posttoday

พระพยอม หนุนชะล้างสงฆ์ สมณศักดิ์อย่าเล่นเส้น-สอบบัญชีวัด

07 มิถุนายน 2561

ศรัทธาของพุทธศาสนิกชนกำลังถูก สั่นคลอนอย่างหนักหน่วง หลังจากที่ 7 พระชั้นผู้ใหญ่ตกเป็นผู้ต้องหาคดีทุจริต ซึ่งเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับเงินทอง

โดย...กันติพิชญ์ ใจบุญ

ศรัทธาของพุทธศาสนิกชนกำลังถูก สั่นคลอนอย่างหนักหน่วง หลังจากที่ 7 พระชั้นผู้ใหญ่ตกเป็นผู้ต้องหาคดีทุจริต ซึ่งเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับเงินทอง

ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเรื่องความโลภ ความอยากในทรัพย์สิน อำนาจ บารมี เป็นตัวขับเคลื่อนให้เกิดมลทินภายในจิตใจ ที่สามารถแปรเปลี่ยนคนดี หรือคนที่เป็นอันเคารพกราบไหว้ เฉกเช่นพระสงฆ์ ให้กล้ากระทำความผิดที่หักข้อกฎหมายของทางโลก

เกิดคำถามว่า ถึงเวลาแล้วหรือไม่ ที่การปฏิรูปวงการพระสงฆ์ของเมืองไทยควรเกิดขึ้นอย่างจริงจังและเร่งด่วนในทันที

เสียงของพระผู้ใหญ่ที่รู้จักกันดีในเมืองไทยอย่าง พระราชธรรมนิเทศ หรือ พระพยอม กลฺยาโณ พระนักเทศน์และเจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว สะท้อน มุมมองที่เกิดขึ้นกับอดีตพระเถระและอดีตพระชั้นผู้ใหญ่ของประเทศ ที่ถูกดำเนินคดีประวัติศาสตร์ไว้อย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะกับคำถามที่ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นจะกระเทือนต่อพุทธศาสนิกชนหรือไม่ ซึ่งคำตอบจากพระนักเทศน์ชื่อดัง ผู้นี้ มองว่าศรัทธาของประชาชนไม่ได้สั่นคลอนลงไปแม้แต่น้อย

"ที่บอกว่าไม่สั่นคลอน เพราะเห็นได้ชัดว่าเมื่อวันวิสาขบูชาที่ผ่านมา ประชาชนจำนวนไม่น้อยยังเดินทางไปทำบุญยังวัดต่างๆ ที่อดีตพระสงฆ์ไปก่อเรื่องเอาไว้ ซึ่งทำให้เห็นว่าพุทธศาสนากับตัวบุคคลนั้นได้แยกออกจากกัน และพระธรรมมีผลต่อจิตใจพุทธศาสนิกชนมากกว่าตัวพระสงฆ์" พระพยอม สะท้อนมุมมอง

พระพยอมเห็นภาพที่ชัดเจนและเปรียบเทียบว่า ประชาชนหรือพุทธศาสนิกชนมองศาสนาว่าคือต้นไม้ใหญ่ และพระสงฆ์คือคนที่ปีนขึ้นไปเก็บดอกผล แต่คนที่ละโมบโลภมากเมื่อปีนขึ้นไปแล้วก็อาจตกลงมา กรณีที่เกิดขึ้นก็เช่นกัน เราจึงได้เห็นภาพว่าคนฉลาดมากขึ้น แยกแยะออกจากกันระหว่างพระไม่ดีกับศาสนา และเชื่อได้สนิทว่า การกวาดล้างวงการสงฆ์เพื่อให้สะอาดมากขึ้นจะเกิดขึ้นอีกแน่นอน เพราะสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก พระองค์มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล มีความก้าวหน้า ซึ่งพระองค์จะนำพาพระพุทธศาสนาให้ก้าวไกลได้อย่างดี

"เรื่องเงินๆ ทองๆ กับพระสงฆ์เป็นเรื่องที่ยุ่งยากอย่างมาก จะไปว่าคนมาบริจาคเงินให้ก็ไม่ได้ เพราะเขาคง ไม่บริจาคจำนวนมากแน่นอน แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นคือรัฐบาลจ่ายเงินงบประมาณให้กับวัดมากเกินไป เมื่อคนเห็นเงินมันก็เกิดกิเลส เกิดความโลภ ข้าราชการก็เหมือนกัน เราจึงเห็นภาพเงินทอนวัดกันตามมา พระก็มาเป็นลูกน้องข้าราชการที่คุมงบประมาณเพราะอยากได้เงินได้ทอง" พระพยอม ให้ความเห็น

