"ไทยไม่ทน"จี้ปล่อยตัวจตุพรหลังได้อภัยโทษ

แถลงการณ์ ไทยไม่ทน คณะสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย

เรื่อง การอายัดตัว นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำไทยไม่ทนฯ หลังได้รับการอภัยโทษแล้ว

เนื่องจาก ในวันที่ 13 ตุลาคม 2564 นี้เป็นกำหนดการปล่อยตัวนักโทษที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวในวันที่ 28 กรกฎาคม 2564 และได้ผ่านการฝึกอบรม ตามโครงการพระราชทานในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว "โคกหนองนาแห่งน้ำใจและความหวัง กรมราชทัณฑ์" รุ่นที่ 3/3 ซึ่งมีนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำไทยไม่ทน คณะสามัคคีประชาชน เป็น 1 ในผู้ผ่านการอบรมในหลักสูตรดังกล่าวจำนวน 14 วันแล้ว แต่ปรากฎว่า ในรายชื่อผู้ที่ได้รับการปล่อยตัวของกรมราชทัณฑ์ไม่มีชื่อรายชื่อนายจตุพร พรหมพันธุ์ แต่อย่างใด ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับผู้เฝ้ารอรับการกลับมาของ นายจตุพร ทั้ง นี้ในเวลาต่อมาคณะไทยไม่ทน สามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย ได้รับทราบจากทนายความว่า นายอรรถการ ฟูเจริญ รองอธิบดีศาลอาญา ไม่อนุญาตให้ประกันตัวนายจตุพร ในคดีบุกบ้านสี่เสาเทเวศน์ซึ่งจะมีการพิจารณาในเดือนพฤษภาคมปีหน้า โดยให้เหตุผลว่าเป็นคดีร้ายแรง และเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี จึงไม่มีชื่อในรายชื่อดังกล่าว

การกระทำเช่นนี้แม้ไม่มีเหตุอันสมควรตามกระบวนการยุติธรรม ทำให้เกิดดข้อกังขาต่อกระบวนการยุติธรรมเป็นอย่างมาก เนื่องด้วยสิทธิในการประกันตัว หรือสิทธิในการได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างการพิจารณาคดี ก่อนที่ศาลจะพิพากษาจนถึงที่สุด เป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน ที่จำเลยควรได้รับ อีกทั้งจำเลยไม่เคยมีพฤติกรรมหลบหนี จึงไม่มีเหตุอันควรใด ที่จะไม่ให้ประกันตัวที่ผ่านมา นายจตุพรก็เคยถอนประกันในลักษณะเช่นนี้ในหลายคดี ก่อนหน้านี้ในระหว่างต้องขัง เมื่อใกล้วันพ้นโทษก็จะไปขอประกันตัวซึ่งก็ได้รับประกันทุกครั้งไปเพื่อต่อสู้ในคดีที่ค้างอยู่ต่อไป และผู้ต้องขังรายอื่นๆ ที่มีหลายคดีก็ดำเนินการเช่นเดียวกันเป็นปกติ แต่เรื่องที่เกิดขึ้นกับนายจตุพร ที่พยายามเลือกปฏิบัติที่จะไม่ให้ประกันตัว ทั้งที่คดีนัดพิจารณาในปีหน้านั้น รวมถึงคดีที่ประชาชนที่ออกมาต่อต้านรัฐบาลโดยไม่ได้รับสิทธิขั้นพื้นฐานนี้ สะท้อนให้เห็นว่า ตุลาการและกระบวนการยุติธรรมไทยมีปัญหาถูกเลือกปฏิบัติต่อประชาชนผู้เห็นต่างทางการเมืองอย่างชัดเจน

ไทยไม่ทน คณะสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย จึงขอเรียกร้องให้นายจตุพร พรหมพันธุ์ รวมถึงประชาชนที่ถูกดำเนินคดีทางการเมืองเพราะความเห็นต่างทางการเมือง ได้รับสิทธิในการประกันตัวเพื่อต่อสู้คดีตามสิทธิขั้นพื้นฐานต่อไป