posttoday

สมชัย สัจจพงษ์ ปลัดคลังนักปฏิรูป

07 มกราคม 2561

"การปฏิรูปกระทรวงการคลังที่สำคัญที่สุด คือทำให้คนกระทรวงการคลังมีคุณธรรม เดินไปที่ไหนไม่มีใครบอกว่ากระทรวงการคลังเป็น กระทรวงทุจริต ต้องเป็นกระทรวงที่โปร่งใส"

โดย... เกียรติศักดิ์ ผิวเกลี้ยง

"ปลัดอู้" สมชัย สัจจพงษ์ เป็นข้าราชการลูกหม้อของกระทรวงการคลัง และก้าวขึ้นในตำแหน่ง สูงสุดคือ ปลัดกระทรวงการคลัง เมื่ออายุ 53 ปี ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับปลัดในกระทรวงการคลังหรือกระทรวงอื่นๆ ที่ผ่านมา โดยปีนี้นั่งเป็นปลัดคลังปีที่ 3

การก้าวขึ้นเป็นปลัดคลังในยุครัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำให้ถูกมองว่ามีความใกล้ชิดนายกรัฐมนตรี เพราะบังเอิญเป็นเพื่อนร่วมรุ่นนักเรียนวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร หรือ วปอ.รุ่น 50 ซึ่งปลัดคลังยอมรับว่าเป็นเพื่อนร่วมรุ่นจริง แต่ไม่ได้สนิทไม่ค่อยได้คุยกันและอยู่คนละหมู่

อย่างไรก็ตาม ปลัดอู้ มีแววเป็นปลัดมาตั้งแต่เป็นข้าราชการผู้น้อย เนื่องจากมีความขยันหมั่นเพียรทำงานหนัก ตามแบบฉบับคุณพ่อที่รับข้าราชการตำรวจ แต่พยายามทำงานเลี้ยงครอบครัวและ ส่งเสียลูกให้มีความรู้ได้ร่ำเรียนและมีการงานที่มั่นคง

เมื่อถามปลัดอู้ว่า ตอนเป็นข้าราชการเคยคิดไหมว่า ถ้าได้เป็นปลัดคลัง ตั้งใจจะทำงานเรื่องอะไรเป็นพิเศษให้กระทรวงและประเทศ ปลัดอู้ตอบทันทีว่า "เราไม่เคยคิดว่าจะได้เป็นปลัด แต่คนอื่นรอบๆ ข้างบอกว่าเราจะได้เป็น แม้แต่พระก็บอก เราก็เฉยๆ เพราะไม่รู้ว่าจะเป็นได้อย่างไร เพราะคนเก่งๆ ที่เป็นรุ่นเดียวกันและรุ่นพี่ก็มีที่เป็นปลัดได้หลายคน"

สิ่งที่อยากทำให้กระทรวงและประเทศก็ได้ทำมาตั้งแต่เริ่มเป็นข้าราชการประจำกรมกองต่างๆ ตั้งแต่อยู่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ก็ผลักดันเรื่องการเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) กองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ (กบช.) หรือตอนอยู่กรมศุลกากร ก็ผลักดันเรื่องการปฏิรูปกฎหมายศุลกากร ซึ่งเรื่องต่างๆ ก็ทยอยเกิดสมัยได้มานั่งเป็นปลัดคลัง เหมือนกับมาตามทำงานเดิมให้สำเร็จ ล้วนแต่เป็นเรื่องที่มีประโยชน์กับประเทศอย่างมาก

สำหรับงานที่จะเดินหน้าต่อไปของปลัดอู้ คือ การทำงานบูรณาการกับกระทรวงอื่นๆ เพื่อแก้ไขหนี้นอกระบบที่ตั้งเป้าให้หมดไปจากประเทศไทย ซึ่งไปเสนอท่านนายกรัฐมนตรีและท่านเห็นด้วย คลังก็ทำต่อมาจนถึงปัจจุบันนี้ การแก้ปัญหาความยากจน เรื่องการศึกษาก็ต้องผลักดันให้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) มีบทบาทมากขึ้นสร้างเด็กรองรับอุตสาหกรรมใหม่ที่รัฐบาลสนับสนุน

"ผมอยากให้คนมองว่ากระทรวงการคลังทำให้คนมีความเป็นอยู่ที่ดี เพราะกระทรวงการคลังเป็นกระทรวงที่ทำให้ภาคส่วนต่างๆ ของสังคมพัฒนาได้หมด ไม่ว่าจะเป็น การศึกษา สาธารณสุข อุตสาหกรรม เกษตร กระทรวงการคลังเป็นเครื่องมือที่ช่วยหน่วยงานอื่นๆ ได้หมด คลังก็อยากเป็น กระทรวงที่สนับสนุนกระทรวงอื่นในการผลักดันการพัฒนาประเทศ เป็นประโยชน์กับประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นแบบยั่งยืน" สมชัย กล่าว

