posttoday

ส่อง "ทุนการเมือง" สู้ศึกเลือกตั้ง62

05 มกราคม 2562

ศึกเลือกตั้งครั้งนี้ ใครจะแพ้ ใครจะชนะ วัดกันตรง "ทุน" ที่วางอยู่หน้าตักของแต่ละพรรคการเมือง

ศึกเลือกตั้งครั้งนี้ ใครจะแพ้ ใครจะชนะ วัดกันตรง "ทุน" ที่วางอยู่หน้าตักของแต่ละพรรคการเมือง

****************************************

โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์

การสู้ศึกเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคใดจะแพ้ หรือชนะ วัดกันตรง “ทุน” ที่วางอยู่หน้าตักทุกพรรค พรรคใดทุนหนาย่อมมีความได้เปรียบกว่าพรรคทุนน้อย

ส่องดูพรรคที่ถูกการกล่าวขานมากที่สุด หนีไม่พ้น พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มีนายทุนขาใหญ่สุดในพรรค คือ กลุ่มสามมิตร “สมศักดิ์ เทพสุทิน” อดีต สส.สุโขทัย นักการเมืองรุ่นเก๋ามากประสบการณ์ และเส้นสายการเมืองที่พกพา “เสี่ยแฮงค์” อนุชา นาคาศัย อดีต สส.ชัยนาท ประธานสโมสรฟุตบอลชัยนาทเอฟซี มาผนึกกำลังกับ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” นักธุรกิจและนักการเมืองชื่อดังระดับหมื่นล้าน ที่ขนอดีต สส.ดังๆ เข้าพรรคกว่าร้อยชีวิต แต่ละคนค่าตัวเกินเจ็ดหลักทั้งสิ้น

“สุริยะ” เป็นถุงเงินใหญ่ของพรรค เพราะได้พา “พงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ” ประธานฝ่ายบริหาร บริษัท ซัมมิท ไพน์เฮิร์สท กอล์ฟ คลับ มารับตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคด้วย แต่ใน พปชร.ยังมีก๊วนการเมืองย่อยๆ แต่ละก๊วนทุนหนาไม่เบา อาทิ กลุ่มชลบุรี อดีตพรรคพลังชล
นำโดย “สนธยา คุณปลื้ม” อดีตรัฐมนตรี และอดีต สส.ชลบุรี ทุนใหญ่ตระกูล “คุณปลื้ม” ผู้กว้างขวางภาคตะวันออก

หรือก๊วนอุบลฯ ของ “ปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข” อดีต สส.พรรคเพื่อไทย ก๊วนโคราช ของ “วิรัช รัตนเศรษฐ” อดีต รมช.เกษตรและสหกรณ์ และอดีต สส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย ก๊วนกาญจนบุรี ของ “ธรรมวิชญ์” และ “อัฎฐพล” โพธิพิพิธ บุตรชายของ “ประชา โพธิพิพิธ” หรือกำนันเซี๊ยะ อดีต สส.กาญจนบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ทั้งหมดล้วนเป็นเศรษฐีภูธร

แถมยังได้ผนึกนายทุนใหญ่ที่ย้ายมาจากพรรคเก่าแก่ อาทิ กลุ่มเมโทรแมชีนเนอรี่ ของ “ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ” อดีต สส.กทม. ปัจจุบันเป็นรองหัวหน้าพรรค เป็นแม่งานใหญ่ในการจัดโต๊ะจีนระดมทุนเข้าพรรคล่าสุดทะลุ 600 ล้านบาท

แต่ที่สุดแห่งนายทุนพรรค คือ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” 1 ใน 3 มิตร กำลังสำคัญในการตั้งพรรคมี 4 รัฐมนตรี “อุตตม สาวนายน” รมว.อุตสาหกรรม ในฐานะหัวหน้าพรรค, “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” รมว.พาณิชย์ ในฐานะเลขาธิการ, สุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และกอบศักดิ์ ภูตระกูล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ค่อยเป็นมือไม้ในการประสานงาน ดังนั้น “สมคิด” จึงเป็นแม่เหล็กพลังสูงดึงดูดเงินจากภาคธุรกิจมาสนับสนุนพรรคได้อย่างมากมายอย่างน่าทึ่ง

