posttoday

เผยบรรยากาศ อำลา หัวหน้าส่วนราชการ เปิดใจต่อหน้า 'บิ๊กตู่' อวยชื่นมื่น

24 กันยายน 2563

บรรยากาศ อำลา หัวหน้าส่วนราชการ เปิดใจต่อหน้า นายกฯ อวยชื่นมื่น ปลัดบัวแก้ว ชู ผู้นำพรหมวิหาร 4 มีครบ เมตตา กรุณา มุฑิตา อุเบกขา ‘หมอสุขุม’ ปลื้ม ร่วมต่อสู้โควิด-19 ระบุ นายกฯ เป็นคนคิดสถานกักกันตัวฯ

เมื่อวันที่ 24 ก.ย. นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยบรรยากาศในการประชุมหัวหน้าส่วนราชการ ครั้งที่ 4/2563 ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายของปีงบประมาณ 2563 เมื่อวันที่ 23 ก.ย. ที่ผ่านมาว่า มีหัวหน้าส่วนราชการในระดับปลัดกระทรวงและหัวหน้าส่วนราชการเกษียณถึง 14 กระทรวง/หน่วยงาน ซึ่งในที่ประชุม เลขาธิการ ก.พ. ได้เปิดโอกาสให้แต่ละท่านเผยถึงความในใจที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อาทิ นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสภาพัฒนาการสังคมและเศรษฐกิจแห่งชาติ ได้กล่าวว่า “ท่านนายก ฯ ได้ทำคุณูปการให้กับบ้านเมืองเยอะแยะมากมาย คือการวางวิสัยทัศน์และยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เอาไว้ให้กับประเทศไทย”

นางบุษยา มาทแล็ง ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ว่า “ ปี 62 ที่ไทยเป็นประธานอาเซียน ท่านนายกฯ ดูแลสนับสนุนอย่างเต็มที่ ท่านเป็นประธานการประชุมที่เราภาคภูมิใจ รวมทั้งได้รับความชื่นชมจากผู้นำทุกประเทศโดยมีหนังสือชื่นชมตอบกลับมา ส่วนการทำงานกับนายกฯ ท่านนี้ก็รู้สึกสบายใจ เพราะท่านมีความตั้งใจทำเพื่อประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริงและมีพรหมวิหาร 4 มีเมตตา กรุณา มุทิตาและอุเบกขา ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้นำทุกองค์กรต้องมี รวมทั้งไม่มีวาระซ่อนเร้นใดๆ”

นายปรเมธี วิมลศิริ ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เผยว่า “นายกฯ มีเมตตา เอาใจใส่กับลูกน้องอย่างมาก เสียดายที่คนทั่วไปไม่ค่อยได้เห็น จะเห็นท่านในข่าว ในสื่อ ซึ่งไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของท่าน”

ขณะที่นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคมเผยว่า “ตั้งแต่ดำรงตำแหน่ง ผอ. สนข. และได้รับแต่งตั้งเป็นปลัดกระทรวงคมนาคม ทราบว่านายกฯ ต้องการให้ผมมาขับเคลื่อนแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมของประเทศไทย ซึ่งงานก่อสร้างหลายอย่างเกิดจากแผนนี้ เป็นแผนที่เริ่มมาตั้งแต่ พ.ศ. 2558 และสิ้นสุดใน พ.ศ. 2565 เป็นแผน 8 ปี ที่มีความสำคัญทั้งถนน ราง นำ้ อากาศ ช่วงที่ผมทำหน้าที่นั้น งานทั้งหนักและเหนื่อยมาก แต่ทุกครั้งที่ได้เห็นท่านนายกฯทำงานด้วยความตั้งใจ สิ่งที่เกิดความรู้สึกคือผมทำงานหนักน้อยกว่าท่านนายกฯมาก สิ่งที่เหนื่อยที่หนักนั้นกลายเป็นพลังกายพลังใจในการดำเนินงานต่อไป“

นายประเสริฐ บุญเรือง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า “การจัดการเรียนการสอนในยุคโควิด-19 ที่เกิดขึ้น ท่านนายกฯ เป็นผู้ช่วยเหลือในการทำให้มีช่องโทรทัศน์ DLTV Digital ถึง 17ช่อง ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการเคยขอมาไม่รู้กี่ครั้ง แต่ก็ไม่เคยได้ แต่โควิด-19 ครั้งนี้ ถือว่าท่านนายกฯมาช่วยให้กระทรวงศึกษาฯจัดการเรียนการสอนในทีวีได้ นี่คือสิ่งที่ผมประทับใจว่า ท่านมีบารมี และท่านได้ช่วยเหลือกระทรวงศึกษาฯให้นักเรียน นักศึกษาจำนวนถึง 10 ล้านคนได้เรียนรู้อย่างต่อเนื่องในช่วง Lock-down”

นายอนุกูล เจิมมงคล ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ กล่าวว่า “ในวิชาชีพข้าราชการ ท่านนายกรัฐมนตรีถือเป็นแบบอย่างของการเป็นข้าราชการที่ดี มุ่งเน้นการทำงานเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริง ทั้งในช่วงที่ท่านนายกรัฐมนตรีเป็นข้าราชการ และในช่วงนี้ที่ท่านเกษียณอายุราชการแล้วก็ตาม ทำให้ทุกฝ่ายได้เห็นว่าข้าราชการมีบทบาทสำคัญ ที่คอยช่วยเหลือประชาชนและประเทศชาติในยามวิกฤต”

