posttoday

จบชีวิตทางการเมืองแน่! "ตู่"เตือนคนผิดสัจจะแก้รัฐธรรมนูญ

23 กันยายน 2563

"จตุพร" จับตาปมแก้รัฐธรรมนูญ เฝ้าดูฝ่ายไหนผิดสัจจะ ไม่ทำตามสัญญา เชื่อเป็นคนทรยศประชาชน หวั่นเกิดสถานการณ์ให้จบทางการเมือง

เมื่อ 23 ก.ย. 63 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า การแก้รัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะแก้ ม.256 เป็นประเด็นหลักทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน แต่สุดท้ายแล้ว คาดจะผ่านเฉพาะร่างของรัฐบาล ส่วน พรรคร่วมรัฐบาลให้สัญญาเป็นสัจจะกับประชาชนไว้ในการแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งจากนี้จะเสียคำพูดที่ให้ไว้กับประชาชนหรือไม่ จึงต้องติดตาม

การแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้เป็นสิ่งยากลำบากอย่างยิ่ง เพราะในวาระหนึ่งขั้นรับหลักการ และการลงมติในวาระสาม แล้ว ต้องมีเสียง สว. 84 คนด้วย แม้ร่างรัฐธรรมนูญผ่านด้วยเสียงข้างมากก็ตาม แต่ไม่มีเสียง สว.ถึง 84 เสียงแล้ว ร่างรัฐธรรมนูญนั้นเป็นโมฆะทันที

อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่า ในวาระที่หนึ่ง ร่างรัฐธรรมนูญแก้ ม.256 นั้นจะผ่านเฉพาะของรัฐบาล ที่ให้มี สสร. 150 คน จากสรรหา 50 คน เลือกตั้ง 100 คน แต่ขณะนี้ประชาชนไม่ไว้วางใจการสรรหา สว.อีกแล้ว ดังนั้นการแปรญัตติวาระสอง จึงต้องต่อสู้ให้ สสร.มาจากการเลือกตั้งของประชาชนทั้งหมด

สำหรับร่างรัฐธรรมนูญของประชาชน พร้อมรายชื่อสนับสนุนกว่า 1 แสนนั้น รัฐสภาควรตรวจสอบตามขั้นตอนเพียง 5 หมื่นชื่อเมื่อเข้าเงื่อนไขก็บรรจุระเบียบวาระได้ แล้วตรวจสอบรายชื่อที่เหลือภายหลัง เพื่อรักษาความรู้สึกของประชาชนไว้ ซึ่งน่าเสียดายมากที่สุดที่บรรจุระเบียบวาระไม่ทัน

อีกอย่าง เมื่อกระบวนการแก้รัฐธรรมนูญเข้าสู่สภาเป็นวันแรก ดูเหมือนกระแสแก้รัฐธรรมนูญเริ่มแผ่วลง อย่างไรก็ตาม การแก้ รัฐธรรมนูญยังเป็นเรื่องหลัก และตนหวั่นว่า การแก้รัฐธรรมนูญจะแล้วเสร็จหรือไม่ รวมถึงจะมีการการทรยศหักหลัง หรือเกิดการห่วงอำนาจหรือไม่ ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญทำให้การแก้รัฐธรรมนูญต้องพังพินาศลง

"ความอดทนของประชาชนจะลดลงตามลำดับ ทั้งด้านเศรษฐกิจ ยิ่งการท่องเที่ยวจากปี 2562 มี 32 ล้านคน แต่ปี 2563 ลดลงเหลือแค่ 7 แสนคน แล้วปี 2564 จะเหลือแค่ไหนเมื่อการระบาดของโควิดยังไม่สิ้นสุด ดังนั้น สถานการณ์เช่นนี้ จึงไม่มีหลักประกันอะไรเลยว่า เหตุการณ์ทางการเมืองที่ไม่คาดฝันจะไม่เกิดขึ้น อีกทั้งเมื่อแก้ รัฐธรรมนูญเป็นความหวังของประชาชน ของเยาวชนจึงไม่ควรจะมีใครมาทำลายความหวังนี้”

นายจตุพร กล่าวว่า การแก้รัฐธรรมนูญนั้น ความกดดันจะมีมากขึ้นตามลำดับ เพราะเป็นสิ่งที่แบกความหวังของประชาชนไว้ ที่สำคัญหากทรยศกับประชาชนอีกครั้งแล้ว วันนั้นอะไรก็เอาไม่อยู่ แต่ถ้าทำทุกขั้นตอนให้มีเสรีภาพ เท่าเทียม การรณรงค์อย่าอ้างถึงประชามติที่มัดมือชก เพราะเป็นสิ่งน่าอับอาย แต่ควรให้ประชาชนตัดสิน

"เอาเป็นว่า คนที่จะจบในการแก้ไขรัฐธรรมนูญคือคนไม่รักษาสัจวาจา รัฐบาลแถลงเป็นนโยบายต่อสภาว่าจะแก้รัฐธรรมนูญ ฝ่ายค้านแสดงเจตนารมณ์ชัด ใครทรยศกับประชาชนคนนั้นจะจบ"