posttoday

"ก้าวไกล"จี้สรรพากรตรวจสอบการเสียภาษีค่าน้ำค่าไฟบ้านพัก"บิ๊กตู่"

09 มีนาคม 2564

ส.ส.พรรคก้าวไกลยื่นหนังสือถึงกรมสรรพากรให้ตรวจสอบ"ค่าน้ำ-ไฟฟ้า"บ้านพักของ"บิ๊กตู่"ว่าอยู่ในรายการเสียภาษีหรือไม่ หากพบความผิดให้เร่งดำเนินการตามกฎหมาย

เมื่อวันที่ 9 มีนาคม ที่กรมสรรพากร นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.นครปฐม , น.ส.เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ , น.ส.สุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา ส.ส.นครปฐม และน ายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. ทั้งหมดเป็นส.ส.พรรคก้าวไกล ร่วมกันมายื่นหนังสือถึงอธิบดีกรมสรรพากร เพื่อขอให้ตรวจสอบแบบแสดงรายการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปีภาษี 2557 จนถึงปัจจุบันของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ว่า ได้นําจํานวนเงินที่กองทัพบกได้ชําระค่ากระแสไฟฟ้าและค่าน้ำประปา มารวมคํานวณเป็นเงินได้ของ พล.อ.ประยุทธ์ หรือไม่ และในกรณีที่อธิบดีกรมสรรพากรพบว่า มีการกระทําผิดกฎหมายก็ขอให้พิจารณาดําเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไปโดยเร็ว

ทั้งนี้ ในเอกสารที่ยื่นต่ออธิบดีกรมสรรพากร ตอนหนึ่งระบุว่า จากคําชี้แจงทั้งหมด มีการยืนยันความจริงสอดคล้องกันว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้อาศัยอยู่ในบ้านพักรับรองของกองทัพบก เลขที่ 253/54 กรมทหารราบที่ 1 ในความครอบครองดูแล และใช้ประโยชน์ในราชการของกองทัพบก นับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2553 ครั้งที่ดํารงตําแหน่งผู้บัญชาการทหารบก และต่อมาเมื่อเกษียณอายุราชการในตําแหน่งผู้บัญชาการทหารบก เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2557 ยังคงพักอาศัยในบ้านพักรับรองของกองทัพบก ต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน โดยกองทัพบกสนับสนุนค่ากระแสไฟฟ้าและน้ำประปาใช้งาน ตลอดจนค่าใช้จ่ายอื่นๆ ในบ้านพักรับรอง

รายละเอียดตามคําวินิจฉัย ศาลรัฐธรรมนูญที่ 29/2563 ประกอบกับตามคําชี้แจงของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยนายวิษณุ เครืองาม ได้อ้างถึงกฎกระทรวงฉบับที่ 126 (พุทธศักราช 2509) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากรเป็นเหตุให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้รับการยกเว้นไม่ต้องนําเงินค่า เช่าบ้านหรือเงินที่คํานวณได้จากมูลค่าของการได้อยู่บ้านที่ให้อยู่โดยไม่เสียค่าเช่า มาคํานวณเป็นเงินได้ นั้น

นางอมรัตน์ กล่าวว่า การที่กองทัพบกสนับสนุนค่ากระแสไฟฟ้าและค่าน้ำประปาในบ้านพักรับรองของกองทัพบกแทน พล.อ.ประยุทธ์ ย่อมเป็นกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ ได้รับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคิดคํานวณราคาเป็นเงินได้ ซึ่งสามารถคิด คํานวณได้แยกต่างหากจากมูลค่าของการได้อยู่บ้านพักรับรองของกองทัพบก เนื่องจากจัดเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 39 แห่งประมวลรัษฎากร ทั้งนี้เทียบตามนัยคําพิพากษาฎีกาที่ 21/2536 รายละเอียด ตามที่อ้างถึง (3) เคยได้วินิจฉัยไว้ตอนหนึ่งว่า

“...ประมวลรัษฎากร มาตรา 40(1) ได้กําหนดชนิดของเงินที่คํานวณได้จาก มูลค่าของการได้อยู่บ้านที่นายจ้างให้อยู่โดยไม่เสียค่าเช่า และประโยชน์ใดๆ บรรดาที่ได้ เนื่องจากการจ้างแรงงานแยกออกจากกัน ฉะนั้นในกรณีที่พนักงานโจทก์ได้อยู่บ้านที่โจทก์ให้อยู่ โดยไม่เสียค่าเช่า และโจทก์เป็นผู้จ่ายค่าไฟฟ้า ค่าน้ำประปา และค่าแก๊สที่พนักงานโจทก์ได้ใช้ สิ้นเปลืองไปนั้น ประโยชน์ที่พนักงานโจทก์ได้รับจากการใช้กระแสไฟฟ้า น้ำประปา และแก๊ส ที่ โจทก์เป็นผู้จ่ายเงินให้นี้ เป็นประโยชน์ชนิดหนึ่งต่างจากมูลค่าของการได้อยู่บ้านที่โจทก์จัดให้อยู่ โดยไม่ต้องเสียค่าเช่าถือว่าค่าไฟฟ้า ค่าแก๊ส ค่าน้ำประปาเป็นประโยชน์ที่พนักงานโจทก์ได้ เนื่องจากการจ้างแรงงานแยกจากมูลค่าของการได้อยู่บ้านที่โจทก์ให้อยู่...”

นางอมรัตน์ กล่าวว่า เมื่อพิจารณาตามนัยคําพิพากษา ที่ 21/2536 พล.อ.ประยุทธ์ จึงยังมีหน้าที่ ต้องนําเงินได้จํานวนเท่ากับมูลค่าของค่ากระแสไฟฟ้าและค่าน้ำประปาที่กองทัพบกเป็นผู้ชําระ ไปรวมคํานวณและ เสียภาษีเงินได้ อีกทั้งพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังคงมีหน้าที่ต้องยื่นรายการเกี่ยวกับเงินได้พึงประเมินซึ่งต้องรวมมูลค่าเงินค่ากระแสไฟฟ้าและค่าน้ำประปาที่กองทัพบกเป็นผู้ชําระ ดังกล่าวเป็นเงินได้ที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาได้รับในระหว่างปีภาษีที่ล่วงมาแล้วภายในเดือนมีนาคมของทุกปี ตามมาตรา 56 แห่งประมวลรัษฎากรอีกด้วย

“การฝ่าฝืนไม่แสดงเงินได้พึงประเมินที่ได้รับโดยรวมมูลค่า เท่ากับค่ากระแสไฟฟ้าและน้ำประปาที่กองทัพบกเป็นผู้ชําระแทน ย่อมส่งผลให้พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาน้อยกว่าความเป็นจริง อันส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางการคลัง การจัดเก็บรายได้ของ ประเทศ ทั้งยังเป็นความผิดตามประมวลรัษฎากร” นางอมรัตน์ กล่าว