posttoday

"อัลวาร์"เหน็บแสบปชป.เมินเสียงประชาชนยื่นลาออกจากตำแหน่ง

12 กรกฎาคม 2564

รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ประกาศลาออกจากตำแหน่งไม่พอใจการแก้ปัญหาวัคซีนของรัฐบาล ย้ำส่งสัญญาณให้พรรครับถึงความล้มเหลวแต่ผู้บริหารไม่ใส่ใจคนโง่เขลาเบาปัญญาอยู่ไปไม่มีประโยชน์ลาออกดีกว่า

เมื่อวันที่ 12 ก.ค.นายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กประกาศลาออกจากตำแหน่งรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ใจความว่า ผมขอพิจารณาตนเองด้วยการ “ลาออก” จากตำแหน่งรองเลขาธิการพรรค นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ก่อนเลือกตั้งมีโพลออกมาเตือนว่า “ประชาชนคิดอย่างไรต่อพรรค ปชป.” พอทราบผลโพล แต่ก็ไม่มีการแก้ไข ทำให้พรรคตกต่ำเป็นอย่างมากหลังเลือกตั้ง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคใต้ซึ่งถือว่าเป็นเมืองหลวงของพรรค ผลของโพลนั้นเป็นสิ่งสำคัญ เพราะการสำรวจความคิดเห็นของกระแสสังคมที่มีต่อพรรคการเมืองและนักการเมือง ว่าจะมีจุดยืนเคียงข้างกับประชาชนอย่างไรหรือไม่ และจำได้ใช้ประกอบการตัดสินใจ

“ในอดีตโพลเป็นอย่างไร ปัจจุบันก็ยังไม่ดีขึ้น แถมแย่ลงกว่าเดิม”

พวกเราอาสามารับใช้ประชาชน ไม่มีใครถูกบังคับ ประชาชนเชื่อในสิ่งที่เราสัญญาเอาไว้ ว่าเราจะยืนเคียงข้างประชาชน จึงเลือกเราเข้ามา ซึ่งเมื่อได้รับเลือกแล้ว เราต้องทำหน้าที่ในสภาให้ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล

“สิ่งที่ต้องยึดถือคือการทำในสิ่งถูกให้เป็นถูก ผิดให้เป็นผิด เพื่อแก้ไขปัญหาความทุกข์ยากและเดือดร้อนของประชาชน”

ขณะนี้มีโรคระบาด #โควิด19 สำหรับระลอกแรกรัฐบาลก็รับมือกับปัญหาได้ดีพอสมควร แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ฝ่ายบริหารของรัฐบาลพูดไม่ตรงกัน ในเรื่องเดียวกัน เคยบอกว่าประเทศไทยมีวัคซีนมากที่สุดในเอเชีย อย่ากลัว ขอให้มาฉีด พอประชาชนหายกลัวจะมาฉีด กลับไม่มีวัคซีนฉีด ซักกันถามในสภา “ถามวัว ตอบควาย” เลี่ยงกันไปเลี่ยงกันมา

จากเหตุการณ์ดังดล่าวทำให้มีผู้คนในสังคมที่มีชื่อเสียงไม่ว่าจะเป็นนักร้อง นักแสดง นักวิชาการ นักธุรกิจ และสื่อมวลชน ระบายความรู้สึกตามที่ตนถนัดออกมาเตือนรัฐบาลให้เอาใจใส่และแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง

ไม่รู้ว่าท่านนายกได้ยินหรือเปล่า เพราะยังยิ้มระรื่น แสดงกิริยาท่าทีเหมือนไม่สนใจต่อความเป็นความตายของประชาชนทั้งประเทศ จนถูกวิพากย์วิจารณ์กันมากในขณะนี้ ซึ่งท่านนายกและรองนายกก็ออกมาโต้ตอบกันว่า “จะตั้งใจทำงานอย่างหนักแล้ว เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ขอให้เห็นใจกันบ้าง”

ซึ่งทั้งหมดเป็นความล้มเหลวที่ท่านนายกต้องรับผิดชอบ เพราะตัวท่านเองก็พูดกลับไปกลับมา โทษกันไปมาระหว่างนายกกับพรรคร่วมรัฐบาล ถึงขนาดหมดความเกรงใจ ออกมาแถลงว่า “นายกต้องรับผิดชอบ เพราะรวบอำนาจอยู่คนเดียว”

ตอนนี้สังคมเริ่มท้อแท้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่บุคลากรทางการแพทย์เริ่มส่งเสียงประท้วง จนเกิดปรากฏการณ์ #หมอไม่ทน ขนาดแพทย์หญิงยังต้องระบายความรู้สึกที่อ่านแล้วสะเทือนใจมากว่า “ไม่เคยคิดจะด่ารัฐบาล ไม่เคยผิดหวังในรัฐบาล เพราะไม่เคยหวังเหมือนที่ไม่เคยคาดหวังว่าปลาจะปีนต้นไม้ได้ หรือไก่จะดำน้ำเป็น”ผมอ่านแล้วยังต้องอึ้ง เข้าใจว่าคนทั้งประเทศก็คงจะมีความรู้สึกเช่นเดียวกัน

แต่ก็ยังมีเพื่อนสมาชิกร่วมพรรคประกาศสวนกระแสสังคม ที่กำลังผิดหวังกับรัฐบาลว่า “จะไม่ลาออกและจะไม่มีการยุบสถา” ผมฟังแล้วอึ้งมากกว่าเดิม เพราะไม่เข้าใจว่าประกาศออกมาแล้วพรรคจะได้ประโยชน์อะไร น่าจะเสียมากกว่าได้

ขณะนี้ปัญหาวิกฤติมาก ลามไปถึง 3 จังหวัดชายแดนใต้แล้ว ทุกคนเรียกร้องขอความช่วยเหลือโดยเฉพาะเรื่องวัคซีน และมีคำถามมาถึงผมว่า “ทำไมวัคซีนจึงมีปัญหา ประเทศที่ล้าหลังอย่างประเทศลาว ประชากรเขายังฉีดวัคซีนหลายยี่ห้อ มีทั้งแอสตร้าเซเนกา ไฟเซอร์ ชิโนฟาร์ม สปุดนิกวี ฯลฯ พวกมึงไปทำอะไรอยู่ จึงหาวัคซีนไม่ได้”

ผมฟังแล้วก็ไม่รู้ว่าจะตอบยังไง แต่ก็คงจะต้องนำคำพูดของผู้จัดรายการ “คุยได้คุยดี” ในทางวิทยุ FM96.5 ที่พูดแบบชาวบ้านว่า “ต้องอยู่กันตามยถากรรมแล้ว เพราะเตือนรัฐบาลอะไรก็ไม่ฟัง มันเลยเวลาแก้ไขไปหมดแล้ว” เพราะทำให้นึกถึงตัวผมเอง ที่พยายามเตือนพรรคมาตลอดว่า อย่ายืนตรงข้ามกับประชาชน ต้องแก้ไขในทุกเรื่องที่เป็นภาพลบ แต่ก็ไม่เป็นผล

ถึงแม้ว่าเพื่อนสมาชิกส่วนใหญ่ฟังแล้วเห็นด้วย แต่ผู้บริหารไม่ใส่ใจ พรรคจึงยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ผลโพลก็ยังเหมือนเดิม

ผมจึงคิดว่า ผมคงเป็นคนโง่เขลาเบาปัญญาเกินไปสำหรับตำแหน่งรองเลขาธิการพรรค ดังนั้น ผมจึงขอพิจารณาตนเองด้วยการลาออก จากตำแหน่งรองเลขาธิการพรรค