posttoday

"พิธา" อัด "ประยุทธ์" ไม่เข้าใจการเป็นนายกฯ ภายใต้ปชต. ปลุกสภาต้องเลือก"บิ๊กตู่"หรือ"ประเทศ"

20 กุมภาพันธ์ 2564

หัวหน้าพรรคก้าวไกล อัด "ประยุทธ์" มีกฎหมาย 3 ชุด ไม่เข้าใจการเป็นนายกฯ ภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ใช้สถาบันฯ เพื่อปกป้องตัวเอง ใช้มาตรา 112 พร่ำเพรื่อ จี้สภาเลือกระหว่าง "ประยุทธ์" กับ "ประเทศ" เพื่อให้ไทยเดินหน้าต่อไปได้

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายเมื่อช่วงค่ำวันที่ 19 กพ. ว่า รัฐบาลฉ้อราษฎร์บังหลวง เอื้อประโยชน์นายทุน ทำลายระบบนิติรัฐ เพื่อพวกพ้องตนเอง ทั้งที่พูดบ่อยครั้งว่ากฎหมายต้องเป็นกฎหมาย แต่ความเป็นจริง พล.อ.ประยุทธ์มีกฎหมาย 3 ชุด คือ 1.กฎหมายสำหรับคนธรรมสามัญชนที่กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย 2.กฎหมายสำหรับคนรวย เจ้าสัว คนใกล้ชิดรัฐบาลที่อยู่เหนือกฎหมาย และ 3.กฎหมายที่มีไว้สำหรับผู้เห็นต่างจากรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เป็น รมว.กลาโหม แต่ชัดเจนว่าปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตในกองทัพ และวันนี้ยังไม่มีการปฏิรูปกองทัพตามที่ท่านเคยสัญญาไว้ พล.อ.ประยุทธ์ไร้ความสามารถในการบริหารราชการแผ่นดิน มีคนจนเพิ่มขึ้น 1.5 ล้านคน หากรัฐบาลจะอ้างว่าเศรษฐกิจย้ำแย่เพราะโควิด – 19 คงไม่ถูกต้อง เพราะเศรษฐกิจไทยย่ำแย่มาตั้งแต่ก่อนเกิดโควิด – 19 นอกจากนี้ ขณะนี้ทั่วโลกมีประชากรได้ฉีดวัคซีนแล้ว 168 ล้าน แต่ในจำนวนนี้ไม่มีคนไทยได้ฉีดเลยแม้แต่เข็มเดียว ทั้งที่วัคซีนคือเศรษฐกิจ คือปากท้องของประชาชน ท่านไม่มีการบริหารความเสี่ยงไม่เข้าใจสถานการณ์ ไปเชื่อมั่นรอวัคซีนจากบริษัทเดียว

นายพิธา กล่าวอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ บกพร่องร้ายแรงที่สุดคือความไม่เข้าใจหลักการระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และวิธีปฏิบัติของนายกฯในระบอบนี้ โดยระบอบนี้มีองค์ประกอบสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ ประชาธิปไตย ราชอาณาจักร และระบบรัฐสภา ซึ่งในรัฐธรรมนูญมีการประสานหลักการเหล่านี้ไว้ในมาตรา 3 ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาเกือบ 7 ปี นายกฯไม่เข้าใจในการเป็นนายกฯในระบอบนี้ โดยอ้างพระมหากษัตริย์เป็นเกราะคุ้มกันปกป้องตัวเองตลอดเวลา

