posttoday

"จตุพร"ประกาศฤกษ์ดี 4/4/4 ระดมพลไล่ "ประยุทธ์"

31 มีนาคม 2564

"จตุพร" แจงฤกษ์ดีวันที่ 4 เดือน 4 เวลา 4 โมงเย็น เป็นช่วงยามสถานการณ์เปิดเหมาะโค่น "ประยุทธ์" ชี้เป็นศูนย์กลางของปัญหาชาติ

เมื่อ 31 มี.ค. 64 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) เฟชบุ๊คไลฟ์ peace talk ในหัวข้อ วันที่ 4 เดือน 4 4 โมงเย็นได้เวลาประยุทธ์ออกไป โดยระบุว่า การประกาศนัดหมายของนายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานญาติวีรชนพฤษภา 35 เริ่มมีพลานุภาพ แม้ทุกสายตาต่างจ้องมองตนจะขับเคลื่อนต่อไปอย่างไร ซึ่งตนได้อธิบายชัดเจน ว่า ตนเป็นคนเดือนพฤษภา คนหนึ่ง เมื่อประธานคณะกรรมการญาติวีรชน ได้เชิญชวนให้เข้ามาร่วม และประเมินสถานการณ์บ้านเมืองว่า อยู่ในจุดขั้นวิกฤตแล้วจะนิ่งดูดายได้อย่างไร โดยให้ยึดโมเดลพฤษภาคม 2535 ที่เป็นเรื่องระหว่างประชาชนกับเผด็จการ ดังนั้นตนรู้ว่าตนต้องเจออะไรในสถานการณ์นี้

แต่บางคนกลับถากถาง อย่างเช่นนายสมชาย แสวงการ ส.ว.ก็บอกว่าปลุกไม่ขึ้น ดังนั้น ตนอยากบอกไปยังนายสมชาย ว่าให้ดูประวัติศาสตร์ พฤษภาคม 2535 ที่ตนไปนำทัพต่อที่รามคำแหงนั้นเป็นประวัติศาสตร์ที่แม้ว่าจะหมดหนทาง ซึ่งทุกคนคิดว่าแพ้แล้ว แต่เรายังพลิกสถานการณ์โดยประชาชนผู้รักประชาธิปไตยทั้งหลายยืนเคียงข้างเป็นที่มั่นสุดท้ายของประชาชน

ดังนั้น ดูถูกตนไว้ให้มากๆ ซึ่งบางพวกก็บอกตนไร้ราคา และที่หนักไปกว่านั้นบางพวก ก่อนหน้านี้ก็บอกตนย้ายขั้วสลับข้างกล่าวหาขับไล่ตนออกจากประธาน นปช. แต่เมื่อตนมาขับไล่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็หาเหตุอื่นต่อ ก็ว่ากันไป เพราะทำอะไรไม่ถูกใจคนพวกนี้สักเรื่อง

ที่ผ่านมาตนก็พูดชัดเจนว่าในการต่อสู้ครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องขององค์กรใดองค์กรหนึ่งที่ต่อสู้กันมากว่า 15 ปี แต่เป็นเรื่องที่จะต้องสามัคคีประชาชน ในวันที่ประชาชนอยู่ฝ่ายเดียวกันแล้ว ต่อสู้กับเผด็จการ ดังนั้นการดูถูกเหยียดหยาม หรือ ความพยายามปั่นกระแสอะไรก็ตาม ตนอยากถามว่าที่ทำแบบนี้เพราะต้องการให้พลเอกประยุทธ์ อยู่ต่อใช่หรือไม่ แต่อย่างไรก็ตามเราต้องอดทนรอคอยต่อสถานการณ์ให้เห็นว่าประเทศเดินต่อไม่ได้จริงๆ และ สายป่านสุดท้ายคือ เรื่องรัฐธรรมนูญ

วันนี้กลไก ส.ส.พลังประชารัฐ นายสิระ เจนจาคะ ให้สัมภาษณ์ในทำนองว่า ที่ผ่านมาบ้านเมืองเสียหายไปขนาดไหนมีคนบาดเจ็บล้มตาย ยังไม่พออีกหรือ พร้อมเข้าสู่สู้แล้วรวยภาค 2 อีกทั้งยังพูดถึงคดีบ้านสี่เสาเทเวศร์ เหล่านี้ ตนอยากบอกว่า ประวัติศาสตร์สู้แล้วรวยนั้นยาก แต่โกงแล้วรวยนั้นมี

