posttoday

วุ่นอีก!! ส.ว.ขู่ไม่ผ่านร่างแก้รัฐธรรมนูญ หลังฝ่ายค้านชงแก้หมวด1-2

25 กุมภาพันธ์ 2564

ประชุมรัฐสภาแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระสองเริ่มต้นมาด้วยดี จนมาถึงมาตราที่ห้ามแก้ไขหมวด 1 และหมวด 2 ส.ว.ต้องการบัญญัติห้ามแก้ไขมาตราพระราชอำนาจ แต่ส.ส.ก้าวไกลไม่ยอม จนต้องพักประชุม

วันที่ 25 ก.พ. เวลา 16.50 น. ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา เข้าสู่การพิจารณา

มาตรา 256/13 ที่ กมธ.เสียงข้างมากให้ ส.ส.ร.จัดทำร่างรัฐธรรมนูญแล้วเสร็จภายใน 240 วัน และการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญที่มีผลเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมหมวด 1 และหมวด 2 จะกระทำมิได้ โดย ส.ส.ฝ่ายค้านหลายคน อภิปรายให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญสามารถแตะต้องหมวด 1 และ หมวด 2 ได้ อาทิ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ขอเพิ่มเติมในมาตรา 256/13 ว่า “การจัดทำร่างรัฐธรรมนูญที่มีผลเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมหมวด 1 บททั่วไป และหมวด2 พระมหากษัตริย์ จะกระทำมิได้ เว้นแต่เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมที่ ทำให้การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น”เพราะเป็นห่วงหมวด 1 และ หมวด 2 ถ้าในอนาคตมีการเปลี่ยนแปลงหรือมีสิ่งดีๆที่จะเติมเต็มเข้าไป เพื่อให้ระบอบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขดีขึ้นนั้น จะทำมิได้ ถ้าไม่มีเขียนระบุไว้ ไม่ได้มีเจตนาแก้ไข แต้ต้องการเติมเต็มให้ดีขึ้น

ด้านนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับการห้าม ส.ส.ร.แก้หมวด 1 และ หมวด 2 ที่ผ่านมา เคยมีการแก้ไขปรับปรุงหมวด 1 และหมวด 2ให้เหมาะกับกาลสมัยที่เกิดขึ้น แสดงว่า การแก้ไขสามารถทำได้ แต่ที่ผ่านมาพูดราวกับว่า 2 หมวดนี้เป็นสิ่งที่ไม่พึงกระทำ ไม่มีประเพณีที่เคยทำมา แต่เพราะเหตุใดในการตั้ง ส.ส.ร.ถึงไม่ให้ ส.ส.ร.ทำตามที่คิดว่าเหมาะสมกับกาลสมัย จะไปบอกว่าหมวดนี้ห้ามแตะ ทำแบบนี้เป็นผลดีต่อสถาบันหรือไม่ ยิ่งห้ามยิ่งเป็นผลเสีย ยิ่งทำราวกับว่าพูดไม่ได้เลย ยิ่งไม่เป็นผลดี จึงไม่เห็นด้วยกับการห้าม ส.ส.ร.แตะต้องหมวด 1และหมวด 2 ขอตั้งคำถามว่า การไปกำหนดห้ามแก้หมวด 1 และหมวด 2 จึงเป็นความประหลาด ไม่เข้าใจว่า ส.ส.รัฐบาลและส.ว. จะเป็นปัญหาอะไรกับเรื่องนี้ขนาดนี้ รัฐสภาถ้ามาจากประชาชนอย่างแท้จริง อย่าล็อกหรือบีบคอ ส.ส.ร. ให้เขาทำหน้าที่อย่างอิสระ คิดว่าจะได้รัฐธรรมนูญที่ดีกว่าที่เป็นอยู่แน่นอน ถ้าไปล็อกบางมาตรา ไม่ให้แก้ไขได้ เชื่อว่าจะไม่ได้รัฐธรรมนูญที่ดีที่สุด

ขณะที่ส.ว.หลายคนอาทิ พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร พล.อ.ดนัย มีชูเวท นายเสรี สุวรรณภานนท์ อภิปรายยืนยันห้าม ส.ส.ร.แตะต้องหมวด 1 และ หมวด 2 จำเป็นต้องปกป้องสถาบัน โดยนายสมชาย แสวงการ ส.ว. อภิปรายว่า ถ้าไม่กำหนดห้ามแตะต้องหมวด 1และ หมวด 2 เท่ากับตีเช็กเปล่าให้ ส.ส.ร.แก้ไขรัฐธรรมนูญ นอกจากจะห้ามแตะต้องหมวด 1 และ หมวด 2 แล้ว เชื่อว่า ส.ว.ทุกคน ยังอยากให้เติมว่า ห้ามส.ส.ร.แตะต้องอีก 38 มาตราที่เกี่ยวกับพระราชอำนาจเข้าไปด้วย เพื่อเป็นหลักประกันว่า พระราชอำนาจจะไม่ถูกแก้ไข เติมเข้าไปเสียหายตรงไหน อย่าตะแบง ตนไม่สบายใจในเรื่องนี้

ทั้งนี้ ส.ว.หลายคนพยายามอภิปรายกดดันให้ กมธ.เสียงข้างมากเพิ่มเติมข้อความ ห้าม ส.ส.ร.แตะต้อง 38 มาตราที่เกี่ยวข้องกับพระราชอำนาจเข้าไปอยู่ในวรรค 5 ของมาตรา 256/13 ก่อนที่จะมีการลงมติโหวต ทำให้นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญฯ ได้ลุกขึ้นขอให้พักการประชุม เพื่อหารือและให้การลงมติไปในทิศทางเดียวกัน

จึงทำให้นายพรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภาที่ทำหน้าที่ประธานการประชุม สั่งพักประชุม 15นาที เพื่อให้กมธ.เสียงข้างมากไปตกลงกันจะทำตามข้อเสนอของส.ว.หรือไม่

จากนั้น18.00 น.กลับมาประชุมอีกครั้ง และได้มีการลงมติให้มีการแก้ไขมาตรา 256/13 ด้วยคะแนน 544 ต่อ 1 เสียง ไม่เห็นด้วย 53 เสียง และเห็นด้วยกับเสียงข้างมากด้วยคะแนน 398 ต่อ 200 เสียง งดออกเสียง 58 ไม่ลงคะแนน 2