"ตลอดเวลา 7 ปี นายกฯ กลับทำอะไรที่ไม่ควรทำ และไม่ทำสิ่งที่ควรทำ โดยใช้ ม.112 ดำเนินคดีกับนักเรียน นิสิต นักศึกษาและประชาชนที่ร่วมชุมนุมเรียกร้องการปฏิรูปสถาบันฯ ผมไม่เชื่อว่าการใช้ ม.112 อย่างพร่ำเพรื่อจะเป็นผลดีต่อสถาบันฯ" นายพิธากล่าว และว่า หลังจากนี้ยังมีแนวโน้มที่ยังมีเยาวชนหลายร้อยคนจะถูกจองจำด้วยมาตรา 112 ซึ่งการใช้กฎหมายมาตราดังกล่าวจะยิ่งจะสร้างความแตกร้าวระหว่างประชาชนกับสถาบันมากขึ้นไปอีก ที่ผ่านมาพวกตนพยายามหาทางออกด้วยการใช้กระบวนการทางสภา แต่พล.อ.ประยุทธ์กลับมีแต่อคติบังตา กล่าวหาว่าพวกตนอยู่เบื้องหลังว่าล้มล้างสถาบัน และเมื่อมีคนมาชุมนุมประท้วงรัฐบาลยังมาอ้างสถาบันอีก ตนเชื่อว่าประชาชนไม่ว่าอยู่จังหวัดไหนไม่มีใครอยากมาม็อบ ดังนั้น ถ้าไม่อยากให้มีม็อบ ผู้มีอำนาจต้องไม่สร้างเงื่อนไขให้มีม็อบ ต้องบริหารประเทศตามรูปตามรอยในทุกๆด้าน จะต้องทำให้ได้ ไม่ใช่พอทำไม่ได้แล้วเอาสถาบันมาอ้างปิดบังความล้มเหลว ความผิดพลาดของตัวเอง อย่างไรก็ตาม ถ้าตนเป็นเป็นนายกฯ จะไม่ปล่อยให้มีการพูดเรื่องสถาบันไปเรื่อยจนไปไม่มีทางออกแบบนี้ แต่จะเอาเรื่องนี้มาไว้ในพื้นที่ในสภาเพื่อให้คนทุกกลุ่ม ทุกพรรคได้พูดคุยกันด้วยเหตุผลอย่างมีวุฒิภาวะ

“ถ้าผมเป็นนายกฯ จะไม่ปล่อยให้มีการพูดเรื่องสถาบันฯ ไปเรื่อยๆ โดยไม่มีทางออก แต่จะสร้างพื้นที่ปลอดภัยนำการพูดเรื่องปฏิรูปสถาบันฯ มาไว้ในสภาฯ ให้ทุกคนเข้ามาพูดด้วยเหตุผล แล้วปัญหาทุกอย่างจะยุติ สถาบันฯ จะอยู่อย่างมั่นคงและยั่งยืน” หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าว

นายพิธา กล่าวอีกว่า เมื่อวันที่ 16 ก.ค.2562 พล.อ.ประยุทธ์ นำคณะรัฐมนตรี (ครม.) เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญกำหนด พอมีคนจับได้แทนที่จะแสดงความรับผิดชอบหาทางออก แต่กลับบอกว่าเป็นเรื่องของรัฐบาลกับสถาบัน และไม่เคยแสดงความรับผิดชอบอะไรเลย ทั้งนี้ สิ่งที่นายกฯที่ดีควรทำในระบอบนี้ คือ ควรเป็นห้ามล้อไม่ให้พระราชอำนาจไปขัดแย้งรัฐธรรมนูญ ทำหน้าที่เป็นกันชนไม่ให้เรื่องเสื่อมเสียกระทบไปถึงสถาบัน นายกฯที่ดีต้องปกป้องสถาบันไม่อ้างพร่ำเพรื่อ เพื่อสร้างแรงสนับสนุนทางการเมืองให้กับตนเอง และต้องเชิดชูสถาบันให้อยู่เหนือการเมือง

“เวลานี้ประเทศไทยมาถึงทางสองแพร่ง ถึงเวลาแล้วที่สภาจะเลือกพล.อ.ประยุทธ์หรือเลือกประเทศ ถ้าเลือกพล.อ.ประยุทธ์จะไม่มีประเทศหลงเหลือ แต่ถ้าเลือกประเทศ พล.อ.ประยุทธ์จะเป็นสิ่งแรกที่ต้องแกะสลักออก ถ้าสภาเลือก พล.อ.ประยุทธ์ เท่ากับเรามองอนาคตของชาติเป็นภัยต่อความมั่นคง เอาอนาคตของประเทศไปคุมขังไว้ ทั้งที่ประเทศต้องการอนาคตมากที่สุด ถ้าสภาลงมติไว้วางใจให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯต่อไป เท่ากับเราเห็นชอบในธรรมเนียมของ พล.อ.ประยุทธ์ ในการอ้างพระราชกระแสมาปกป้องความผิดพลาดของตัวเอง ดังนั้น ถ้าสภาเลือกประเทศโหวตไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นการถอดสลักประเทศให้ได้เดินหน้าต่อไปได้” นายพิธา กล่าว