posttoday

รมว.แรงงานแจงเหตุเลิกตรวจโควิดกลุ่มต่างด้าวชี้เป็นอำนาจกทม.

14 กรกฎาคม 2564

รมว.แรงงาน ชี้แจงเหตุหนังสือยกเลิกการตรวจคัดกรองหาเชื้อโควิด ในกลุ่มแรงงานข้ามชาติ ชี้ เป็นอำนาจของคณะกรรมการควบคุมโรค กรุงเทพมหานคร ที่จะดำเนินการ

กรณีสื่อ social ต่างๆวิพากษ์วิจารณ์หนัก ถึงความไม่เหมาะ เลือกปฏิบัติต่อแรงงานข้ามชาติ ที่กรมการจัดหางาน มีหนังสือแจ้งเจ้าหน้าที่จัดหางาน ยกเลิกการตรวจเชิงรุก ค้นหาผู้ติดเชื้อในพื้นที่ กิจการเสี่ยง เช่นกิจการก่อสร้าง ว่าเป็นการเลือกปฏิบัติด้วยนโยบายชาตินิยมที่หลงลืมหลักการทางสิทธิมนุษยชนไป การปิดแคมป์ควบคุมโรคครั้งนี้ย่อมไม่ได้ผล ส่งผลให้คนงานขาดรายได้ ขาดอาหาร อีกทั้งยังไปเพิ่มความเสี่ยงให้คนที่อยู่แคมป์เดียวกันติดโรคจากผู้ป่วยได้อีก ปัจจุบันยังไม่มีการเผยตัวเลขการดำเนินงานตรวจเชิงรุกจากกรณีปิดแคมป์คนงาน จากกระทรวงสาธารณสุข หรือ กระทรวงแรงงานออกมาแต่อย่างใด

ทั้งนี้องค์กรพัฒนาเอกชนด้านแรงงานข้ามชาติเห็นว่าการกีดกันไม่ให้แรงงานข้ามชาติเข้าถึงการตรวจหาเชื้อโควิดเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องเพราะ "โควิดไม่เลือกที่รักมักที่ชัง" จะชาติไหน เป็นแรงงานที่ถูกกฏหมายหรือไม่ก็มีสิทธิ ติดโควิดเหมือนกัน เมื่อแรงงานข้ามชาติที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง คนไทยก็ไม่มีทางปลอดภัย

ทั้งนี้เรียกร้องให้รัฐบาล ควรให้ทุกคนเข้าถึงการตรวจเชิงรุกและได้รับการฉีดวัคซีนโดยเร็ว โดยจัดลำดับความสำคัญให้กลุ่มเสี่ยงทุกกลุ่ม เพื่อลดความร้ายแรงของการแพร่ระบาดโดยไม่เลือกปฎิบัติด้วยสถานะเชื้อชาติ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าอธิบดีกรมจัดหางานมีหนังสือถึงจัดหางานพื้นที่กรุงเทพมหานคร 1-10 เขตและปริมณฑล เมื่อวันที่ 5 กค. โดยสาระสำคัญยกเลิกการตรวจคัดกรอง หาผู้ติดเชื้อโควิดเชิงรุกในกลุ่มแรงงานต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้ทำงานถูกต้องตามกฏหมายในพื้นที่เสี่ยง และกิจการสี่ยง เช่นแคมป์ก่อสร้าง ตามคำสั่งแจ้งเป็นหนังสือ เมื่อ 24 มิย.2564 เพื่อป้องกัน ยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เป้าหมายจำนวน 30,000 คน

ทั้งนี้เนื้อส่วนหนึ่งได้ระบุว่าปัจจุบันโรงพยาบาลประสบปัญหาทางด้านสาธารณสุข เช่น บุคลากรทางการแพทย์ เตียงผู้ป่วย เครื่องช่วยหายใจและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ที่รองรับผู้ป่วยอาการหนักหรือผู้ป่วยภาวะฉุกเฉินที่มีจำนวนจำกัด จึงไม่สามารถปฏิบัติตามรายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะงานที่กรมการจัดหางานกำหนดได้ ดังนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานจึงได้มีนโยบายยกเลิกคำสั่งดังกล่าว

นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน กล่าวว่าตนมีแนวคิดที่ต้องการให้มีการตรวจเชิงรุกในกลุ่มแรงงานข้ามชาติ โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยง และกิจการที่มีความเสี่ยง เช่นก่อสร้าง เพื่อเป็นการเฝ้าระวังและควบคุมการแพร่ระบาดโควิด ซึ่งตนทราบดีว่าการตรวจหาเชื้อในกลุ่มแรงงานข้ามชาติ ไม่สามารถใช้งบของสป.สช. ซึ่งเรื่องนี้คณะกรรมการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าว เห็นชอบอนุมัติให้ใช้เงินกองทุนบริหารจัดการแรงงานต่างด้าว ตรวจเชิงรุกตั้งแต่ต้นมิ.ย. โดยกระทรวงการคลังเห็นชอบ ทั้งนี้เงินกองทุนบริหารจัดการแรงงานต่างด้าว เป็นเงินค่าธรรมเนียมขออนุญาตทำงาน 1900 บาทต่อปี ที่จะต้องส่งเข้ากระทรวงการคลังเป็นประจำ

