กษิตบินฟังศาลโลก 14 ก.ค.
ชวนนท์ เชื่อ 18 ก.ค.ศาลโลกจะมีคำสั่งแค่รับหรือไม่รับคำร้องเท่านั้น ฝากรัฐบาลหน้ายึดแนวทางรักษาอธิปไตย
ชวนนท์ เชื่อ 18 ก.ค.ศาลโลกจะมีคำสั่งแค่รับหรือไม่รับคำร้องเท่านั้น ฝากรัฐบาลหน้ายึดแนวทางรักษาอธิปไตย
เมื่อเวลา 10.00 น. นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ และนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการ รมว.ต่างประเทศ เดินทางเข้าพบนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล
จากนั้น นายชวนนท์ กล่าวว่า ตนและนายกษิต ได้เข้ามารายงานนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับเรื่องที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ(ศาลโลก) จะมีการตัดสินมาตรการคุ้มครองชั่วคราวให้กับกัมพูชาหรือไม่ในวันที่ 18 ก.ค.นี้ โดยคณะของกระทรวงการต่างประเทศ จะเดินทางไปในวันที่ 14 ก.ค.นี้ จากกรณีที่ศาลโลกจะมีคำวินิจฉัยคำร้องของรัฐบาลกัมพูชาในเรื่องการขอให้ออกมาตรการคุ้มครองชั่วคราวใน 3 ประเด็น
1.ขอให้ประเทศไทยนั้นได้ถอนกำลังทหารออกจากรอบปราสาทพระวิหาร 2.หยุดกระทำกิจการทหารที่จะกระทบสิทธิและอธิปไตยของกัมพูชา และ 3.หยุดสร้างการสู้รบเขตแดนระหว่าง 2 ประเทศ ซึ่งข้อต่อสู้ของเราได้มีการชี้แจงไปแล้วว่าศาลโลกไม่มีอำนาจตัดสินเรื่องนี้ และประเทศไทยตั้งแต่ปี 2505 ได้ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลโลกไปครบถ้วนทุกประเด็นแล้ว และขณะนี้ไม่มีความขัดแย้งในพื้นที่ไม่มีการตีความที่แตกต่างกันระหว่างไทยกับกัมพูชา ฉะนั้นคิดว่าประเด็นที่เราชี้แจงกับศาลยุติธรรมระหว่างประเทศไปเมื่อ 2 เดือนที่แล้วน่าจะทำความเข้าใจ หวังว่าคำตัดสินคดีนี้จะออกเป็นประโยชน์กับประเทศไทย
ผู้สื่อข่าวถามว่าจากนี้ยังมีคดีหลักที่ต้องต่อสู้ แล้วแนวทางการต่อสู้คดีของรัฐบาลจะเปลี่ยนไปหรือไม่หากเปลี่ยนรัฐบาล นายชวนนท์ กล่าวว่า อย่างที่นายกรัฐมนตรีกล่าวไว้ว่าเราเห็นว่าเรื่องอธิปไตยเป็นเรื่องที่ทุกรัฐบาลควรจะมีความเห็นที่ตรงกัน เรื่องนโยบายเรื่องดำเนินการกิจการภายในนั้นแตกต่างกันได้ แต่เรื่องการรักษาแผ่นดิน อธิปไตยนั้นตนเชื่อว่าและหวังว่ารัฐบาลใหม่ที่เข้ามาคงมีแนวทางไม่แตกต่างกับเรา สิ่งที่เราดำเนินการมา 2 ปียืนยันว่าไม่มีนโยบายอะไรที่จะรุกรานประเทศเพื่อนบ้าน แต่เป็นเรื่องรักษาอธิปไตย รักษาประโยชน์ที่มีอยู่ของประเทศ ฉะนั้นเราหวังว่ารัฐบาลชุดใหม่จะทำในแนวทางเดียวกัน
นายชวนนท์ กล่าวว่า ทั้งนี้ถ้าคำตัดสินมาตรการชั่วคราวออกมาเรียบร้อย จะมีทางไหนทางหนึ่ง ก็อาจจะส่งผลไปถึงคำร้องการตัดสินพื้นที่โดยรอบปราสาทพระวิหาร ซึ่งต้องใช้เวลา 6 เดือนในการพิจารณา ถึงตรงนั้นเรื่องคำร้องการตัดสินพื้นที่โดยรอบปราสาทพระวิหารสิ่งที่รัฐบาลนี้ได้วางแนวทางไว้ ได้ปรึกษากับที่ปรึกษากฎหมายชาวต่างชาติ และผู้เชี่ยวชาญของกระทรวงการต่างประเทศ หวังว่ารัฐบาลใหม่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนใหม่ จะดำเนินทิศทางที่สอดคล้องกัน
เมื่อถามว่า กรณีไทยถอนตัวจากภาคีมรดกโลกที่ยังไม่สมบูรณ์คิดว่ารัฐบาลใหม่ต้องเดินตามแนวทางหรือไม่ นายชวนนท์ กล่าวว่า เรื่องมรดกโลกมันอยู่ที่ว่าสาเหตุที่เราถอนตัว เราถอนตัวเพราะความคลุมเครือในเรื่องของการที่จะเข้ามาบูรณะซ่อมแซม ถ้ารัฐบาลใหม่สามารถไปทำความเข้าใจกับมรดกโลกได้ ทำความเข้าใจกับกัมพูชาได้ว่าความชัดเจนคืออะไร ตนก็คิดว่ามีเหตุผลที่เขาจะตัดสินใจทางใดทางหนึ่ง แต่ขอให้ชัดเจนเรื่องรักษาอธิปไตยเท่านั้นเอง และขณะนี้แผนบริหารจัดการของกัมพูชายังใช้แผนที่ 1 ต่อ 2 แสน ซึ่งทำให้ไทยเสียเปรียบอยู่ที่ส่งไปให้กับมรดกโลก ฝากรัฐบาลชุดใหม่ว่าต้องยืนยันแนวของเราว่าสันปันน้ำเท่านั้นที่เป็นเส้นแบ่งเขตแดนไทยกัมพูชาบริเวณตัวปราสาทพระวิหาร
เมื่อถามว่าแนวทางคำตัดสินของศาลโลกจะออกมาอย่างไร นายชวนนท์ กล่าวว่า เท่าที่ปรึกษากับที่ปรึกษาทางกฎหมายเห็นว่าศาลมีคำร้องไป 3 ข้อ ฉะนั้นศาลคงจะพิจารณาได้เพียงว่าจะรับหรือไม่รับคำร้องแต่ละข้อไม่มีระดับคำตัดสิน มีเพียงรับหรือไม่รับ หรือให้หรือไม่ให้ตามที่กัมพูชาร้องไปกี่ข้อเท่านั้น