ด้าน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กล่าวถึงความประทับใจต่อนายกรัฐมนตรีว่า “สิ่งที่ผมประทับใจในตัวท่านนายกฯ คือ 1. มีความเป็นผู้นำสูงมาก 2. มีความเด็ดขาด 3. มีความรับผิดชอบ นี่คือความประทับใจตั้งแต่ที่ได้รู้จัก”

เผยบรรยากาศ อำลา หัวหน้าส่วนราชการ เปิดใจต่อหน้า 'บิ๊กตู่' อวยชื่นมื่น

นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เล่าย้อนถึงการต่อสู้กับโควิด-19 ว่า “ภายใต้การบังคับบัญชาของท่านนายกรัฐมนตรีที่ต่อสู้กับโควิด-19 ประเทศไทยต้องบอกว่าโชคดีที่มีท่านนายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำ ท่านเป็นคนที่มีคุณธรรม ความรู้สึกผมคือท่านเป็นคนมีบารมี มีสิ่งศักดิ์สิทธ์คุ้มครอง หลายอย่าง ภัยพิบัติที่จะเกิดกับประเทศไทยต้องอาศัยบารมีท่านนายกฯช่วย บางอย่างเป็นเหมือนจะเกิดภัยพิบัติ หรือเห็นสถานการณ์ของโรคร้ายแต่มันก็หายไปได้ พ้นไปได้ ก็เพราะการนำของท่านนายกรัฐมนตรี ความเก่งของท่านคือการติดตามการทำงานทุกอย่าง ท่านเป็นผู้มีคุณธรรม มีเมตตากับลูกน้อง ในการทำงานสู้กับโควิด-19 นี้ ผมยอมรับว่าบางครั้งก็รู้สึกท้อ อยากจะร้องไห้ รู้สึกหมดหวัง แต่ก็ได้ความเมตตาจากท่านนายกฯ ติดตาม ถามไถ่ และแนวคิดเรื่อง State Quarantine ท่านนายกก็เป็นคนคิดคนทำ ตอนแรกผมคิดไม่ออกจะทำได้อย่างไร แต่ท่านใช้ความเป็นผู้นำของท่าน ทำให้เกิด State Quarantine และสุดท้ายก็สามารถปกป้องประเทศไทยได้ ซึ่งในช่วงแรกนั้นคำนวณกันไว้ว่าประเทศไทยจะมีคนป่วยถึง 300,000คน และคาดว่าจะมีคนตาย 60,000 คน แต่วันนี้ประเทศไทยทำได้ดีกว่านั้นมาก ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก และผมมั่นใจว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยจะรอดได้ภายใต้การทำงานของท่านนายกรัฐมนตรีต่อไป“

รศ.นพ.สรนิต ศิลธรรม ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมกล่าวถึงงานวิจัยว่าก้าวหน้าไปมาก รัฐบาลได้สนับสนุนการก่อสร้างและอุปกรณ์ เช่น กล้องดูดาว รวมทั้งทุนการศึกษา ทุนวิทยาศาสตร์ ทุนเรียนต่อ ซึ่งปลัด อว. ย้ำถึงความสำคัญของทุนต่างๆ คงจะเป็นมรดกให้ลูกหลานหรือรุ่นน้องๆ ได้ดำเนินการทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และทางด้านการศึกษาต่อไป

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “คนเรามีทั้งข้อดี และข้อเสีย” ซึ่งผู้บริหารท่านหนึ่งรีบเปรยว่า “ขอให้ท่านนายกฯ อย่าเขียนหวัดมากนัก เพราะลายมือท่านไม่สามารถอ่านออกได้ เลยไม่ทราบว่าท่านสั่งการอะไร” ชึ่งนายกรัฐมนตรีอมยิ้มและยอมรับว่า เป็นข้อเสียที่แก้ไม่หาย เพราะคิดไว ทำไว สมองคิดนำไปก่อน มือตามไม่ทัน และสุดท้ายท่านนายกฯได้กล่าวว่า การทำงานของหัวหน้าส่วนราชการทุกกระทรวง และการทำงานของนายกรัฐมนตรีนั้น มีเป้าหมายเดียวกันคือ ร่วมกันปฎิบัติหน้าที่เพื่อประโยชน์ และเพื่อความสุขของประชาชน

“บรรยากาศในการประชุมซึ่งถือเป็นการอำลาปลัดกระทรวงที่จะเกษียณอายุราชการในปีนี้ เต็มไปด้วยความอบอุ่น สะท้อนถึงความผูกพันระหว่างนายกรัฐมนตรีและข้าราชการทั้งในฐานะผู้บังคับชา ผู้ใต้บังคับบัญชา และผู้ร่วมงานมาด้วยกัน เป็นโมเม้นท์ที่เฉพาะคนในเหตุการณ์จะได้สัมผัสและเห็นถึงความตั้งใจและตัวตนที่แท้จริงของนายกรัฐมนตรี เสียดายที่ไม่ได้ปรากฏในสื่อ” โฆษกรัฐบาลกล่าว