posttoday

รูด'ม่านชีวิต'พุทธะอิสระ พระนักเคลื่อนไหว

26 พฤษภาคม 2561

ชีวิตชั่วข้ามคืนของ พระสุวิทย์ ธีรธมฺโม หรือพระพุทธะอิสระอดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม เมื่อโชคชะตาเล่นตลกโดนอาญาแผ่นดินเล่นงานเป็นผู้ต้องหาคดีอั้งยี่ซ่องโจร

โดย...ทีมข่าวในประเทศโพสต์ทูเดย์

ชีวิตชั่วข้ามคืนของ พระสุวิทย์ ธีรธมฺโม หรือที่คุ้นเคยกันในนามว่า พระพุทธะอิสระ หรือหลวงปู่พุทธะอิสระ อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม เมื่อโชคชะตาเล่นตลกโดนอาญาแผ่นดินเล่นงานเป็นผู้ต้องหาคดีอั้งยี่ซ่องโจร ที่การ์ด กปปส. ร่วมกันทำร้ายร่างกายตำรวจสันติบาลได้รับบาดเจ็บสาหัส และคดีปลอมพระปรมาภิไธย และใช้พระปรมาภิไธยที่มีการปลอมขึ้น ลงองค์พระเครื่องนาคปรกอุดปรอท ถูกคุมเข้าเรือนจำหมดอิสรภาพ

อดีตพระพุทธะอิสระเติบโตที่กรุงเทพมหานคร เกิดวันที่ 1 ม.ค. 2499 เป็นบุตรของ ชมภู และอัมพร ทองประเสริฐ อุปสมบทครั้งแรกเมื่ออายุ 20 ปี ที่วัดคลองเตยใน เขตคลองเตย กทม. จากนั้นได้สึกไปรับราชการทหาร และอุปสมบทอีกครั้งที่ จ.พัทลุง เมื่อปี 2526 มีฉายาว่า "พระสุวิทย์ ธมฺมธีโร" เป็นผู้ริเริ่มสร้างวัดอ้อน้อย จากที่ดินบริจาคตั้งแต่ปี 2532 และได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย

เมื่อปี 2538 ได้รับแต่งตั้งเป็น เจ้าคณะตำบลห้วยขวาง แทนเจ้าคณะรูปเดิมที่มรณภาพไปเมื่อปี 2542 ก่อนที่อดีตพระสุวิทย์ ได้ลาออกจากตำแหน่งเจ้าคณะตำบลห้วยขวาง พร้อมกับสึกและอุปสมบทใหม่ เมื่อเดือน ต.ค. 2544 มีฉายาใหม่ว่า "พระสุวิทย์ ธีรธมฺโม"

ส่วนชีวิตโลดโผนทางการเมืองนั้น อดีตพระพุทธะอิสระถือเป็นแกนนำคนสำคัญของ กปปส. ถือเป็นบุคคลที่เรียกความฮือฮาทางการชุมนุมได้เสมอ แม้ว่าจะทำให้สังคมวิพากษ์วิจารณ์กันหนักมากในเรื่องของความเหมาะสม เนื่องจากเป็น "พระสงฆ์" เช่น การพาผู้ชุมนุมเข้าไปล้อมสำนักงานเขตหลักสี่ ปักหลักนำหมอนมุ้งไปกางนอนขัดขวางการเลือกตั้งล่วงหน้าไม่ให้เกิดขึ้น เข้ายึดพื้นที่ถนนและศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ จน ธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรมเข้ามาเจรจาขอเปิดทางให้ข้าราชการเข้าไปทำงาน สุดท้ายก็ต้องหอบหมอนมานอนกับผู้ชุมนุมตามเงื่อนไขของอดีตพระพุทธะอิสระ

รวมถึงกรณีที่พาผู้ชุมนุมบุกไปยังโรงแรมเอสซีปาร์ค หลังจองห้องพรรคไว้ 10 ห้อง แต่ทางโรงแรมปฏิเสธให้เข้าพัก แม้ว่าจะมีใบจองเป็นหลักฐานแสดงการจองที่พัก ทำให้ทางอดีตพระรูปนี้ไม่พอใจเรียกค่าเสียหายกว่า 1.2 แสนบาท วีรกรรมของอดีตพระพุทธะอิสระเกิดขึ้นระหว่างการชุมนุมอย่างมากมาย จนในที่สุดเหตุการณ์การเมืองกลับตาลปัตร ขั้วทหารเข้ายึดอำนาจทำรัฐประหารวันที่ 22 พ.ค. 2557 ส่งผลให้การชุมนุมของ กปปส.ทุกเวทีจึงเริ่มยุติลง

