posttoday

"จตุพร"เตือนฝ่ายรัฐบาลอย่าดูถูกม็อบ ระวัง14ตุลาคนชุมนุมมืดฟ้ามัวดิน

01 ตุลาคม 2563

"จตุพร" เตือนฝ่ายรัฐบาลอย่าสุมไฟด้วยการดูถูกการชุมนุมเรียกร้องแก้รัฐธรรมนูญ บอกระวัง 14 ตุลานี้ ม็อบออกมามืดฟ้ามัวดิน

เมื่อ 1 ต.ค.63 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวิเคราะห์สถานการณ์การเมืองในเดือนตุลาคมนี้ว่า ประวัติศาสตร์ 14 ตุลามีปรากฎการณ์สำคัญและควรเป็นบทเรียนคือ การรายงานข่าวของฝ่ายรัฐที่ไม่ตรงตามข้อเท็จจริง จนทำให้จอมพลประภาส จารุเสถียร รองนายกรัฐมนตรี รมว.มหาดไทย และ ผบ.ทบ. ในขณะนั้น เชื่อมีคนมาชุมนุมน้อย จึงพูดท้าทายไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งเป็นเหตุให้คนออกมาชุมนุมกันมโหฬาร แล้วเกิดการปะทะกัน

"ผมยกกรณีนี้ขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อทบทวนถึงคำพูดของรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐคนหนึ่งได้ถากถางการชุมนุมเรียกร้องให้แก้รัฐธรรมนูญว่า มีคนเพียงหยิบมือเดียว เป็นการเยาะเย้ย ดูถูกเหยียดหยาม ซึ่งจะเป็นเหตุให้คนออกมาแสดงกำลังมืดฟ้ามัวดินในวันที่ 14 ตุลา ดังนั้น การพูดด้วยถ้อยคำและท่วงทำนองไม่ระมัดระวังแล้ว จะกระทบกับการเมืองถัดจากนี้ไปว่า จะมีเหตุการณ์ความวิปโยคอีกหรือไม่"

"คำว่าคนหยิบมือเดียว เป็นการดูถูกเหยียดหยามเขา ผมยังยืนยันเหมือนเดิมว่า ผมสนับสนุนแค่ 3 ข้อเท่านั้น เป็นจุดยืนไม่เคยเปลี่ยน และนายกรัฐมนตรีพูดเป็นนัยๆจะสนับสนุนร่างแก้ รธน. มาตรา 256 ไม่แตะหมวด 1-2 แม้ สว.บางคนแสดงบทบาทว่า ฟังนายกฯคนเดียวไม่ได้ แต่ผมเชื่อว่า ถึงที่สุดต้องฟัง"นายจตุพรกล่าว

นายจตุพร กล่าวด้วยว่า สว.ควรเลิกพูดเรื่องประชามติ เพราะถึงที่สุดแล้ว ในทางปฏิบัติ สว.ก็ไม่ได้จริงจังกับประชามติเท่าใดนัก เนื่องจากคนที่เคยออกมาปกป้อง รัฐธรรมนูญ 2560 เคยอ้างประชามติปกป้อง รัฐธรรมนูญ 2550 เพื่อไม่ให้แก้ไขมาแล้ว แต่เมื่อมีคนฉีก ยังมาอยู่กับคนฉีก แล้วออกมาพูดถึงประชามติของ รัฐธรรมนูญ 2560 อีก ซึ่งวิธีการนี้ทำให้ สว.บางกลุ่มอยู่สัมผัสอำนาจการเมืองมายาวนาน

“เมื่อนายกรัฐมนตรีแสดงท่าทีสนับสนุนร่างแก้ รธน. สิ่งที่น่าห่วงคือ กรรมาธิการแก้ รธน.ทำไมต้องยื้อการประชุมกันถึง 1 เดือน และลากไปสร้างภาวะคับแค้นจนถึงวันที่ 14 ตุลา ถ้าเกิดเหตุการณ์ขึ้นมาแล้วจะโทษใคร ถ้ารัฐบาลทำตามเสียงเรียกร้องให้แก้ รธน.แล้ว สถานการณ์จะเบาบางขึ้น แต่นี่กลับทำตรงข้ามกัน คือเร่งสุมไฟขึ้นไปเรื่อยๆ”

นายจตุพร เตือนว่า ฝ่ายรัฐบาลอย่าได้ชะล่าใจความรู้สึกของคนไทย และใครที่ท้าทายประชาชนมีอันเป็นไปทั้งนั้น ต้องฟังกันบ้าง อย่าได้พูดยั่วยุประชาชน ซึ่งต้องมีการตักเตือนนักการเมืองที่พูดอะไรไม่รู้สึกรู้สาเสียเลย

อย่างไรก็ตาม ตนยังหวังว่า สิทธิการชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธต้องได้รับการคุ้มครองให้เป็นเสรีภาพของประชาชน ที่สำคัญรัฐควรรีบเสนอเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ ซึ่งจะทำให้บรรยากาศในเดือนตุลาดีขึ้น