบ้านขายก็ได้กำไรเพิ่มขึ้น ต้องมีการปรับปรุง เช่นเดียวกับการทำเหมือง คือ ต้องเริ่มต้นตั้งแต่สำรวจให้ได้ข้อมูลก่อน ปรับปรุงพื้นที่ พอเริ่มมีน้ำไฟเข้ามายังพื้นที่ก็เริ่มขายได้กำไรแล้ว แต่ถ้าจะให้ถึงกับเอาเข้าตลาดหุ้นได้ ต้องถึงขั้นสำรวจขุดเจาะ หรือเรียกว่าทำไดมอนด์ดีลลิง จนรู้ว่ามีทองจำนวนเท่าใดแน่ มีแร่อยู่ตรงจุดไหน จึงตีราคาได้”
ทักษิณ ขยายความธุรกิจนอกประเทศว่า สำหรับตลาดรับซื้อนั้นมีหลายที่ เช่น แคนาดา อังกฤษ ออสเตรเลีย เมื่อทำไดมอนด์ดีลลิงเสร็จ ถ้าเงินไม่พอก็อาจจะใช้วิธีขายหุ้นบางส่วน ได้เงินมาบางส่วนก่อน แล้วค่อยเปิดหน้าเหมืองแล้วนำไปเข้าตลาดหุ้น ราคาก็ดีขึ้น
ด้านธุรกิจอื่นๆ ทักษิณ บอกว่า เหมืองเพชรได้ตกลงกันแล้ว แต่กำไรน้อย จึงยังไม่ทำอะไร ส่วนเรื่องลอตเตอรี่ไปทำแล้ว แต่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ในยูกันดาฐานะยากจน คิดว่าคงจะยกให้รัฐบาล และจะทำเหมืองอย่างเดียว
ทักษิณ บอกอีกว่า ขณะที่ธุรกิจน้ำมันและก๊าซธรรมชาติก็มีสัมปทานอยู่ แต่ยังไม่จบ นอกจากนี้ยังลงทุนโรงงานสร้างเฮลิคอปเตอร์ในกรุงอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือยูเออี โดยใช้เทคโนโลยีจากประเทศยูเครน เป็นเฮลิคอปเตอร์ขนาดเล็ก 2 เครื่องยนต์ เมื่อเกิดอุบัติเหตุสามารถดีดออกมาพร้อมห้องเครื่อง เป็นการร่วมลงทุนกับเพื่อนที่ยูเออี โดยซื้อเทคโนโลยีมาในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ
ทักษิณ ยังได้บอกถึงแรงบันดาลใจที่มาทำธุรกิจย่านแอฟริกา ว่า มาจากหลวงพ่อรูปหนึ่ง ซึ่งไม่อยากเอ่ยชื่อ เพราะเกรงจะถูกรบกวน
“หลวงพ่อบอกผมตอนที่ผมจะออกมาอยู่ต่างประเทศครั้งที่ 2 หลวงพ่อบอกว่าไปอยู่เมืองนอกอย่าเครียด ปล่อยใจให้ว่าง นั่งสมาธิบ้าง แล้วก็ทำธุรกิจไป จะทำให้มีรายได้จากธุรกิจมากกว่าในเมืองไทยเยอะ ตอนแรกผมก็ไม่เชื่อว่ามันเป็นไปได้ยังไง เพราะอยู่เมืองไทยเราหามาทั้งชีวิต มันได้ขนาดนั้น แล้วถ้ามาอยู่เมืองนอกระยะสั้นๆ มันจะไปมีเยอะอย่างนั้นได้ยังไง”
เริ่มแรกทำลอตเตอรี่ เพื่อนผมที่เป็นประธานาธิบดียูกันดา บอกว่า ทำไมยูไม่ทำเหมืองทอง ก็เลยไปศึกษาทางอินเทอร์เน็ตก็ดูเข้าท่าดี ทำไม่ยาก
“เมื่อเริ่มสำรวจก็เลยรู้ว่ามันจริง หลวงพ่อพูดจริง เราก็ไม่คิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ ก็ไม่เชื่อ อย่างไปทำลอตเตอรี่ ซึ่งไม่คิดทำรวย แต่คิดอยากจะช่วยชาวบ้านเขา จึงจะขายกลับให้รัฐบาลเขาแล้ว และเมื่อคิดจะไปทำเรื่องเทเลคอมซึ่งเป็นอาชีพเดิมก็ไม่ไหว เข้ามาช้าแล้ว จึงหันไปทำเหมืองทอง”
ครั้นเมื่อถามว่าหลวงพ่อได้บอกไหมว่าจะได้กลับประเทศเมื่อไหร่ ทักษิณ ตอบแบบเขินๆ ว่า เร็วๆ นี้ แต่ไม่ได้ระบุชัด