ดังนั้น ตนมีคดีเฉพาะที่เกี่ยวกับการต่อสู้ทางการเมืองทั้งสิ้น โดยเฉพาะคดีบ้านสี่เสาเทเวศร์นั้นตนต่อสู้ตามสิทธิ์ เพราะอัยการสั่งฟ้อง จำเลย 15 คน แต่ปรากฏว่าจำเลยไม่ได้ร้องขอให้แยกสำนวน แต่เมื่อแยกเป็น 2 สำนวนปล่อยให้จำเลยอีก 5 คนคดีขาดอายุความ ก็เป็นกระบวนการตามปกติ

อย่างไรก็ตาม ขบวนการที่พยายามเตะตัดขา เพราะคิดว่านี่เป็นประโยชน์กับรัฐบาล เป็นประโยชน์กับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นี่แหละที่ตนบอกว่า ในบ้านเมืองที่น่ากลัวที่สุดคือ คนโง่แล้วขยัน คนที่ประโคมโหมข่าวให้การนัดหมายประชาชนในวันที่ 4 เดือน 4 เวลา 4 โมงเย็นนั้นก็คือคนในซีกฝั่งของรัฐบาล

อีกทั้ง การนัดหมายในวันที่ 4 เมษายนนี้ จะมีคนที่มาจากหลากหลาย ซึ่งความหลากหลายเหล่านี้ คือ ปรากฏการณ์ของการต่อสู้ ของสมรภูมิใน พ.ศ. นี้ และตนก็พูดชัดเจนว่า เมื่อได้รับการเชิญชวนก็ไปเพราะตนเข้าใจหัวอกคนเป็นพ่อที่อยู่ในช่วงท้ายๆ ของชีวิต ลูกอยากเห็นประชาธิปไตย ไปต่อสู้แล้วเสียชีวิต คนเป็นพ่อก็แบกความทุกข์กับลูกที่เสียชีวิตมายาวนานกว่า 29 ปี

ดังนั้นท้ายๆของชีวิตที่เขาต้องการให้บ้านเมืองดีขึ้นนั้น ตนก็มีความเข้าใจและเห็นใจ โดยเข้าไปในฐานะนายจตุพร พรหมพันธุ์ คนที่ผ่านเหตุการณ์พฤษภาคนหนึ่ง โดยตนได้ประกาศชัดเจนอยู่แล้วว่าพลเอกประยุทธ์ คือ ปัญหาของชาติ และปัญหาทั้งหมดของประเทศในขณะนี้ที่เกิดวิกฤตในทุกๆด้าน ล้วนมาจากพลเอกประยุทธ์ เพราะพลเอกประยุทธ์เป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์สูงสุดในสถานการณ์บ้านเมืองที่เป็นแบบนี้

นายจตุพร กล่าวว่า วันนี้อย่าเอาความรู้สึกที่มีต่อตนเป็นตัวตั้ง แต่จงเอาความเดือดร้อน ความเหลื่อมล้ำของประเทศนี้ การไม่รักษาคำมั่นสัญญาของผู้นำประเทศในประเทศนี้ เอามาเป็นตัวตั้ง ดังนั้นกระบวนการทั้งหมดเวลานี้ ไม่ว่าจะชอบตนหรือไม่ ไม่ใช่ประเด็น เพราะตนก็เป็นแค่คนคนหนึ่งที่รับพลเอกประยุทธ์ ไม่ได้ ดังนั้นหนทางที่เราเดินต่อไปนี้นั้นเป็นหนทางในการแก้ไขปัญหาชาติอย่างแท้จริง และที่สำคัญที่สุดแต่ละฝ่ายต่างใช้สิทธิเสรีภาพ ตามความเชื่อของเรา ซึ่งตนก็เชื่อของตนมาอย่างนี้ โดยเชื่อว่าปัญหาอยู่ที่พลเอกประยุทธ์ และพลเอกประยุทธ์คือศูนย์กลางของปัญหาชาติ ดังนั้นการไม่อยู่ของพลเอกประยุทธ์ ส่งผลให้ปัญหาของชาติจะได้รับการแก้ไขในทุกมิติ