แต่กระนั้น พระยอมมองว่าจากเหตุการณ์ทุจริตที่เกิดขึ้น ต้องดำเนินการ 3 เรื่องอย่างจริงจังและเด็ดขาด ซึ่งจะช่วยให้วงการพระสงฆ์กลับมาดียิ่งขึ้น คือ 1.คัดสรรคนมาบวชให้ดี อย่าเน้นปริมาณ หลายวัดเอาคนมาบวชเป็นหมื่นๆ คน ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรตามมา 2.การเลื่อนชั้นยศ สมณศักดิ์ จะต้องเอาคนที่มีความรู้ความสามารถ ไม่ใช่เส้นสายดั่งที่ผ่านมา และ 3.ต้องมีการตรวจสอบบัญชีวัดอย่างเข้มข้น และต้องมีกรรมการวัดเข้าร่วมตรวจสอบบัญชีด้วย

พระพยอม หนุนชะล้างสงฆ์ สมณศักดิ์อย่าเล่นเส้น-สอบบัญชีวัด มโน เลาหวณิช

อีกหนึ่งความคิดเห็นที่น่าสนใจ ไม่น้อยอย่าง มโน เลาหวณิช อาจารย์วิทยาลัยแพทยศาสตร์นานาชาติจุฬา ภรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ฉายภาพว่า แม้เหตุการณ์ครั้งนี้หลายฝ่ายคาดหวังว่าจะนำพาไปสู่การปฏิรูปสงฆ์ แต่ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก เพราะอำนาจของสงฆ์ถูกฝังรากลึกและยังถูกใช้ในระบบพวกพ้อง เส้นสายมาช้านาน อีกทั้งอำนาจของสงฆ์ยังคงถูกรวบรวมไว้อยู่ที่เดียว ไม่มีการกระจายอำนาจ หรือแม้แต่การตรวจสอบก็ไม่มี ทำให้สงฆ์เหมือนเป็นใหญ่และทำตามอำเภอใจ ไม่สนว่าจะละเลยพระธรรมวินัย หรือผิดจากกิจของสงฆ์ ยิ่งเจ้าอาวาสบางรูปก็เหมือนเป็นราชา มีอาณาจักรเล็กๆ ของตนเอง ซึ่งก็คือวัด เพราะเราไร้ซึ่งการตรวจสอบ

"เงินงบประมาณสำนักงานพระพุทธศาสนามันมหาศาลอย่างมาก อย่างรัฐบาลชุดก่อนก็เพิ่มงบประมาณให้ถึง 5,000 ล้านบาท และก้อนที่ใหญ่ที่สุดคือเงินอุดหนุนโรงเรียนวัดปริยัติธรรม ที่สูงถึง 1,200 ล้านบาท และที่น่าสนใจคือเมื่อก่อนเงินงบประมาณส่วนนี้ไม่มีการตรวจสอบอย่างเข้มงวดเลย จุดนี้คือสิ่งสำคัญ พระผู้ใหญ่เลยกล้า กล้าที่จะทำผิดกฎหมาย กล้าที่จะทุจริต" มโน ให้มุมมอง

มโน ระบุว่า ดังนั้น เมื่อมีเงินจำนวนมากมาอยู่ตรงหน้า และการทุจริตคอร์รัปชั่นนับเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วในวงข้าราชการ เมื่อมารวมกับพระที่มักมาก การทุจริตก็ยิ่งร้ายกาจและสร้างความ เสียหายอย่างหนักหน่วง เพราะอำนาจเป็นเรื่องที่น่ากลัว เมื่อพระกล้าทำทุจริต มีเงินมีทองมาก ก็นำพามาด้วยสีกา มีการเลี้ยงดูปูเสื่อ หรือบางส่วนเห็นช่องทางก็ตั้งบริษัททำธุรกิจ ทั้งๆ ที่ศาสนาห้ามเอาไว้เพราะไม่อยากให้ยุ่งกับเรื่องเงินทอง แต่ก็ไม่อาจทัดทานจิตใจของคนที่ละโมบโลภมากได้ แม้คนคนนั้นจะดำรงตัวอยู่ในผ้าเหลืองให้คนกราบไหว้ก็ตาม

"การปฏิรูปพระสงฆ์ต้องใช้พระธรรมวินัยเป็นตัวตั้ง ไม่ใช่เอาพระเป็นตัวตั้ง มีการตรวจสอบในทุกหน่วยงาน หากตรวจสอบพระกันอย่างจริงจัง เชื่อว่าปัญหาทุจริตคงไม่มีพระที่ไหนจะกล้าทำแน่นอน" มโน ทิ้งท้าย