“ผมเองก็ไม่ได้เชื่อท่านทุกเรื่อง ท่านนั่งสมาธิของท่านแล้วบอกว่าทรัพย์เดิมของผมนั้นอยู่แอฟริกา ตอนแรกผมก็ไม่เชื่อ แต่พอผมไปเปิดอินเทอร์เน็ต คองโกสำรวจแล้วพบว่าสินแร่ที่มีมูลค่าเท่ากับค่าจีดีพีของสหรัฐอเมริกาและยุโรปรวมกัน แต่คนในประเทศแถบนี้ คุณภาพของคนนั้นไม่ได้”
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ได้วางแผนที่จะเอาคนไทยมาบุกบางประเทศ ที่ได้ไปเห็นมาแล้วมีสินทรัพย์ในดินสูงกว่าอเมริกากับยุโรปรวมกัน และประเทศตะวันตกยังไม่เข้าไปเพราะกลัวความไม่ปลอดภัย ความยากลำบาก และความยุ่งยากทางการเมือง
“ผมไม่กลัว เขาต้อนรับอย่างดีเหมือนอดีตนายกฯ ทั่วไป บางที่ก็ได้ลงไปดูในพื้นที่ด้วยตัวเอง บางที่ก็จ้างนักธรณีวิทยาไปสำรวจ และในอนาคตผมวางแผนที่จะพาคนไทยมาทำงานที่นี่ โดยมีรัฐบาลเป็นผู้สนับสนุนส่งเสริม โดยมีข้อแม้กับประเทศว่าทองที่สำรวจพบส่วนหนึ่งต้องนำกลับประเทศไทย”
ทั้งนี้ อยากให้ประเทศไทยมั่งคั่ง โดยเฉพาะทองคำ หวังที่จะให้ในอนาคตเมืองไทยจะต้องเป็นบิลเลียนแบงก์ ทำไมประเทศมหาอำนาจทำได้ แต่ไทยทำไม่ได้ เพราะว่าไม่มีความสามัคคีกัน
“บ้านเราข้าวชามเดียวกันก็แย่งกันอยู่นั่นแหละ บางที่ซึ่งไปสำรวจมา น้ำมีเยอะมาก ปลูกข้าวได้ 3 ฤดู ถ้าเราเอาชาวนาเราไปปลูกข้าว ไม่ต้องขนข้าวจากไทยมาขาย ปลูกที่นั่น ขายที่นั่น ความต้องการข้าวเขาเยอะ ใช้คนที่นั่นมาเป็นลูกจ้างเรา คนไทยมีความสามารถ เป็นเถ้าแก่ได้หมด เราต้องไปให้ถึงดูไบที่เอาคนต่างชาติมาเป็นลูกจ้าง แต่เราเอาคนต่างชาติมาเป็นนาย ระบบของเขาเอื้อให้คนท้องถิ่นเป็นเถ้าแก่”
ทักษิณ บอกอีกว่า ถ้าลงทุนเหมืองแร่ได้ จัดการด้านการเกษตรได้ ต่อไปอาหารที่ผลิตออกมา ขายเท่าไหร่ก็ไม่พอ คนไทยมีความสามารถด้านนี้อยู่แล้วก็ใช้ให้เป็นประโยชน์ ถามว่าไปอยู่ต่างประเทศมานาน ได้อะไรมา ก็ต้องบอกว่าได้สิ่งนี้มา และหากถามว่าทำอย่างไรถึงจะดูดเงินจากต่างประเทศมาได้ ก็รู้วิธีแล้วไง
ทั้งหมดนี้คงทำให้ สส.เพื่อไทยไม่มีวันเปลี่ยนใจหนีจากทักษิณ หากไม่จำเป็นจริงๆ
****************************
ทรัพย์ทักษิณในไทย
คณะกรรมการตรวจสอบการกระที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ได้มีคำสั่งอายัดทรัพย์พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และ ครอบครัวจากการขายหุ้นและเงินปันผลหุ้นของบริษัทชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) 76,621,603,061.05 บาท
ทั้งนี้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้มีคำพิพากษาให้ทรัพย์สิน 46,373,687,454.70 บาทพร้อมดอกผลตกเป็นของแผ่นดินตามคำสั่งของคตส.
