ย้อนรอย..."ระเบิดป่วนกรุง"

 

เหตุการณ์ระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์ เมื่อช่วงค่ำวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บ 125 ราย และเสียชีวิต 20 ราย สร้างความสะเทือนขวัญไปทั่วโลก แม้จะยังไม่มีข้อสรุปแน่ชัดถึงแรงจูงใจในการก่อเหตุ แต่หลายปมที่หลายฝ่ายจับตามองมากที่สุดหนีไม่พ้นประเด็นเรื่องการเมืองภายในประเทศและ ขบวนการก่อการร้ายข้ามชาติ

นี่ไม่ใช่ระเบิดลูกแรกที่อุบัติขึ้นกลางกรุงเทพมหานคร เมืองฟ้าอมร สวรรค์ของนักท่องเที่ยวทั่วโลก

คาร์บอมบ์รัฐบาลทักษิณ

ย้อนกลับไปเมื่อ 24 ส.ค. 2549  เกิดเหตุลอบสังหารพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อพบรถเก๋งปริศนาคันหนึ่งจอดอยู่บริเวณแยกบางพลัด ซึ่งอยู่ในเส้นทางขบวนรถของพ.ต.ท.ทักษิณที่จะเดินเคลื่อนผ่านจากบ้านพักส่วนตัวในซอยจรัลสนิทวงศ์ 69 จากการตรวจสอบพบว่ามีการติดตั้งระเบิดทีเอ็นทีและซีโฟร์ไว้บริเวณกระโปรงท้าย อานุภาพร้ายแรงเป็นรัศมีวงกว้าง 1 กิโลเมตร เคราะห์ดีที่ทีมรักษาความปลอดภัยของนายกรัฐมนตรีมาพบเสียก่อ

ระเบิดคืนเคาท์ดาวน์ 2550

ยังเป็นที่จดจำของคนกรุง สำหรับเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นในคืนวันที่ 31 ธ.ค. 2549 ขณะที่คนทั้งประเทศกำลังนับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่ จู่ๆก็เกิดเหตุระเบิดขึ้นพร้อมกันทีเดียว 9 จุด ประกอบด้วยอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ  แยกสะพานควาย  แยกแคราย ซอยสุขุมวิท 62 บริเวณตลาดสดคลองเตย 2 ห้างสรรพสินค้าซีคอนสแควร์ ห้างสรรพสินค้าเกษรพลาซ่า และถนนข้าวสาร ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และได้รับบาดเจ็บอีก 38 ราย

เหตุการณ์ครั้งนั้นคนร้ายใช้ระเบิดแสวงเครื่องชนิดแรงดันสูง จุดชนวนด้วยถ่านไฟฉาย ตั้งเวลาด้วยนาฬิกาปลุก โดยการลงมือนำไปวางตามจุดต่างๆ ทั้งถังขยะ ตู้โทรศัพท์ และป้อมตำรวจ หลังเกิดเหตุรัฐบาลสั่งยกเลิกกิจกรรมส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ทั้งหมด ขณะที่พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ออกมาประณามกลุ่มอำนาจเก่าว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่เกิดขึ้น แต่สุดท้ายกลับยอมรับภายหลังว่า เป็นเพียงการวิเคราะห์ด้านข่าวกรองและไม่มีหลักฐานหรือข้อมูลชัดเจนสนับสนุน

อย่างไรก็ตาม ผ่านมาจนถึงวันนี้ยังไม่สามารถจับกุมผู้กระทำผิดมาลงโทษได้ 

M79 เขย่าปี 53

ปี 2553 ถือเป็นปีที่ประเทศไทยกำลังร้อนระอุด้วยสถานการณ์ทางการเมือง เกิดเหตุลอบยิงระเบิดชนิด M79 กันบ่อยครั้ง เริ่มจากวันที่ 8 เม.ย. คนร้ายยิงระเบิดM79 และM16 ถล่มที่ทำการพรรคการเมืองใหม่ ถนนพระสุเมรุ และตึกทีพีไอ ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ วันที่ 23 เม.ย. คนร้ายยิงM79 จำนวน 5 ลูก ใส่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ศาลาแดง และย่านใกล้เคียง มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และบาดเจ็บมากกว่า 100 คน

