posttoday

แนะศบค.นำตัวเลขคนฆ่าตัวตายรายวันจากพิษโควิดมารายงานด้วย

06 กรกฎาคม 2564

ส.ส.เสรีรวมไทยชี้ศบค.ควรรายงานตัวเลขคนฆ่าตัวตายรายวันมาบอกด้วยถือเป็นผลพวงของโควิดเหมือนกัน พร้อมเรียกร้องให้คนที่เคยสนับสนุนรัฐประหารช่วยหามเอา"ประยุทธ์"มาเป็นผู้นำออกไปได้แล้วเพื่อไถ่บาป

น.ส.นภาพร เพ็ชร์จินดา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย เปิดเผยถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิดที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันสูงขึ้นจนสร้างความวิตกให้กับทุกฝ่ายว่า หากรัฐบาลไม่ปรับแก้นโยบายหรือมาตรการที่ผิดพลาด ภายในเดือนสิงหาคมนี้เราคงจะได้เห็นตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นจนเกินศักยภาพของระบบสาธารณะสุขจะรับได้ เนื่องจากเราไม่มีระบบการตรวจคัดกรองเชิงรุกที่เพียงพอ การขาดเตียง ICU รักษา รวมทั้งปัญหาการบริหารจัดการวัคซีนที่ไทยคงเป็นประเทศเดียวในโลกที่ประชาชนต้องจ่ายเงินซื้อวัคซีนเอง

“ตอนนี้ พล.อ.ประยุทธ์จึงมีทางเลือกเพียง 2 ทางให้ตัดสินใจ นั่นก็คือต้องรื้อโครงสร้างการแก้โควิดทั้งระบบ เช่น ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วยุบ ศบค.เพื่อให้ฝ่ายสาธารณะสุขขึ้นมาคุมนโยบายแทน หรืออีกทางหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ต้องกล้ายอมรับความจริงด้วยการยอมถอยออกไป เนื่องจากคนทั้งสังคมเห็นพ้องกันแล้วว่าสถานการณ์วิกฤตครั้งนี้เกินความสามารถที่คนชื่อ พล.อ.ประยุทธ์จะบริหารจัดการได้แล้ว”น.ส.นภาพรกล่าว

ทั้งนี้ หากยังดื้อดึง ไม่ปรับทั้งนโยบายและไม่ยอมถอยออกไป ก็น่าจะถึงเวลาแล้วที่ทุกฝ่ายจะต้องลุกขึ้นมาต่อสู้กับภัยความมั่นคงรูปแบบใหม่ นั่นคือภัยที่เกิดจากการบริหารงานที่ผิดพลาดของผู้นำจนทำให้คนทั้งประเทศอยู่ในภาวะเสี่ยงตาย ดังนั้นใครที่มีส่วนเอา พล.อ.ประยุทธ์เข้ามา ก็ควรจะช่วยกันเอาออกไปจากระบบการเมืองด้วย ถือเป็นการไถ่บาปที่เคยมีส่วนสนับสนันให้ พล.อ.ประยุทธ์เข้ามาจนทำให้ประเทศต้องอยู่ในสภาพวิกฤตรอบด้านเช่นนี้

อย่างไรก็ตาม ฟังการรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นรายวันของ ศบค แล้วรู้สึกหดหู่ใจเพราะคาดเดาไม่ได้ว่าตัวเลขมันจะไปหยุดอยู่ตรงจุดไหน นี่ยังไม่นับรวมตัวเลขคนฆ่าตัวตายรายวัน ที่ ศบค.ควรจะนำมารายงานให้ประชาชนทราบด้วยเพราะถือว่าเกิดจากพิษโควิดเหมือนกัน ล่าสุดกลุ่มหมอไม่ทนนัดแต่งดำประท้วงความล้มเหลวของรัฐบาลและเรียกร้องให้นำวัคซีน mRNA มาฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์ ซึงถือเป็นสัญญาณเตือนภัยครั้งสุดท้ายไปยังรัฐบาลว่าต่อไปนี้จะไม่มีใครยอมทนกับการบริหารที่ล้มเหลวทุกด้านของ พล.อ.ประยุทธ์อีกต่อไป”