แม้ว่าหน้าที่แกนนำม็อบผู้ชุมนุมจะยุติลง แต่อดีตพระพุทธะอิสระก็ยังเป็นข่าวตามสื่อต่างๆ อยู่เป็นระยะ ทั้งการวิพากษ์วิจารณ์นักการเมือง วิจารณ์แวดวงสงฆ์ การถูกดำเนินคดีต่างๆ ในข้อหากบฏระหว่างชุมนุม แฉพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ฯลฯ ทั้งหมดล้วนเป็นบริบทชีวิตของอดีตพระพุทธะอิสระ ถือเป็นประสบการณ์ชีวิตของพระรูปนี้ได้เคยสัมผัสมา

สำหรับการจับกุมที่เกิดขึ้นยังทิ้งคำถามไว้ไม่น้อย เนื่องจากอดีตพระพุทธะอิสระถูกจับกุมดำเนินคดีอย่างหมดท่าถึงเตียงนอนภายในวัด ทำให้คิดถึงความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลกับอดีตพระพุทธะอิสระ เนื่องจากยอมสลัดจีวรมาลุยเส้นทางการเมืองใช้ชีวิตเป็นม็อบ ออกโรงร่วมขับไล่รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีหญิง ในช่วงปี 2556-2557 จนนำมาซึ่งเหตุการณ์ "รัฐประหาร" โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ปัจจุบัน

แล้วทุกครั้งที่รัฐบาลถูกโจมตีหรือโดนครหาจากนักการเมือง อดีตพระพุทธะอิสระออกมาปกป้องเปิดหน้าชนตลอด สนับสนุนรัฐบาลปัจจุบันสุดแรง ผนวกกับความสัมพันธ์ที่ตอกย้ำความเป็น ลูกศิษย์คนสนิทกับอาจารย์ที่เคารพนับถือ กับพี่น้อง 3 ป.แห่งบูรพาพยัคฆ์ อย่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อภาพถ่ายถูกเผยแพร่ไปทั่วทุกสื่อ มีอดีตพระพุทธะอิสระถ่ายภาพหมู่ร่วมกันในงานพิธีอย่างใกล้ชิด อีกทั้งยังลงนะแผ่นทองที่หน้าผากของ 3 พี่น้องบูรพาพยัคฆ์เสริมความเป็นสิริมงคล

ที่ผ่านมาพี่น้องบูรพาพยัคฆ์ครบทีมตั้งแต่ พล.อ.ประวิตร อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อดีตผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พล.อ.สมทัต อัตตะนันทน์ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) และอดีต ผบ.ทบ. พล.อ. อนุพงษ์ อดีต ผบ.ทบ และ พล.อ.ประยุทธ์ ผบ.ทบ. (ยศและตำแหน่งในขณะนั้น) ยังเคยมาเป็นประธานเททองหล่อพระเกตุมาลาพระนาคปรก "ปกเกล้า ปกแผ่นดิน" และยกองค์ฐานองค์พระขึ้นประดิษฐาน ที่วัดอ้อน้อย ตามคำเชิญของอดีตพระพุทธะอิสระด้วย

การจัดระเบียบวงการผ้าเหลืองดำเนินการมานานแล้วไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่แต่อย่างใด หนำซ้ำที่ผ่านมาพระเถระชั้นใหญ่ได้ประกาศชัดเจนแล้วถึงการจัดระเบียบสงฆ์ให้เป็นไปอย่างเรียบร้อย สอดรับกันที่เมื่อไม่นานมานี้ กองบัญชาการสอบสวนกลาง (บช.ก.) มีคำสั่งระบุชัดเจนว่า จะดำเนินการปราบปรามต่อพระสงฆ์ที่ปฏิบัตินอกรีตกว่า 100 รูป โดยทางตำรวจสอบสวนกลางมีข้อมูลรายละเอียดของพระเหล่านี้ทั้งหมด ส่วนใหญ่มีความผิด เช่น พระสงฆ์ที่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง การปลุกระดมต่างๆ กลุ่มพระที่อวดอ้างอิทธิฤทธิ์ เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังมีคำสั่งอื่นๆ ออกมาต่อเนื่อง เช่น การให้ตำรวจทั่วประเทศตรวจสอบวัด สำนักสงฆ์ หรือสำนักปฏิบัติธรรม และตรวจสอบพระภิกษุสงฆ์ สามเณร ที่ประพฤติตนไม่เหมาะสม เพื่อคัดกรองบุคลากรในพระพุทธศาสนา

ปิดฉากชีวิตพระนักเคลื่อนไหวทางการเมืองคงเหลือไว้แต่ความทรงจำ ในเมื่อโชคชะตาฟ้าลิขิตมาแบบนี้คงไปเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ ต้องยอมรับความจริงและอยู่กับปัจจุบันต่อไป