ส่วนทรัพย์สินอีกจำนวน 30,247,915,606.35 บาท ซึ่งที่เป็นการซื้อขายหุ้นก่อนการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีให้ถือเป็นทรัพย์สินที่พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิง พจมาน ดามาพงศ์ ที่มีมีอยู่เดิมและไม่อาจตกเป็นของแผ่นดินได้ตามคำร้อง
อย่างไรก็ตามแม้พ.ต.ท.ทักษิณ จะถูกยึดทรัพย์ในคดีขายหุ้นบริษัทชินคอร์ปอเรชั่นไป 4.6 หมื่นล้านบาท แต่หากกวาดตามองออกไปแล้ว จะเห็นว่าอาณาจักรธุรกิจของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่สร้างเอาไว้นับสิบปี ขยายใหญ่มากเกินกว่าขอบเขตในเรื่องโทรคมนาคมอย่างเดียว
พ.ต.ท.ทักษิณและครอบครัว ยังมีธุรกิจอีกมาก ทั้งอสังหาริมทรัพย์ โรงแรม คอมพิวเตอร์ การโฆษณาประชาสัมพันธ์ และธุรกิจสื่อ
ธุรกิจเครือชินวัตรที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดียึดทรัพย์ ประกอบด้วย บริษัท เวิร์ธ ซัพพลายส์ มูลค่าสินทรัพย์ 4,600 ล้านบาท บริษัท ประไหมสุหรี พร้อพเพอร์ตี้ 3,340 ล้านบาท , บริษัท โอเอไอ คอนซัลแต้นท์แอนด์แมนเนจเม้นท์ 700 ล้านบาท บริษัท โอเอไอ เอ็ดดูเคชั่น 2,500 ล้านบาท
บริษัท เอส ซี ออฟฟิซ ปาร์ค 350 ล้านบาท บริษัท เอสซี ออฟฟิซ พลาซ่า 2,245 ล้านบาท บริษัท พี.ที.คอร์ปอเรชั่น 3,700 ล้านบาท บริษัท เอส ซี เค เอสเทต 2,182 ล้านบาท บริษัท บี.บี.ดี. ดีเวลลอปเม้นท์ 3,375 ล้านบาท , บริษัท บี.บี.ดี.พร็อพเพอร์ตี้ 2,322 ล้านบาท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น 7,361 ล้านบาท บริษัท ฮาวคัม สตูดิโอ 39 ล้านบาท บริษัท ฮาวคัม มีเดีย 22.8 ล้านบาท บริษัท วอยซ์ ทีวี 137 ล้านบาท
ทั้งนี้เมื่อรวมมูลค่าอาณาจักรธุรกิจของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ยังอยู่ในประเทศไทยยังมีสูงถึง 32,874 ล้านบาท