รมว.แรงงาน กล่าวอีกว่าโครงการตรวจเชิงรุกค้นหาผู้ติดเชื้อ ในกลุ่มผู้ใช้แรงงานที่อยู่ในระบบประกันสังคม ที่สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ช่วงแรกตั้งแต่วันที่ 7 มิย. ที่มีแรงงานไทยจำนวนมากที่เข้ามาตรวจ และตนได้นำแรงงานในแคมป์ก่อสร้างหลายหมืนคนเข้ามาตรวจที่นี่ และคิดเตรียมขยายการตรวจในกลุ่มแรงงานข้ามชาติ จึงมีหนังสือแจ้งถึงจัดหางานพื้นที่กรุงเทพทั้ง10 เขตและจัดหางานในจังหวัดปริมณฑลกรุงเทพ ในวันที่24 มิย.ที่จะมีการตรวจเชิงรุกในกลุ่มแรงงานข้ามชาติ โดยก่อนหน้านี้ตนได้หารือร่วมกับทางกรุงเทพมหานครเป็นระยะๆ

รมว.แรงงานกล่าวอีกว่าตนตั้งใจให้แรงงานข้ามชาติ ได้รับการตรวจเชิงรุก หากตรวจพบติดเชื้อ แยกรักษา เพื่อเคลียร์กับคนในสังคมให้มั่นใจที่เราพยายามควบคุมไม่ให้กระทบต่อคนที่อยู่ใกล้ไซด์ก่อสร้าง และการปิดแคมป์ ส่วนหนึ่งเพื่อจะได้เข้าตรวจเชิงรุกในไซด์ก่อสร้าง เมื่อมีการติดเชื้อก็จะเป็นเหตุผลขออนุญาตนำผู้ติดเชื้อออกมารักษาได้

นายสุชาติ กล่าวว่าภารกิจหลัก งานของกระทรวงแรงงานไม่ใช่เรื่องการควบคุมโรค จึงต้องปฏิบัติตามทางกรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ในวันที่ 27 มิย.ในการประชุมคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อ กรุงเทพมหานคร แจ้งว่าการตรวจคัดกรองเป็นอำนาจของคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อ ที่จะดำเนินการเอง อย่างไรก็ตามคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร ยอมที่จะให้เราดำเนินตรวจคัดกรองในแคมป์ก่อสร้าง แห่งละ 75 คน โดยใช้ข้อมูลว่าเป็นการสุ่มตรวจ หากพบผู้ติดเชื้อมากในอัตราที่กำหนดจะขยายการตรวจเชื้อเพิ่มภายหลัง ซึ่งตนไม่รับแนวทางนี้ ดังนั้นตนจึงใช้งบที่จะใช้ดำเนินการตรวจหาผู้ติดเชื้อ ไปจัดหาข้าวกล่อง อาหารให้กับแรงงานที่ประสบปัญหาขาดแคลนอาหารระหว่างปิดแคมป์คนงาน

นายสุชาติ กล่าวอีกการตรวจเชิงรุก เป็นอำนาจของคณะกรรมการควบคุมโรคจังหวัด ที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน ซึ่งเราดำเนินการตรวจเชิงรุกในจังหวัดต่างๆ เช่นนนทบุรี ชลบุรี ได้ไม่มีปัญหาเพราะทางผู้ว่าราชการจังหวัด และสาธารณสุขจังหวัดเห็นด้วย ที่จะเห็นได้ว่าเมื่อมีการตรวจพบผู้ติดเชื้อ เรามีโรงพยาบาลในโครงการประกันสังคม รองรับในการรักษา ซึ่งขณะนี้โรงพยบาาลที่อยู่ในระบบประกันสังคม ที่มีเตียงรองรับ 1.2 หมื่นเตียง ที่ใกล้เต็ม แต่ในเรื่องนี้ทางประกันสังคมได้ขอความร่วมมือให้ทางโรงพยาบาลหาแนวทางเพิ่มเตียง เพื่อรองรับผู้ติดเชื้อเพิ่ง ซึ่งได้รับความร่วมมือจากโรงพยาบาลเอกชนจำนวนหนึ่งแล้ว

ทั้งนี้ตนเข้าใจว่าการตรวจเชิงรุกนั้นไม่ยาก แต่ภาระใหญ่ในขณะนี้คือเตียงเต็ม ที่โรงพยาบาลต่างๆไม่สามารถรับผู้ติดเชื้อได้เพิ่ม ซึ่งการที่โรงพยาบาลต่างๆไม่สามารถตรวจหาเชื้อได้เพิ่มเนื่องจากจะต้องมีเตียงสำรองให้กับผู้ติดเชื้อรายใหม่ด้วย อย่างไรก็ตามพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ กำกับกระทรวงแรงงานได้มีแนวคิดใช้พื้นที่ของพัฒนาฝีมือแรงงานที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ต่างๆ ทำเป็นโรงพยาบาลสนามรองรับผู้ติดเชื้อใหม่ด้วย ซึ่งจะได้ดำเนินการต่อไป.