posttoday

พท. แนะ "ประยุทธ์" เลิกทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้ว

16 กันยายน 2564

“เพื่อไทย” ชี้ ปฏิวัติปี 49 และ ปี 57 ทำไทยเสื่อมหนัก เชื่อ ไม่มีปฏิวัติไทยเจริญกว่านี้มากเพราะ “พี่โทนี่” ฉลาดและทันสมัยกว่า “ประยุทธ์” มาก แนะ เลิกทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้วทั้งที่เป็น ผนงรจตกม

เมื่อวันที่ 16 ก.ย. 64 นางสาวตรีชฎา ศรีธาดา คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ประเทศไทยและคนไทยหากมีผู้นำดีและเก่ง ประชาชนจะไม่ตกอยู่ในสภาพไร้ทางเลือกและไร้โอกาสแบบนี้ วันนี้ประชาชนตกงาน ไม่มีกิน ขาดรายได้ ถูกตัดน้ำตัดไฟ ถูกไล่ออกจากห้องเช่า สินค้าเกษตรที่ตกต่ำ เกษตรกรหนี้สินท่วมหัว การศึกษาถอยหลังกราวรูดไร้อนาคต เพราะมีผู้นำอ่อนด้อย ประชาชนจึงต้องทยอยตายกันหมด

ผ่านมาจนครบรอบ 15 ปีของการถูกยึดอำนาจ 19 กันยายน ปัญหาเรื้อรังของประชาชนคนไทยคือการที่ต้องทนอยู่ในสภาพของการชินอยู่กับถูกการยึดอำนาจโดยใช้กำลังทหาร และบริหารประเทศโดยคนที่ไม่มีความรู้ด้านเศรษฐกิจ และปล่อยประชาชนและประเทศตามยถากรรม ย้อนก่อนการปฏิวัติ 19 กันยายน 2549 เศรษฐกิจไทยขยายตัวเฉลี่ยปีละ 5-6% หลังการปฏิวัติปี 2549 จนถึงปัจจุบันเศรษฐกิจไทยขยายตัวเฉลี่ยเพียง 3% และ หลังปฏิวัติ 2557 หรือ 7 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยโตเฉลี่ยเพียงประมาณ 2% เท่านั้น ซึ่งให้เห็นชัดว่าการปฏิวัติทำให้ประเทศไทยเสื่อมถอยอย่างแท้จริง มันต้องไม่มีปฏิวัติอีกแล้ว ยิ่งฟัง “พี่โทนี่” พูดในคลับเฮ้าส์ยิ่งเห็นภาพชัด ด้วยประโยคที่ว่า “นึกว่าเขาปฏิวัติแล้วจะทำอะไรฉลาด ๆ แต่ปฏิวัติแล้วก็ยังโง่อยู่จนถึงทุกวันนี้” ประเทศไทยไม่ควรถูกฝังกลบด้วยการปฏิวัติ เพราะยิ่งซ้ำเติมแผลความเสื่อมถอย

ประเทศไทยขาดโอกาสปิดอนาคตลูกหลานนานถึง 15 ปี ถูกประเทศอื่นแซงหน้าหนัก ย้อนรอยกลับไปสมัย “พี่โทนี่” เป็นนายกรัฐมนตรีประเทศประเทศไทยวิ่งแซงหน้าประเทศอื่นไม่เห็นฝุ่น เพราะมุมมองวิสัยทัศน์การเป็นนายกรัฐมนตรีที่เป็นผู้นำโลก ทั้งความคิดที่ฉลาดและทันสมัย เรามองเห็นอนาคตสดใสของลูกหลาน โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจทะลุมิติ คนไทยกำลังสร้างฐานะ มีความมั่นคง มีความเท่าเทียมด้วยการเข้าถึงหลักประกันสุขภาพและการศึกษา ต่างจากการที่พล.อ.ประยุทธ์เป็นผู้นำในวันนี้ วันที่ลูกหลานหาอนาคตไม่เจอ

ซึ่งปัญหาเศรษฐกิจจะเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินการเลือกตั้งครั้งใหม่ที่จะมีขึ้นอีกไม่นานนัก เชื่อว่าจากประวัติการบริหารประเทศในอดีต ประชาชนจะให้ความไว้วางใจในพรรคการเมืองที่มีผลงานในการบริหารเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทยจะชูแนวทางการฟื้นเศรษฐกิจที่เป็นจุดแข็งของพรรคมาตลอดในการหาเสียงคราวหน้า เหมือนที่ นายพิชัย นริพทะพันธู์ รองหัวหน้าพรรคด้านเศรษฐกิจบอกไว้แล้ว ต่างจากพล.อ.ประยุทธ์ที่ล่องลอยและยังไม่รู้ปัญหาเศรษฐกิจ โกหกตัวเองว่าเศรษฐกิจยังดี ทั้งที่จะอดตายกันทั้งประเทศแล้ว ได้แต่หลอกประชาชนไปวันๆ ไม่มีทางเลยที่พล.อ.ประยุทธ์จะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ หนี้ครัวเรือนที่คาดกันว่าจะพุ่งถึง 93% ภายในสิ้นปีนี้ พล.อ.ประยุทธ์จะเอาปัญญาที่ไหนไปแก้เศรษฐกิจ เลิกทำตัวแบบน้ำเต็มแก้วที่ไม่ยอมรับความรู้ใหม่ๆและการเปลี่ยนแปลงของโลกเสียที

“ พล.อ. ประยุทธ์ต้องเลิกอ้างว่าตัวเองสวดมนต์ทุกวันแล้วจะไม่ทำเรื่องผิด มันทำให้คนที่สวดมนต์ทุกวันมัวหมอง เพราะสิ่งที่ท่านทำคือความผิดตลอดชีวิตนั่นคือการปฏิวัติแล้วขึ้นไปนั่งเป็นนายกรัฐมนตรี มันเป็นความผิดมหันต์ ที่ท่านได้สร้างตราบาปไว้กับประเทศและประชาชน ทำลายสิ้นอนาคตลูกหลาน แล้วยังดันทุรังทำทุกวิถีทางแลกกับการให้ตัวเองอยู่ในอำนาจต่อด้วยผลประโยชน์อย่างเลือดเย็น เปรียบกับมหาภัยพิบัติอาจยังไม่สามารถทำให้คนตายได้ แต่ “ผนงรจตกม “ นางสาวตรีชฎา กล่าวทิ้งท้าย