posttoday

ส.ว.กร้าว!! ปัดทุกร่างแก้รธน.รับเฉพาะของพปชร.

16 มิถุนายน 2564

ส.ว.ประกาศ พร้อมปัดทุกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ตัดอำนาจเลือกนายก ลั่นอย่าคิดแก้เพื่อหาเสียง เย้ยหากไม่มีเสียง ส.ว.ก็ผ่านไม่ได้

วันที่ 16 มิ.ย. นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กล่าวถึงการยื่นญัตติแก้รัฐธรรมนูญรายมาตราของพรรคฝ่ายค้านและพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรค ที่มีเนื้อหาแก้ไขมาตรา 272 ตัดอำนาจส.ว.ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญสามารถทำได้ แต่ต้องมีเนื้อหาเหมาะสม ไม่ใช่ทำเพื่อประโยชน์ตัวเอง ไม่เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ถ้าเป็นเช่นนี้ ส.ว.ไม่ร่วมมือด้วยแน่นอน

โดยเฉพาะการตัดอำนาจ ส.ว.โหวตนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 เป็นการลุแก่อำนาจ ไม่เห็นด้วย การโหวตเลือกนายกฯของ ส.ว. เป็นอำนาจตามบทเฉพาะกาล 5 ปี เพื่อมาแก้วิกฤตประเทศ เสียง ส.ว.ไม่มีผลอะไรเลย ถ้ามีเสียงสนับสนุนจาก ส.ส.ไม่ถึงครึ่งในการโหวตนายกฯ การแก้มาตรา 272 ทุกฝ่ายต้องเห็นพ้องต้องกันจึงจะสำเร็จ ถ้า ส.ว.ไม่ร่วมมือด้วยก็ไม่มีทางสำเร็จ

“ขอเตือนสติให้รับรู้ว่าใครที่ทำเก่ง ทำกล้า เสนอแก้รัฐธรรมนูญที่ลุแก่อำนาจ เน้นแต่หาเสียง สนุกปากเพียงอย่างเดียว ไม่ว่าพรรคใดเสนอมาจะไม่ผ่านแม้แต่ร่างเดียว ส.ว.จะไม่รับร่าง เพราะไม่ใช่หนทางแก้ปัญหา เป็นแค่การหาเสียง มุ่งแสดงอำนาจบาตรใหญ่”นายเสรี กล่าว

ด้านนายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว. กล่าวว่า การที่ฝ่ายค้านจะเสนอแก้รัฐธรรมนูญรายมาตราทั้งการให้ตั้งส.ส.ร.ยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ และการตัดอำนาจ ส.ว.ในการโหวตนายกฯนั้น โม้ได้แต่จะทำได้หรือไม่ เพราะจะต้องอาศัยเสียงส.ว.1ใน3 หรือ 84 เสียง ขึ้นไปสนับสนุน ดูแล้วร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของฝ่ายค้านโอกาสผ่านยาก เพราะเรื่องการตั้ง ส.ส.ร. มายกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ก็ขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ให้ทำประชามติก่อน หรือการตัดอำนาจ ส.ว. โหวตนายกฯเป็นการทำเพื่อหาเสียง

“ขณะนี้เสียง ส.ว.ตกผลึก เบื้องต้นจะให้ผ่านเฉพาะร่างแก้รัฐธรรมนูญของพรรคพลังประชารัฐ ที่เสนอโดยนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ส่วนร่างของฝ่ายค้านคงไม่ผ่าน ขณะที่ร่างพรรคร่วมรัฐบาลของพรรคภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ และชาติไทยพัฒนานั้น ถ้าเสนออยู่ในหลักการที่เป็นไปได้ ไม่สุดโต่ง หรือทำเพื่อหาเสียงให้ตัวเอง ส.ว.ก็ยินดีสนับสนุน แต่ถ้าสุดโต่งเกินไป ก็คงไม่ผ่าน ต้องไปหาเสียงสนับสนุนเอาเอง ยืนยันว่าส.ว.ไม่ใช่อุปสรรคในการแก้รัฐธรรมนูญ และเป็นที่พึ่งฝากความหวังได้ เห็นแก่บ้านเมืองมากกว่านักการเมืองด้วยซ้ำ” นายกิตติศักดิ์ กล่าว