posttoday

"ปิยบุตร"ย้ำจุดยืนไม่ควรล็อกแก้หมวด1-2ชี้เป็นความต้องการของยุคสมัย

21 มิถุนายน 2564

"ปิยบุตร"ลั่นไม่ควรปิดกั้นแก้รัฐธรรมนูญหมวด1-2 ชี้เป็นความต้องการของยุคสมัย จ่อเปิดตัวข้อเสนอปฏิรูปสถาบัน

วันนี้ 21 มิ.ย.นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้ากล่าวในช่วงหนึ่งระหว่างถาม-ตอบแสดงความคิดเห็น ได้มีผู้ฟังร่วมถามถึงกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในหมวด 1-2 ที่หลายฝ่ายต่างพยายามล็อคเอาไว้ไม่ให้แก้ ว่านายปิยบุตรมีความคิดเห็นอย่างไร

ซึ่งนายปิยบุตร ระบุว่าในเรื่องของหมวด 1 และ หมวด 2 เป็นสิ่งที่แก้ได้แน่นอน ด้วยเหตุผล 3 ประการ คือ 1) มาตรา 256 (8) เขียนว่าในกรณีร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ในการแก้ไขทั้งหมวด 1 และหมวด 2 ต้องไปจบที่การลงประชามติ นั่นหมายความว่าทั้งสองหมวดสามารถเสนอญัตติแก้ได้อยู่แล้ว

ส่วนในมาตรา 255 ข้อห้ามในการแก้รัฐธรรมนูญมีอยู่เพียงว่า ห้ามแก้และเปลี่ยนรูปของรัฐและเปลี่ยนระบอบการปกครอง 2 เรื่องเท่านั้น ในประวัติศาสตร์เองก็เคยมีการแก้ไขหมวด 1-2 มาแล้วหลายครั้ง รวมถึงระหว่างการทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับด้วย นั่นคือในรัฐธรรมนูญฉบับ 2492, 2530, 2540, 2550, 2560 ไปเปลี่ยนแปลงหมวด 1 และหมวด 2 มาแล้วทั้งสิ้น

การกำหนดล็อกเข้าไปกลับจะเป็นผลเสียมากกว่า เพราะหากวันหนึ่งมีความจำเป็นขึ้นมา ในช่วงเวลาที่กำลังทำรัฐธรรมนูญใหม่จะทำอย่างไร เพราะว่าไปล็อกเอาไว้ว่าไม่ให้แตะ ใครจะไปรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้ว่าสังคมไทยมีความจำเป็นแก้หมวด 1 หมวด 2 หรือไม่

ล่าสุดสังคมไทยก็เพิ่งเห็นกัน ว่าตอนรัฐธรรมนูญ 2560 ผ่านประชามติใหม่ๆ รัชกาลที่ 10 มีพระราชกระแสให้แก้ไขเกี่ยวกับเรื่องพระราชอำนาจ ความจำเป็นในการแก้ไขหมวด 1 และหมวด 2 เกิดขึ้นได้เสมอ แล้วจะไปล็อคไว้ทำไม?

2) เกิดการสร้างความเข้าใจผิดๆว่าการทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับห้ามแตะหมวด 1 และหมวด 2 ซึ่งไม่จริง การทำรัฐธรรมนูญใหม่สามารถทำได้ทุกมาตราทุกหมวด หากปล่อยความเข้าใจผิดแบบนี้ดำรงอยู่ต่อไปเรื่อยๆรัฐสภาไทยจะมีอำนาจค่อยๆหดตัวลงเรื่อยๆ

3) การชุมนุมของนักเรียน นิสิต นักศึกษา และเยาวชนทั่วประเทศ มีข้อเรียกร้องของการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ นี่คือเสียงของความต้องการของยุคสมัย การไปปิดล็อกหมวด 1 หมวด 2 แบบนี้จะปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ไม่ได้เลย นี่คือเสียงเรียกร้องของยุคสมัย แต่ปรากฏว่านักการเมืองในสภาไปปิดประตูใส่หน้าเขา ด้วยการบอกว่าเรื่องนี้ทำไม่ได้ “มันคือการเอาความต้องการ เอาหัวจิตหัวใจการต่อสู้ของนักเรียน นิสิต นักศึกษา เยาวชน ตลอดในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาไปมัดรวมกัน แล้วนักการเมืองที่อยู่ในสภาก็ไปกระทืบความต้องการของเขาลงไปอยู่ในดิน เอาแรงกายแรงใจความหวังของเขาที่อยากจะปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ไปมัดรวมกันแล้วกระทืบความหวังความฝันของพวกเขา ให้มันไปอยู่ในดินแล้วประเทศจะเดินต่ออย่างไร? เดี๋ยวเขาต้องกลับมาอีก เขาจะโดนกี่คดีก็ตามเดี๋ยวเขาก็กลับมาชุมนุมกันอีก เดี๋ยวก็จะมีคนหน้าใหม่ๆเกิดขึ้นอีก เพราะมันเป็นความต้องการของยุคสมัย มันเป็นความต้องการของคนรุ่นหนึ่งที่ปฏิเสธมันไม่ได้แล้ว ไม่ว่าท่านจะชอบหรือไม่ ท่านจะอยากให้เกิดหรือไม่ แต่มันมีคนกลุ่มนี้ที่มีขนาดใหญ่มากจากรุ่นสู่รุ่น เรียกร้องเรื่องนี้ คุณอ้างว่าเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย แต่กลับเอาความหวังความฝันเหล่านี้กระทืบลงไปจมติดเรียบร้อยแล้ว ด้วยการล็อกหมวด 1 หมวด 2 เอาไว้” นายปิยบุตรกล่าว

นายปิยบุตรยังกล่าวต่อไป ว่าที่จริงแล้ว ส่วนตัวของตนมีข้อเสนอเรื่องปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างสมบูรณ์ ที่ได้ทยอยโพสต์ลงใน Facebook ไปแล้วหลายตอน รวมทั้งได้มีการยกร่างตัวแบบของหมวด 1 และหมวด 2 เอาไว้เรียบร้อยแล้ว

ซึ่งในอีกไม่กี่สัปดาห์ ตนจะหาจังหวะเปิดให้สาธารณชนได้ลองนำมาพิจารณาแลกเปลี่ยนกัน เป็นบททดลองนำเสนอเรื่องการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ที่อยู่ในหมวด 1 และหมวด 2 จะเขียนให้ดูว่าถ้าจะปฏิรูปสถาบันกษัตริย์นั้น มันมีตัวแบบมาให้นำเสนอแลกเปลี่ยนอภิปรายกันว่าอย่างไรบ้าง

แต่ที่ Re-Solution ไม่ได้นำเสนอ เพราะเรื่องการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาพูดคุยทำความเข้าใจกัน เพื่อสร้างฉันทามติของสังคม ต้องมีการรณรงค์การอย่างต่อเนื่อง แต่อย่างน้อยที่สุด กระบวนการแก้รัฐธรรมนูญในขณะนี้ ควรต้องมีการเปิดพื้นที่เอาไว้ ว่าถ้าเรามีสภาร่างรัฐธรรมนูญเกิดขึ้นมาทำร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับทุกมาตรา แล้วเกิดมีนักเรียน นิสิต นักศึกษา เยาวชน เขาอยากเข้าไปร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ มีประเด็นเรื่องหมวด 1 หมวด 2 เขาก็ย่อมมีสิทธิ์ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น สสร. เข้าไปแก้และนำเสนอหมวด 1 หมวด 2 ได้