และยังได้แรงเสริมจากทุนยักษ์ใหญ่วงการสื่อสารมวลชน “มาดามเดียร์” วทันยา วงษ์โอภาสี นายทุนกลุ่มธุรกิจสื่อชื่อดังย่านวิภาวดีรังสิต ครอบครองสื่อทุกแพลตฟอร์ม ผนึกกับ “วิเชฐ ตันติวานิช” อดีตรองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ และอดีตผู้บริหาร Money Channel มากประสบการณ์ด้านสื่อมาช่วยหนุนเสริม ทั้งหมดคือขุมกำลังของพรรคพลังประชารัฐที่เพียบพร้อมทั้งกำลังคนและเสบียง กระสุนดินดำครบครัน พร้อมรบทุกด้าน

ต่างจากพรรคเก่าแก่ที่ค่อนข้างเงียบเหงา เพราะนายทุนใหญ่ที่หาเงินเข้าพรรคตีจากไปหลายคน “พรรคประชาธิปัตย์” นำโดย“อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ท่อน้ำเลี้ยงใหญ่ยังคงเป็นกลุ่มทุนหน้าเดิมๆ ส่วนใหญ่เป็นคนตระกูลดัง หรือนักธุรกิจ ที่ล้วนมีสายสัมพันธ์กับการก่อตั้งพรรค ผู้บริหาร หรือ สส.ในพรรค อาทิ ตระกูลโสภณพนิช หรือกลุ่มนักธุรกิจที่สนับสนุนในรูปแบบเงินบริจาค เช่น เบญจจินดา โฮลดิ้ง, ยิบอินซอย, อินเตอร์เนชั่นแนล รีเสิร์ช คอร์ปอเรชั่น, เสริมสงวน กรุงธนเอนยิเนียร์, สุพรีม ดิสทิบิวชั่น (ไทยแลนด์) สงขลาฟินิชชิ่ง อาจรวมถึงเครือดุสิตธานี คอนเนกชั่นผ่านทาง “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” ในฐานะเขยดุสิตฯ หรือกลุ่มทุนขาประจำที่มักสนับสนุนทุกข้างไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์ชนะได้เป็นรัฐบาลหรือไม่ แต่ระยะหลังๆ นี้กร่อยมาก เพราะกลุ่มทุนใหญ่ภายในพรรคย้ายข้างไปซบ พปชร.กันเยอะ ส่วนกลุ่มทุนหน้าใหม่ๆ ก็ไม่วิ่งเข้ามาอีก ถุงเงินสนับสนุน ปชป.จึงดูแฟบๆ

ฟาก “พรรคเพื่อไทย” ยังคงเป็น “ทักษิณ ชินวัตร” ตระกูลชินวัตร นายทุนใหญ่ตลอดกาล ซูเปอร์แม่เหล็กดึงดูดทุนเข้ามาสนับสนุนพรรค แต่ตอนนี้แตกสาขาสอง คือ พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ทำให้นายทุนใหญ่เดิมที่เคยอุดหนุนพรรคเพื่อไทย ย้ายไปกองอยู่ “ทษช.” กันเยอะมาก จึงทำให้ทุนสนับสนุนพรรคแยกเป็นสองกอง อาทิ “พิชัย นริพทะพันธุ์” อดีต รมว.พลังงาน “องอาจ เอื้ออภิญญกุล” พี่ชาย “วรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล” เจ้าของธุรกิจกลุ่มบ้านปู และบริษัท เฉลิมโลก ของ “วิรุฬ เตชะไพบูลย์” อดีต รมช.พาณิชย์ สมัยรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช รวมถึง “พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล” อดีตรองเลขาธิการพรรคไทยรักไทย สมาชิกบ้านเลขที่ 111 หรือ “สงคราม กิจเลิศไพโรจน์” อดีตเหรัญญิกพรรคพลังประชาชน ล้วนย้ายมาอยู่ “ทษช.” กันหมด ทำให้ทุนใหญ่ในพรรคเพื่อไทย ตกอยู่ในกำมือของ “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” ประธานยุทธศาสตร์พรรค