นอกจากนี้ คลังยังต้องปฏิรูปเรื่องภาษี ซึ่งเป็นภารกิจหลักของกระทรวง ที่ผ่านมาปฏิรูปภาษี กรมสรรพสามิตและกรมศุลกากรไปแล้ว อยู่ระหว่างการปฏิรูปภาษีกรมสรรพากรให้สำเร็จภายในรัฐบาล ชุดนี้

สมชัย กล่าวว่า การปฏิรูปกระทรวงการคลังที่สำคัญที่สุด คือทำให้คนกระทรวงการคลังมีคุณธรรม เดินไปที่ไหนไม่มีใครบอกว่ากระทรวงการคลังเป็น กระทรวงทุจริต ต้องเป็นกระทรวงที่โปร่งใส โดยเฉพาะกรมภาษี 3 กรม จะต้องไร้ทุจริตเพื่อให้ทั้งกระทรวงเป็นกระทรวงคุณธรรมตามที่ อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง ตั้งเป้าหมายไว้ ถือเป็นเรื่องจะเชิดหน้าชูตาคนกระทรวงการคลัง รวมถึงคนกระทรวงการคลังจะต้องไม่เจ้ายศเจ้าอย่าง เป็นคนคลังที่ติดดินเพราะเราเป็นข้าราชการไม่ใช่ เจ้านายคน ต้องทำงานรับใช้ประชาชนและประเทศชาติให้ได้มากที่สุด

จากฝันเป็นตำรวจก่อนมาเป็นปลัดคลัง

จะว่าไปแล้วการก้าวขึ้นเป็นปลัดคลังของสมชัย สัจจพงษ์ ส่วนหนึ่งต้องถือเป็นเรื่องโชคชะตาชีวิตกำหนดไว้ เพราะตอนเป็นลูกหม้อนักเรียนโรงเรียนเซนต์คาเบรียล เพื่อนส่วนใหญ่สอบเข้ามหาวิทยาลัยเป็นหมอและวิศวกร แต่ตัวเองอยากเป็นตำรวจเหมือนคุณพ่อ ไปสอบข้อเขียนโรงเรียนนักเรียนเตรียมตำรวจก็ผ่าน แต่ไปตกตรวจสุขสภาพเพราะไม่รู้มาก่อนว่า ตัวเองสายตาสั้น

หลังจากนั้นก็ต้องเบนเข็มเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย ก็รู้แต่เพียงว่าอยากจะเข้าจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัยให้ได้เท่านั้น ซึ่งก็สมหวังเมื่อสอบติดคณะเศรษฐศาสตร์ ซึ่งเป็นคณะและมหาวิทยาลัย ที่เลือกไว้อันดับหนึ่ง

เมื่อเรียนจบจุฬาฯ ก็อยากจะไปเรียนต่อ ต่างประเทศ แต่ครอบครัวระดับกลางพ่อกับแม่รับราชการไม่มีเงินส่งเรียน ก็ไปสอบชิงทุนสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ได้ทุนของกระทรวงการคลังไปเรียนปริญญาโทที่ Ohio State University เป็นเวลา 2 ปี

หลังจากจบปริญญาโทก็อยากจะเรียนปริญญาเอก แต่ทาง ก.พ.ไม่ให้ทุน สมชัยจึงสอบชิงทุนปริญญาเอกของ Ohio ด้วยตัวเอง และได้สมหวัง ทาง ก.พ.จึงยอมให้เรียนต่อโดยจ่ายแต่ค่าใช้จ่ายรายเดือนให้เท่านั้น ใช้เวลาเรียนอีก 3 ปี ก็จบเป็นดอกเตอร์กลับมาทำงานที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ตำแหน่งเศรษฐกร 4 ตอนอายุ 28 ปี

สมชัย เล่าว่า หลักการทำงานก็อาศัยการอ่อนน้อมถ่อมตน ผู้ใหญ่ใช้งานก็ทำเต็มที่ ก็ได้รับความกรุณาจากผู้ใหญ่สอนงาน ซึ่งรู้สึก ภูมิใจได้ร่วมงานกับผู้อำนวยการ สศค.เก่งๆ หลายคน เช่น อรัญ ธรรมโน สมชัย ฤชุพันธุ์ และนิพัทธ พุกกะณะสุต ทำให้การพัฒนาขึ้นได้เร็ว

อย่างไรก็ตาม ก่อนมาเป็นปลัดคลัง ชีวิตข้าราชการก็ผ่านร้อนหนาวการเมืองทั้ง ในและนอกกระทรวงมาใช่น้อย ขึ้นเป็น ผู้อำนวยการ สศค. ตอนอายุ 40 ปีต้นๆ เป็นเวลา 1 ปี ไปนั่งเป็นอธิบดีศุลกากร และผู้อำนวย การสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐ วิสาหกิจอีกอย่างละ 1 ปี กลับมาเป็นผู้อำนวย การ สศค. อีก 3 ปี ได้ไปเป็นอธิบดีกรมศุลกากรอีก 1 ปีครึ่ง ก่อนจะได้มานั่งเป็นปลัดคลัง ในที่สุด