ลอบวางระเบิดหน้าม.รามคำแหง 

ค่ำคืนของวันที่ 26 พ.ค. 2556 เกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดแสวงเครื่องบริเวณปากซอยรามคำแหง 43/1 ส่งผลให้ร้านเสริมสวยออกัสและร้านค้าข้างเคียงกัน 2 ร้าน รวมถึงแผงค้าเสียหายกว่า 10 แผง ขณะที่พ่อแม่ค้าแม่ค้าและประชาชนที่เดินจับจ่ายสินค้าได้รับบาดเจ็บรวมทั้งสิ้น 7 ราย หลังเกิดเหตุมีการคาดการณ์ไว้หลายสาเหตุ ทั้งความขัดแย้งทางธุรกิจเกี่ยวกับแผงค้าขายในพื้นที่กทม. การก่อการร้าย หรือความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงประเด็นทางการเมือง สุดท้ายท้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้ทั้งหมด 4 คน แต่ไม่มีรายงานถึงแรงจูงใจในการก่อเหตุที่แน่ชัด

M79ถล่มศาลอาญา

ท่ามกลางอุณหภูมิอันร้อนระอุทางการเมือง ระหว่างการชุมนุมของกลุ่มกปปส. เมื่อวันที่ 14 ก.พ.2557 ได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนลอบยิงเครื่องยิงลูกระเบิดชนิดเอ็ม 79 เข้าที่หน้าต่างชั้น 7 ถนนรัชดาภิเษกจนได้รับความเสียหาย จากการวิเคราะห์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า เป็นการยิงกระสุนในวิถีโค้งมาจากฝั่งตรงข้าม เชื่อว่าคนร้ายต้องการแค่ข่มขู่ เนื่องจากวันเกิดเหตุเป็นวันหยุดเวลาราชการ ไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่ภายในอาคาร นอกจากนี้กล้องวงจรปิดยังอยู่ในระหว่างปรับปรุงจึงไม่สามารถบันทึกภาพได้ ช่วงเวลาไล่เลี่ยกันนั้นเองยังเกิดเหตุระเบิดอีก 4 ครั้ง ประกอบด้วยพื้นที่ สน.บางซื่อ 1 ครั้ง จากกรณียิงระเบิด เอ็ม 79 ที่เวที กปปส.ลาดพร้าว ตกในสวนจตุจักร 2.พื้นที่สน.ทุ่งสองห้อง 2 ครั้ง 3.ศาลอาญารัชดาภิเษก 1 ครั้ง

คาร์บอมบ์ใกล้ศาลรัฐธรรมนูญ

เพียงแค่เดือนเศษ ก็เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบอีกระลอก เมื่อวันที่ 22 มี.ค.2557  เกิดเหตุคาร์บอมบ์ใกล้ศาลรัฐธรรมนูญ ถนนแจ้งวัฒนะ โดยระเบิดถูกติดตั้งไว้กับตัวรถเก๋ง มีลักษณะเป็นระเบิดแบบแสวงเครื่อง ตั้งเวลาเพื่อให้เกิดการระเบิด จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ยังพบหัวนอตและเศษตะปูเป็นจำนวนมาก เชื่อว่าคนร้ายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการใช้ระเบิดที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างด

ไปป์บอมบ์หน้าสยามพารากอน

เมื่อวันที่ 1 ก.พ.2558 เกิดเหตุการณ์ระเบิดครั้งแรกในยุคคสช.บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน จุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้าบีทีเอส เป็นระเบิดแสวงเครื่องแบบไปป์บอมบ์ 2 ลูก ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่า คนร้ายมีลักษณะเป็นชายชาวเอเชียอายุประมาณ 30 ปี ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระบุว่าเหตุระเบิดดังกล่าวน่าจะเชื่อมโยงกับกลุ่มที่เคลื่อนไหวในอดีต ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจพุ่งเป้าไปยังประเด็นการเมืองเป็นสำคัญ และเชื่อว่าคนร้ายเป็นมืออาชีพมีการวางแผนมาแล้วอย่างรอบคอบ แต่แม้จะมีการตั้งรางวัลนำจับไว้สูง แต่ก็ยังควานหาตัวผู้ก่อเหตุไม่ได

ล่าสุดกับเหตุการณ์ระเบิดบริเวณหน้าศาลพระพรหมเอราวัณ แยกราชประสงค์ ถือเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ กำลังท้าทายความมั่นคงของประเทศในทุกๆด้าน ซึ่งยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัดว่ามีแรงจูงใจมาจากการเมือง หรือฝีมือของขบวนการก่อการร้ายข้ามชาติกันแน่