ส่วนพรรคระดับกลางที่พาวเวอร์ด้านกำลังทุนไม่แพ้พรรคใดๆ “พรรคภูมิใจไทย” แกนนำเบอร์หนึ่ง คือ “เนวิน ชิดชอบ” พรรคนี้นายทุนใหญ่เพียบ รวยอันดับต้นๆ ของประเทศ อาทิ เจ้าสัวรับเหมาก่อสร้างแห่งบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น ของ “ชวรัตน์ ชาญวีรกูล” ซึ่งมีทายาทอย่าง “อนุทิน ชาญวีรกูล” หรือ “เสี่ยหนู” หัวหน้าพรรคคอยสั่งการรองจากเนวิน อีกทุนใหญ่ คือ ตระกูลศรีรักอักษร ที่แม้วันนี้ “เสี่ยวิชัย” ได้เสียชีวิตไปแล้วแต่ทายาทของอาณาจักรคิง เพาเวอร์ ยังคงให้การสนับสนุนไม่เปลี่ยนแปลง

อีกพรรคแม้ขนาดจิ๋วแต่แจ๋วน่าจับตามอง “พรรคพลังท้องถิ่นไท” ที่มี “ชัชวาลย์ คงอุดม” เจ้าของธุรกิจสื่อชื่อดังบนถนนราชดำเนินที่รู้จักกันดีว่ามีอิทธิพลสูงในวงการธุรกิจสีเทาท่อน้ำเลี้ยงดีไม่ใช่น้อย ที่สำคัญสนิทแนบแน่นกับ “สมคิด” เบอร์หนึ่งทุนใหญ่แห่งพรรค พปชร.อีกต่างหาก

สำหรับพรรคเก่าแก่อย่าง “พรรคชาติไทยพัฒนา” ที่สิ้นบุญ “บรรหาร ศิลปอาชา” ตกทอดมาสู่รุ่นลูก “หนูนา” กัญจนา ศิลปอาชา ทายาทมังกรเติ้ง เป็นหัวหน้าพรรค โดยมี “ประภัตร โพธสุธน” เลขาธิการพรรค ยังใช้แนวทางเดิมๆ สมัยคุณพ่อเติ้ง ที่ถนัดหากระสุนดินดำแบบเงียบๆ

ปิดท้าย พรรครวมพลังประชาชาติไทย หรือ “รปช.” ที่มี “ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล” เป็นหัวหน้าพรรค แต่บุคคลที่คอยจัดหากระสุนดินปืนไว้สู้ศึกเลือกตั้งคราวนี้ คือ “ลุงกำนัน” สุเทพ เทือกสุบรรณ นายหนังตะลุงผู้กำกับอยู่ข้างหลัง

ล่าสุดจัดงานระดมทุนตุนท่อน้ำเลี้ยงไป 234 ล้านบาท ซึ่งรับรู้กันดีว่าล้วนเป็นกลุ่มทุนเดิมๆ ที่เคยหนุนครั้งการชุมนุมของ กปปส.ในอดีต อาทิ กลุ่มพ่อค้าเชื้อสายอินเดีย นายหัวเศรษฐีปักษ์ใต้ กาแฟยี่ห้อดังใน จ.ชุมพร กลุ่มธุรกิจประกัน กลุ่มทุนธุรกิจน้ำตาล หรือกลุ่มธุรกิจเหล้าเบียร์มาช่วยลงขัน เป็นต้น เพราะมั่นใจในศักยภาพ “สุเทพ” อดีตผู้จัดตั้งรัฐบาลมาหลายสมัย บรรดากลุ่มทุนจึงเชื่อมั่นว่าครั้งนี้คงไม่พลาดได้ร่วมรัฐบาลอย่างแน่นอน งานนี้ “สุเทพ” จึงยอมทุ่มหมดหน้าตัก